“สรุปว่าคุณมิราอายุถึงยี่สิบหรือยังคะ” เอมม่าถามอย่างอยากรู้
“เกินมาอีกสามเดือนกับอีกสิบเจ็ดวันจ้ะ” เจบีคลายข้อสงสัยให้กับพนักงานในร้าน
“โล่งใจค่ะ” เจนบอกยิ้มๆ
“คนนี้ใช่ไหมคะ ที่ข่าวบอกว่าคุณคาเรนประเคนชุดเครื่องเพชรให้ถึงสิบชุดในครั้งเดียว” ลูซี่ขยับเข้าไปถามต่อ
“อืม...ดูจากที่เหมาเสื้อผ้าวันนี้ พวกเธอคิดว่าใช่หรือเปล่าล่ะ” เจบีแกล้งถาม คล้ายกับจะขอความเห็น
“ใช่ค่ะ ว่าแต่ทำไมถึงเดินออกร้านคุณเอมเบอร์มาร้านเราคะ” โซอี้ตั้งคำถามอย่างรู้สึกคาใจ
“ฉันได้ยินข่าววงในมาว่า...เอมเบอร์เข้าทางคุณเอลลี เพราะหวังจะคว้าตำแหน่งสะใภ้บาร์เลนเซนต์” ลินดาบอกเรื่องที่ทราบมา
“หนูเห็นคุณเอมเบอร์พูดอะไรบางอย่างกับคุณมิรา จากนั้นเธอก็หน้าสลดไป แล้วคุณคาเรนก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็พาคุณมิราเดินมาที่นี่ค่ะ” โซอี้รีบเล่าให้ฟัง
“อืม...นังนั่นต้องไปขู่อะไรหนูน้อยมิราของฉันแน่ๆ” เจบีบอกอย่างรู้สึกมั่นใจ
“จริงค่ะ ขนาดชุดที่รูดบัตรไปแล้วคุณคาเรนยังไม่เอาเลย” โซอี้ก่อนจะถอนหายใจอย่างเพลียๆ
“หึ! นี่ถ้าคุณเอลลีรู้ข่าวว่าลูกชายมาเหมาเสื้อผ้าจากร้านฝั่งตรงข้ามกับนังเอมเบอร์จะเป็นยังไงนะ?” เจบีคิดแผนการเอาคืนเอมเบอร์เอาไว้ในใจเงียบๆ เพราะครั้งหนึ่งเอมเบอร์เคยส่งข้อความมาอ่อยสามีของเธอให้ไปหาที่โรงแรม โชคดีที่สามีเธอมัวแต่เล่นกับลูกสาว เธอจึงสวมรอยแล้วพิมพ์ตอบกลับไปว่า...
‘คุณไม่ควรจะส่งข้อความมาชวนผู้ชายที่แต่งงานและมีครอบครัวแล้วไปดินเนอร์ เพราะมันอาจจะขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในวันพรุ่งนี้’ หลังจากนั้นความรู้สึกดีๆ ของเธอที่มีต่อเอมเบอร์ก็หายไปทันที เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจ้องจะฟาดสามีสุดที่รัก
“คุณเจบีจะได้ลูกค้าวีไอพีเพิ่มอีกคนค่ะ” เอมม่าบอกยิ้มๆ
“งั้นก็รีบจัดของเตรียมส่งกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้างานก่อนเวลาสองชั่วโมง เพราะต้องมาช่วยกันจัดเสื้อผ้าใหม่ โอเค้?” เจบีบอก
“โอเคค่ะ” ห้าสาวขานรับก่อนจะช่วยกันลงมือทำงานต่อด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวก็ส่งเสียงกรี๊ดลั่นอีกครั้ง เมื่อเจนแกะซองขาวออกมาดูแล้วพบเงินสดจำนวน 1,000 ปอนด์ (ราวๆ สี่หมื่นบาทของไทย) อยู่ข้างใน
10
เวลา 19:45 น. Phoenix Villa...
