หลังจากหมอรู้และทวนเรื่องไทเปคราวๆ ฉันที่นั่งตรงข้ามก็กำซองเอกสารในมือแน่น ตอนนี้พูดอะไรไม่ออกจริงๆ ทำได้แค่มองหน้าหมอ และรอ..รอว่าเขาจะแนะนำอะไรต่อ
"ดีแล้วครับที่เข้ามาปรึกษาก่อน แต่ถ้าจะรักษา..คุณต้องพาคนไข้มาเจอผมด้วย ผมอยากคุยกับเธอ^^"
งานยากเลยล่ะ..ฟังจากที่เชนเล่าในคลิปเสียง ไม่ต้องเดาให้ปวดหัว ไทเปเธอไม่มาแน่นอน
"ถ้าเกิด...ฉันพามาไม่ได้ล่ะคะ คุณหมอพอจะมีวิธีอื่นไหมคะ?" ฉันถามเสียงสั่นเครือ อยากได้คำแนะนำจากจิตแพทย์ตรงหน้ามาก บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลให้ฉันพูดเกลี้ยกล่อมไทเปได้
"ครับ ผมต้องถามก่อน สถานะคุณกับคนไข้ตอนนี้เป็นยังไง คุณคือญาติคนเดียวของเธอ คุณเป็นคนที่เธอเชื่อใจและไว้ใจที่สุดใช่ไหม?"
ฉันพยักหน้าตอบเบาๆ แต่รู้สึกไม่แน่ใจนิดหน่อย... เพราะหลังจากที่รู้เรื่องจากกัปตันต้นไม้แล้ว ฉันก็ไม่ได้ติดต่อน้องอีกเลย น้องเองก็ไม่โทรไม่ทักไลน์มาหาฉัน เราเงียบหายกันไปทั้งคู่
"ดูคุณไม่มั่นใจนะ?" จิตแพทย์ตรงหน้าถาม เขาพยายามจ้องตาฉัน เพื่อเค้นความจริง
"เอ่อ..ค่ะ ไม่มั่นใจ" ฉันตอบเบาๆพลางก้มมองปากกาที่หมอเขียน เขาทั้งจดทั้งใช้เครื่องบันทึกเสียง ..เพื่อบันทึกลายละเอียดของคนไข้ที่ฉันเล่าไป
"ทำไมล่ะ? คุณเป็นคนห่างจากคนไข้ หรือคนไข้ห่างจากคุณครับ? ห่างที่ผมหมายถึง..คือทั้งตัวและความรู้สึก ตอนนี้คุณได้อยู่กับคนไข้ไหม?"
ฉันเอามือนวดหว่างคิ้ว พยายามให้สิ่งที่หนักอึ้งในหัวมันหลุดๆออกไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้น..และตอบหมอตามตรง
"ฉันเองค่ะ..ที่ห่างออกมา"
"เพราะอะไรครับ?"
"เพราะเรื่องที่ฉันบอกหมอก่อนหน้านี้ค่ะ เรื่องที่น้องสาวมีพฤติกรรมแปลกๆ เธอติดกล้องในห้องนอนฉัน หยิบชุดทำงานฉันไปมีอะไรกับผู้ชายและถ่ายคลิปส่งมาข่มขู่ฉัน คือฉันไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร น้องถึงทำแบบนี้ ก็เลยแยกตัวออกมาก่อนค่ะ"
หมอพยักหน้าตามแล้วจดรายละเอียดที่ฉันพูดเมื่อกี้ลงกระดาษสีขาวคร่าวๆ เขาเหลือบมองฉันนิดหน่อย..เหมือนรอว่าฉันจะพูดอะไรต่อ
"แต่พอได้ฟังคลิปเสียงจากแฟนเก่า..ที่ฉันเล่าให้หมอฟัง เหมือนเธออยากให้ฉันร่วมอะไรอย่างว่า กับเธอ แบบว่า...หลาย"
"ผมเข้าใจครับ พอแล้ว^^" ฉันเม้มปากสนิทแล้วเงยขึ้น..พยักหน้ารัว ขอบคุณหมอมากที่พูดตัดบทฉัน เพราะให้ฉันพูดตรงๆฉันก็เขินเหมือนกัน
"งั้นผมถามต่อ ตอนเด็กๆมีเหตุการณ์อะไรไหม? ที่คุณรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าน้องสาว ไม่ว่าจะเรื่องของเล่น เสื้อผ้า ผลการเรียน?^^"
ฉันนั่งนิ่ง..พยายามนึกถึงเรื่องราวในอดีต ถึงฉันจะจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ก็พอรู้อยู่แก่ใจ..แค่มองเสื้อผ้าที่น้องใส่ ของที่น้องใช้ แค่นี้...
"ใช่ค่ะ..ฉันเรียนเก่งกว่าน้อง และช่วงที่พ่อกลับบ้านใหญ่และหายไปไม่ติดต่อมา แม่ไม่มีเงินซื้อของเล่นใหม่ให้น้องค่ะ น้องได้เล่นของเล่นเก่าฉัน ใส่เสื้อผ้าเก่าๆฉัน ...ใช้หนังสือเรียนต่อฉัน..."
