The End
"เมื่อวานหนาวจะฆ่าเฮีย" น้ำหนาวเอ่ยขึ้นทำให้ศิลาที่กำลังใช้ปากดูดดุนติ่งสวาทของเธออยู่หยุดนิ่งไป
"เรื่องเมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน มันผ่านมาแล้ว"
"หนาวขอโทษ" น้ำหนาวเอ่ยขอโทษเสียงสั่นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นดวงตาคู่สวย
"โดนเอ็นกระแทกเข้าไปสติเลยกลับเข้าร่าง?" น้ำเสียงทุ่มต่ำของใครคนหนึ่งดังขึ้นทำให้น้ำหนาวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจพลางดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาปกปิดเรือนร่างบอบช้ำของตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด
"รัน" น้ำหนาวเอ่ยเรียกชื่อของลูกพี่ลูกน้องที่เดินพรวดพราดเข้ามาภายในห้องนอนอย่างไร้มารยาททำเอาศิลาที่กำลังมุดโพรงสวาทอยู่ดันลิ้นหนาติดกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิดเมื่อถูกเพื่อนรักเข้ามาขัดจังหวะ
"รีบเอากันให้เสร็จเพื่อนรออยู่ข้างล่าง" การันต์เอ่ยบอกแต่เหมือนจะเป็นคำสั่งเสียมากกว่า ก่อนที่ประตูห้องนอนจะถูกปิดลงด้วยเท้าของการันต์
"กว่าจะลงมาได้" เป็นอัคคีที่เอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของเหล่าบรรดาเพื่อนสนิททำให้การันต์สมิงและคีตะต่างหันไปมองที่ศิลาและน้ำหนาวที่เดินจูงมือกันลงมาจากบันไดบ้านอย่างหวานชื่นจนน่าหมั่นไส้
"ดวงแข็งดีนี่ นึกว่าจะโง่แดกยาพิษตายไปแล้ว" สมิงเอ่ยแซวพลางยักยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่
"นึกว่าจะได้เก็บศพ อุสาห์ทิ้งเคสผ่าตัดใหญ่มาเพื่อจะเก็บศพไปสอนนักศึกษาแพทย์" เป็นคีตะที่เอ่ยขึ้นอีกคน
"พวกมึงมาทำไม" ศิลาเอ่ยถามเหล่าบรรดาเพื่อนรักเสียงเข้มก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาข้างๆกับสมิงพลางกอดรั้งเอวคอดกิ่วของน้ำหนาวให้นั่งลงบนตักแกร่งของตัวเอง
"มาเก็บศพมึงไง นึกว่าจะได้จัดงานใหญ่" อัคคีเป็นเจ้าของคำพูดสาปแช่งนั้น
"พวกมึงจะมาทำไมบ่อย"
"อย่างที่ไอ้คีตะบอกไป มาเก็บศพมึง" การันต์เอ่ย
"พวกมึงว่างกันมากรึไง"
"ก็พอสมควร" การันต์เอ่ยพลางยักไหล่ให้ศิลาอย่างไม่ยี่หระ
"ทำไมถึงเปลี่ยนใจ?" อัคคีเลิกคิ้วขึ้นเอ่ยถามน้องสาวที่นั่งอยู่บนตักแกร่งของศิลา
"..." น้ำหนาวไม่ได้ตอบคำถามของพี่ชายเธอเมินเฉยต่อคำถามนั้นพลางซบใบหน้าเข้าหาซอกคอหนาของศิลาทำเอาอัคคีถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความเหนื่อยอ่อน
"ลงทุนเข้าไปเอายาพิษที่บ้านกู เพื่อมาลอบสังหารไอ้ศิลาสุดท้ายก็โดนพิษรักจากมันเล่นงานก่อน น่าสมเพช" การันต์เอ่ยกระแหนะกระแหนลูกพี่ลูกน้องหากแต่ว่าน้ำหนาวไม่ได้สนใจในถ้อยคำกระแหนะกระแหนของการันต์เลยสักนิด
"เมื่อคืนเอาไปกี่น้ำ?" การันต์เอ่ยถามศิลาอย่างตรงไปตรงมาทำเอาน้ำหนาวเขินอายจนหน้าแดงกับคำถามของลูกพี่ลูกน้อง
"พูดอะไรให้เกียรติเมียกูด้วย" ศิลาตวัดตามองการันต์อย่างไม่ชอบใจนัก
"เมียมึงไม่ใช่มนุษย์ปกติ มันเป็นแม่มด" การันต์แย้งกลับ "ถ้าหนาวมันไม่ปัดยาพิษทิ้ง มึงก็จะกินเหรอ?"
