ตอนที่ 42
"ครับ" ศิลาตอบรับอยากไม่เรื่องมากก่อนจะหันไปพูดกับอัคคีที่นั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียงผู้ป่วยกับข้างกายของนิสา
"ฝากเมียกูด้วย" ศิลาเอ่ยก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้นาวารีบลุกเดินตามออกไป "ไม่ต้องตามมา มึงอยู่เฝ้าเมียกูที่นี่" คำสั่งของศิลาทำให้นาวาหยุดเดินและหันหลังกลับมานั่งที่เดิม
"ฉันอยากทานเค้ก" นิสาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆทำเอาอัคคีขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม
"อะไรของเธอ"
"นายไปซื้อเค้กให้หน่อยสิ"
"เดี๋ยวสั่งลูกน้องไปซื้อให้"
"นายไม่มีขาเหรอ"
"เธอจะเอายังไงกับฉัน" อัคคีแยกเขี้ยวตอกกลับนิสาด้วยความไม่พอใจและไม่เข้าใจลูกน้องของเขามีเยอะแยะทำไมเธอถึงไม่ใช้
"ฉันสั่งอะไร?" นิสานั่งกอดอกจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของอัคคีอย่างไม่เกรงกลัวทำเอาอัคคีตีสีหน้าบึ้งตึงในทันที
"-_-"
"ไปซื้อเค้กให้ฉัน" นิสากดเสียงต่ำเน้นๆช้าๆ ทำเอาอัคคีดันลิ้นหนาติดกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด
"-_-"
"ไม่งั้นฉันจะไม่กลับไทย"
"พูดอะไรออกมา รักษาคำพูดด้วย" อัคคีเอ่ยเสียงเข้มพลางหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกมาจากห้องพักฟื้นผู้ป่วยตรงไปที่ร้านขายเค้กชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลทันที
"นายออกไปก่อนฉันมีเรื่องจะคุยกับหนาว เป็นการส่วนตัว" เมื่อเห็นว่าอัคคีเดินออกจากห้องพักฟื้นได้หลายนาทีแล้วนิสาจึงเอ่ยปากไล่นาวาให้ออกไปจากห้องพักฟื้นก่อน
"ผมรออยู่หน้าห้องนะครับ" นาวาเอ่ยบอกผู้เป็นนายหญิงก่อนจะโค้งศีรษะทำความเคารพแล้วเดินออกไปรอหน้าห้องพักฟื้นอย่างว่าง่าย
"ไม่ได้แกล้งความจำเสื่อมใช่ไหม?" ทันทีที่นาวาเดินพ้นจากประตูและประตูถูกปิดสนิทนิสาจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยถาม
"คะ?" น้ำหนาวทำตาโตเอียงคอเล็กน้อยราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา นิสาจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตของน้ำหนาวไม่วางตาทำเอาน้ำหนาวรีบเบือนหน้าไปอีกทาง
"พี่เห็นเรามองคุณศิลาแปลกๆ สายตาที่หนาวมองคุณศิลาตอนที่ตื่นขึ้นมามันเหมือนกับแววตาของน้ำหนาวคนก่อนที่จะความจำเสื่อม"
"..."
"จำทุกอย่างได้แล้วใช่ไหม?" คำถามของนิสาทำให้น้ำหนาวนิ่งเงียบไป
"พี่นิสาพูดเรื่องอะไรคะหนาวไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย" น้ำหนาวเอ่ยพลางทำตาใสซื่อจ้องมองใบหน้าหวานของนิสาอย่างไร้เดียงสา
"ทำแบบนี้ไม่กลัวคุณศิลาจะโกรธเหรอ"
"หนาวยังไม่ได้ทำอะไรหนิคะ"
"คุณศิลาไม่ใช่คนโง่ หนาวจำเรื่องราวได้ทั้งในอดีตและปัจจุบันหรือจำได้แค่ในอดีต?"