ฉันเอามือปิดปากสนิทเพราะริมฝีปากเริ่มสั่นระริก อยู่ๆฉันก็พูดไม่ออก..เพราะภาพไทเปยืนร้องไห้ชี้ของเล่นที่เธออยากได้ มันเด้งเข้ามาในหัวฉัน มันฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้นไทเปอยากได้มาก...แต่แม่ไม่ยอมซื้อให้ เพราะก่อนหน้านี้แม่เพิ่งซื้อให้ฉันไป
'มันแพงลูก ของพี่เจแปนก็มี..เล่นของพี่นั่นแหละ!'
'หนูอยากได้เป็นของตัวเองบ้าง ฮือๆ'
'แม่ไม่มีเงินลูก ของพี่ก็เหมือนกัน..ใช้ด้วยกันเล่นด้วยกันได้!''
'ไม่เอา แม่ขาฮือๆ'
'งั้นเรียนเกรดดีๆให้ได้เท่าพี่ แม่จะซื้อให้!'
ฉันรีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม..เมื่อเห็นว่าตัวเองร้องไห้ออกมา แถมจิตแพทย์ตรงหน้า เขากำลังนั่งจ้องอยู่ด้วย
"คุณโอเคนะ^^"เขาถามพร้อมยื่นกล่องทิชชู่ให้ฉัน
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
"อีกอย่างที่ผมต้องถามคุณตรงๆ ไม่ต้องอาย..ตอบความจริง เรื่องนี้จะถูกเก็บไว้ที่นี่..และจะไม่มีการพูดถึงในที่สาธารณะ "
"ค่ะ" ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เพื่อเตรียมพร้อมกับคำถาม
ออกมาจากห้องตรวจ กัปตันต้นไม้ก็นั่งเหมือนเดิมไม่ไปไหน เขานั่งขาไขว่ห้างกระดิกเท้าไปมาและกวาดสายตามองฉัน ที่ตอนนี้เดินช้าๆถือซองสีน้ำตาลไปนั่งข้างๆเขา
"ไง..โอเคไหม? "
"ค่ะ หมอให้คำปรึกษาดีมาก รู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะ เหลือแต่ว่า..จะเกลี้ยงกล่อมไทเปยังไง แต่หมอเขามีวิธีมาให้และแนะนำคร่าวๆแล้วค่ะ ถ้าไม่ได้ผลยังไงค่อยติดต่อเขาอีกที^^"
เขาพยักหน้าแล้วดึงนามบัตรในมือฉันไปถ่ายรูปไว้ เขาบอกว่ากันหาย และกันฉุกเฉิน เอาเถอะ...ทำอะไรก็ทำ ทุกวันนี้กัปตันก็เหมือนครอบครัวฉันแล้ว เขาช่วยฉันทุกอย่าง ทั้งแนะนำทั้งปลอบ แถมยังรับฟังเชนแทนฉันด้วย
ระหว่างขับรถกลับฉันก็นั่งเงียบ รู้สึกดีที่ได้คุยกับจิตแพทย์ก็จริง แต่ก็ยังอดห่วงไทเปไม่ได้..ตอนนี้พยายามคิดอยู่ ว่าจะกลับเข้าไปหาน้องยังไง ไทเปจะกล้ามองหน้ากัปตันต้นไม้ไหม? หรือฉันต้องไปคนเดียว?
"กัปตันคะ พรุ่งนี้กัปตันมีบินไหมคะ?"
"ไม่ มีพร้อมเธอ..ฉันแลกไฟลท์แล้ว ได้ไฟลท์เดียวกับเธอ ไปเกาหลี" ฉันที่ตาจะปิดมะลอมมะล่อเปิดตากว้างทันที ก่อนที่จะหันไปจับแขนกำยำที่จับพวงมาลัยรถ
"จริงเหรอคะ อปป้า?!"
"อปป้าอะไร? เมื่อกี้ดูเครียดอยู่เลย ทำไมเธอ....?-_-" ฉันยิ้มพร้อมส่ายหน้าเบาๆ เรื่องปรับอารมณ์ให้เข้ากับสถานการณ์ฉันถนัดอยู่แล้ว เพราะฉันเป็นแอร์ แอร์ที่แบกโลกไว้ทั้งใบยังไง แต่ก็ต้องยิ้มสดใสให้ผู้โดยสาร
บางทีเห็นรอยยิ้มส่งกลับมา ก็พลอยสบายใจขึ้นบ้าง อันนั้นผู้โดยสารนะ แต่ดูกัปตันข้างๆสิ สงสัยอยู่แต่ห้องนักบิน เขานั่ง งงและปรับอารมณ์ไม่ทัน เอาแต่มองถนนสลับกับหน้าฉัน
"งงอะไรคะ? เครียดอยู่แต่ก็ยิ้มได้ค่ะ เจออะไรมาเยอะ ถ้าไม่ยิ้มและจมอยู่กับมัน เราจะมีแรงเดินต่อได้ไงคะ^^"
กัปตันต้นไม้ค่อยๆเผยยิ้มออกมา ก่อนจะพยักหน้าและลูบหัวฉันเล่น
"ดีๆ..ทัศนคติดี ฉันคิดไม่ผิดที่มอมเหล้าเธอ และข่มขืนอย่างทารุณ"
รู้สึกดีมาก..เป็นคำพูดที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง แต่ทำคนเครียดอยู่ในอกอย่างฉัน ถึงกลับฉีกยิ้มกว้างๆออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Final Call ประกาศครั้งสุดท้าย... อย่าท้าทายกัปตัน