หลังจากที่เหมาเสื้อผ้าจากห้องเสื้อแบรนด์ดังเสร็จ คาเรนเทียก็พา เมลิสสาไปเดินเลือกซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาเก็ตที่ชั้นล่างต่อ จากนั้นก็เดินทางกลับไปพักที่วิลล่า พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเอาเสื้อผ้ามาส่ง
“คะ...คุณไม่น่าซื้อเยอะแบบนี้เลยนะคะ” เมลิสสาบอกหลังจากที่พนักงานกลับไปแล้ว
“น้อยไปด้วยซ้ำ” คาเรนเทียรวบร่างบางเข้ามากอด พร้อมกับหอมแก้มนวลทั้งสองข้างเบาๆ
“บ้า! น้อยที่ไหนกัน” เมลิสสาต่อว่าก่อนจะพยายามแกะมือหนาออกจากเอว แต่ก็ไม่เป็นผล
“หิวข้าวหรือยัง?” คาเรนเทียเอ่ยถาม
“ค่ะ” เมลิสสาขานรับ
“งั้นเราไปจัดการซุปเท้าไก่กันเถอะ” คาเรนเทียบอกก่อนจะเดินนำทางไปยังห้องครัว
“อืม...แล้วคุณจะกลับมอสโกเมื่อไหร่เหรอคะ” เมลิสสาเอ่ย ถามยิ้มๆ
“อะไรกันมิรา นี่ไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยอย่างนั้นใช่ไหม” คนที่กำลังอารมณ์ดีๆ หันกลับไปถามด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“ไม่ใช่ค่ะ แค่ถามดูเฉยๆ” เมลิสสารีบออกตัว
“ถ้าฉันไปเธอก็ต้องไปด้วย” คาเรนเทียบอกเสียงเข้ม
“แต่หนูต้องไปทำงานนะคะ เพิ่งกลับมาทำได้แค่วันเดียว ก็ต้องลางานอีก แบบนี้เพื่อนที่ต้องทำงานแทนก็เหนื่อยกันแย่” เมลิสสาบอกพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“ห่วงแต่คนอื่น ไม่เห็นห่วงฉันบ้างเลย” คาเรนเทียต่อว่าก่อนจะแกะซุปเท้าไก่เทลงในหม้อและจุดเตาเพื่ออุ่นใหม่อีกครั้ง
“กะ...ก็...” เมลิสสาเริ่มจะไปไม่ถูกเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของ พ่อเทพบุตรสุดหล่อ
“ก็อะไร?” คาเรนเทียถามย้ำอย่างเริ่มจะโมโหขึ้นมานิดๆ
“ก็คุณต้องทำงานเหมือนกัน มะ...ไม่ใช่เหรอคะ” เมลิสสาพยายามหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
คาเรนเทียไปจับไหล่ของสาวแล้วจ้องมองในดวงตานิ่ง “ฟังนะมิรา! เราใช้ชีวิตอยู่ห่างกันไม่ได้”
“แต่...”
“ออกงานซะแล้วไปอยู่ด้วยกัน” คาเรนเทียบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นะ...หนูยังไม่ลืมนะคะว่าคุณเคยทำอะไรไว้บ้าง”
“ฉันสาบานว่า...”
“ไม่ต้องสาบานค่ะ เพราะคุณเคยสาบานไปแล้ว” เธอสวนกลับทันใด
“โธ่! มิรา” คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“เราต้องเว้นที่ว่างให้กันก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าค่ะ” เมลิสสายื่น คำขาด
“ยังไง” คาเรนเทียขมวดคิ้วถามด้วยท่าทีฮึดฮัด
“เจอกันเดือนละครั้งหรือไม่ก็เฉพาะวันหยุด”
“เพื่อที่เธอจะได้ใช้เวลากับไอ้หน้าจืดนั่น ใช่ไหม?” คนขี้หึงถามกลับอย่างกวนๆ
“...” เมลิสสาไม่ตอบแต่เตรียมตัวจะเดินหนีออกไปด้านนอก
“จะไปไหน มาคุยกันให้รู้เรื่องสิ” คาเรนเทียรีบเดินไปดักทางออก
“ถ้าคุณคิดแบบนั้น เราจะต้องคุยอะไรกันอีกคะ” เมลิสสาเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)