"ถ้าอยากให้กินก็จะกิน" ศิลาตอบ
"ไม่อยากแล้ว" น้ำหนาวเอ่ยทำเอาศิลาหัวเราะในลำคอหนาเบาๆต่างจากเพื่อนๆที่จ้องมองมาที่เขาและน้ำหนาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอือมระอา
"โดนเอ็นกระแทกสั่งสอนถึงกับกลายเป็นแมวน้อยเลยเหรอ" การันต์เอ่ยหยอกล้อน้ำหนาวที่เอาแต่มุดใบหน้าเข้าหาซอกคอหนาของศิลาไม่ยอมหันมาพูดคุยกับตนเหมือนอย่างที่เธอชอบทำ
สี่เดือนต่อมา
@คฤหาสน์ของภูวดล
"หนาวอย่าจับตัวพ่อ" ภูวดลเอ่ยห้ามลูกสาวที่พยายามจะใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้ตน
"เชื้อมันไม่ได้ติดกันง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ หนาวไม่ติดหรอก" น้ำหนาวเอ่ยแต่ทว่าภูวดลก็ยังไม่ยอมให้เธอเช็คตัวให้เขาอยู่ดีด้วยกลัวว่าตัวเองจะนำเชื้อไปติดลูกสาวเพราะเขาทำผิดต่อเธอและคุณแม่ของเธอมามากเขาจึงละอายใจไม่อยากเป็นภาระให้เธอต้องคอยดูแล
"พ่อขอโทษ" ภูวดลเอ่ยขอโทษลูกสาวด้วยความสำนึกผิดจากใจจริงสุดท้ายแล้วเมื่อยามที่เขาเจ็บป่วยก็ยังมีครอบครัวที่คอยดูแลเขาอยู่ไม่ห่างแม้ว่าเขาจะเคยทำไม่ดีกับคนในครอบครัวก็ตาม
"หนาวเองก็ต้องขอโทษพ่อเหมือนกันค่ะที่เคยก้าวร้าวกับพ่อ" น้ำหนาวเอ่ยขอโทษผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตาพลางประนมมือก้มกราบที่ฝ่าเท้าของผู้เป็นพ่อ
"อึก หนาวอยากกอดพ่อค่ะ" มือบางปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าของตัวเองลวกๆพลางจ้องมองสภาพน่าเวทนาของผู้เป็นพ่อด้วยหัวใจที่เจ็บปวดภูวดลในตอนนี้ซูบผอมลงมากจนผิวหนังแห้งติดกระดูกอีกทั้งผิวกายจากที่เคยขาวอมชมพูยังเปลี่ยนเป็นสีดำ
"ตัวพ่อสกปรกหนาวขยับออกไป" ภูวดลเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก ณ ตอนนี้ภูวดลถูกสอดท่อเพราะทานอาหารเองไม่ได้หลายวันแล้วทางทีมแพทย์จึงได้ทำการสอดท่อเพื่อที่ภูวดลจะได้มีอาหารไปหล่อเลี้ยงชีวิต
"คุณภูว เชื้อไม่ได้ติดกันง่ายขนาดนั้นอีกอย่างพวกเราใส่แมสก์กันทุกคน" เป็นซิตาที่เอ่ยขึ้นซิตาเองตั้งแต่รู้ว่าภูวดลตรวจพบเชื้อมะเร็งเธอก็มาคอยดูแลเขาอยู่เรื่อยๆไม่ได้ทิ้งภูวดลอย่างที่ใจเธออยากจะทำ
"ไม่ อย่าเข้ามาใกล้ผมเลยผมทำผิดกับคุณและลูกมามากอย่าทำให้ผมต้องเป็นสาเหตุทำให้คุณกับลูกต้องลำบากเลย" ภูวดลเอ่ยเสียงเบาพลางจ้องมองใบหน้าของซิตาและน้ำหนาวสลับกันภูวดลพอจะรู้ตัวเองดีว่าเขาใกล้จะหมดวาระสุดท้ายของชีวิตแล้วหลังจากที่ต่อสู้กับมะเร็งตับระยะที่สามมานานร่วมหกเดือนอีกทั้งยังเป็นวัณโรคและเอชไอวีอีกด้วย
"คุณคิดมากอีกแล้ว ฉันกับลูกไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย"
"คุณกับลูกกลับไปเถอะ ไว้ถึงวาระสุดท้ายของผมเมื่อไหร่คุณกับลูกค่อยมาดูใจผมก่อนที่ผมจะจากไปดีกว่า"