"หนาวอยากพักผ่อนค่ะ" น้ำหนาวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง นิสาที่เห็นอย่างนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับความหัวรั้นของน้ำหนาวหากเป็นน้ำหนาวคนที่ความจำเสื่อมคงจะไม่พูดตัดบทสนทนากับเธอแบบนี้
หลายวันต่อมา
ประเทศไทย
@คฤหาสน์ของศิลา
"หิวข้าวรึยังครับ" ศิลาที่นั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทำงานภายในห้องนอนเอ่ยถามคนบนตักที่นั่งซบใบหน้าหวานเข้าหาแผงอกแกร่งของเขาอยู่อย่างออดอ้อน
"หนูออกไปทานข้าวกับเพื่อนได้ไหมคะ"
"เฮียไปด้วยได้ไหมครับ"
"ศิลามีส่งของไม่ใช่เหรอคะ"
"สำหรับเฮียแล้ว หนูสำคัญที่สุด"
"ศิลารักหนูที่เป็นแบบนี้หรือว่าแบบก่อนที่หนูจะความจำเสื่อมคะ" น้ำหนาวเอ่ยถามพลางผละใบหน้าออกจากแผงอกแกร่งจ้องมองนัยน์ตาคมกริบของศิลาตาแป๋ว
"เฮียรักหนูทั้งสองแบบนั่นแหละขอแค่เป็นหนาวจะเป็นยังไงเฮียก็รักหมด" ศิลาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าก่อนจะกดจูบลงที่จมูกเชิดรั้นของน้ำหนาวอย่างแผ่วเบา
"แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นกับหนูล่ะคะ"
"แบบไหนครับ"
"หนูได้ยินเพื่อนๆของศิลาคุยกันว่าศิลาขืนใจหนูตอนที่หนูยังไม่ความจำเสื่อม"
"เฮียขอโทษ" ศิลาซบใบหน้าลงบนศีรษะทุยเล็กอย่างสำนึกผิด
"ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะคะ"
"เพราะหนูดื้อไม่ยอมฟังสิ่งที่เฮียอธิบายแล้วยังตบหน้าเฮียอีกเฮียเลยโมโห"
"แค่นี้น่ะเหรอคะที่ทำให้ศิลาฟิวส์ขาดจนทำร้ายหนู"
"เฮียขอโทษ"
"ร้อยวันพันปีตำรวจไม่เคยโผล่มาเพราะมึงรู้ล่วงหน้าเลยย้ายที่ส่งของ?" สมิงที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนกล่องไม้บรรจุอาวุธสงครามเลิกคิ้วขึ้นเอ่ยถามศิลา
"ใครเป็นหนอนบ่อนไส้" อัคคีที่ยืนเช็คอาวุธสงครามในส่วนของตัวเองอยู่เอ่ยถามอย่างใจเย็นไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่นัก
"อาจจะไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ อาจจะเป็นอย่างอื่นที่สำคัญกับมันมาก" เป็นการันต์ที่เอ่ยแทรกขึ้นมาพลางยักยิ้มมุมปากจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของศิลาอย่างมีเลิศนัย
"ที่มึงพูดหมายความว่าไง" อัคคีหันมาเอ่ยถามน้องชาย
"ถ้าไม่สำคัญป่านนี้หนอนบ่อนไส้ที่พวกมึงอยากรู้ คงตายไปแล้ว" การันต์ตอบกลับพี่ชายก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆพี่ชายพลางจ้องมองใบหน้าเย็นชาของศิลาอย่างอารมณ์ดี
"กูส่งของส่วนของกูเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเป็นส่วนของพวกมึง" ศิลาเอ่ยบอกเหล่าบรรดาเพื่อนรักเสียงเรียบก่อนจะเดินออกมาจากเรือขนส่งสินค้าทันทีไม่รอให้เพื่อนๆได้ทักท้วงก่อน
"มึงคิดว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้" สมิงเป็นเจ้าของคำถามนี้
"หึ ใครจะกล้าล้วงคอมัน ก็เห็นมีอยู่คนเดียว" การันต์เอ่ยพลางแค่นหัวเราะในลำคอหนาเบาๆอย่างนึกสนุก
"หึ แสบใช่เล่น" คีตะหัวเราะในลำคอหนาเบาๆกับความแสบของหนอนบ่อนไส้ที่การันต์หมายถึง
@คฤหาสน์ของศิลา
"ยังไม่นอนเหรอ" ศิลาที่เพิ่งเปิดประตูห้องนอนเข้ามาหลังจากที่เพิ่งกลับมาจากส่งสินค้าผิดกฎหมายเอ่ยถามน้ำหนาวที่นั่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีอยู่
"ศิลา" น้ำหนาวตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นศิลายืนอยู่หน้าประตูห้องนอน
"ดูตกใจนะ" ศิลาเอ่ยพลางปิดประตูห้องนอนแล้วเดินเข้ามาเปิดไฟห้องนอนให้สว่างจ้า
"ทำไม.." น้ำหนาวจ้องมองศิลาด้วยความประหลาดใจก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นด้วยกลัวว่าจะเผลอพูดอะไรออกไป
"ทำไมยังไม่นอนอีก" ศิลาเอ่ยถามพลางจ้องมองใบหน้าหวานด้วยแววตาที่ดุดันก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างเดิม
"รอดูข่าวอยู่เหรอ"
"คะ?" หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเพื่อได้ฟังที่ศิลาเอ่ยครู่หนึ่งเธอเห็นแววตาดุดันของเขาที่จ้องมองมาที่เธอแต่ก็เป็นเพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น
(ข่าวด่วนรอบดึกค่ะ)
เสียงนักข่าวสาวบนหน้าจอทีวีดังขึ้นฉุดรั้งสติของน้ำหนาวให้หันไปมองทำให้ศิลาหันไปมองที่หน้าจอทีวีอัตโนมัติ
(ข่าวด่วนตำรวจนับร้อยนายบุกทลายแก๊งค้ายาเสพติดกำลังซื้อขายยาเสพติดกันอยู่ที่ท่าเรือxxx โดยบุกจับได้แค่กลุ่มพ่อค้ารายเล็กส่วนพ่อค้าใหญ่หรือที่เรียกกันว่าหัวหน้ามาเฟียไหวตัวได้ทันจึงทำให้ในครั้งนี้ตำรวจพลาดที่จะเข้าถึงตัวเจ้าพ่อมาเฟียผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดและการค้าอาวุธสงครามผิดกฎหมาย ตรีชญารายงานข่าว)
"ที่นี่เป็นท่าเรือที่ศิลาไปส่งของวันนี้ไม่ใช่เหรอคะ" น้ำหนาวที่ได้ฟังที่นักข่าวสาวรายงานจึงหันมาเอ่ยถามศิลาที่กำลังจ้องมองเธออยู่
"เฮียเปลี่ยนใจไปส่งอีกที่ เฮียขอไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวมานอนด้วย" ศิลาเอ่ยเสียงเรียบพลางปรายตามองน้ำหนาวเพียงนิดก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในห้องน้ำทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: FIERCE MAFIA พิษรักแฟนเก่า