"ฝันเฟื่องอีกแล้ว"
"หนาวไปเที่ยวให้สนุกเถอะไม่ต้องมาดูแลพ่อหรอก พ่อมีหมอกับพยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว" ภูวดลเปล่งเสียงบอกลูกสาวพลางคลี่ยิ้มบางๆให้เธออย่างยากลำบากเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่พยายามจะเปล่งเสียงพูดคุย
หลายวันต่อมา
RrrrrRrrr
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของซิตาดังขึ้นในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางไปที่คฤหาสน์ของภูวดลพร้อมกับน้ำหนาวที่นั่งอยู่บนเบาะที่นั่งข้างๆกับเธอบนรถลีมูซีนคันหรู
ซิตาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพลางจ้องมองดูเบอร์โทรของศิลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือของเธอด้วยหัวใจที่กระตุกวูบด้วยศิลาไปค้างคืนที่คฤหาสน์
ของภูวดลได้หลายวันแล้วเพื่อที่จะทำหน้าที่ดูแลภูวดลแทนน้ำหนาวเพราะเขาไม่อยากให้น้ำหนาวเสี่ยงที่จะติดเชื้อวัณโรคจากภูวดล
ในตอนนี้เองภูวดลอาการทรุดหนักไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้แล้วจะพูดได้เพียงแค่คำสั้นๆซิตาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะกดรับสายของศิลาพร้อมกับกดเปิดลำโพงให้ลูกสาวได้ฟังด้วย
Call : ศิลา
ภูวดล : ผม..ขอ..โทษ..ดู..แล..ลูก..ให้..ดี..รัก..มาก
ภูวดล : ฮึก ผม...ไป...แล้ว...นะ.
(เป็นเสียงของภูวดลที่กำลังพูดสายกับเธอแม้จะพูดได้แค่ทีละคำสั้นๆแต่ก็พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายทั้งหมดเพื่อที่จะบอกลาอดีตภรรยาและลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ)
ซิตา : อึก ฮือๆ ไม่นะ
(ซิตาร่ำไห้กอดลูกสาวแน่นเมื่อสิ้นเสียงแหบพร่าแผ่วเบาของภูวดล บ่งบอกว่าตอนนี้ภูวดลได้สิ้นใจแล้ว น้ำหนาวที่ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เห็นผู้เป็นแม่ร่ำไห้จนตัวโยนจึงรีบตั้งสติตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด ทำตัวให้เข้มแข็งที่สุดเพื่อจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้ผู้เป็นแม่ได้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือในมือของผู้เป็นแม่ขึ้นมาพูดคุยอย่างกล้าหาญ)
น้ำหนาว : พ่อ...ไม่อยู่แล้วใช่ไหมคะ
(น้ำหนาวเอ่ยถามคนปลายสายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ)
ศิลา : ครับ
(ศิลาตอบกลับมาเพียงแค่สั้นๆก่อนที่น้ำหนาวจะเป็นฝ่ายกดตัดสายไปก่อนมือบางสั่นเทาสะอื้นไห้ไม่ต่างจากผู้เป็นแม่)
@คฤหาสน์ของภูวดล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: FIERCE MAFIA พิษรักแฟนเก่า