ตอนที่ 826 ราชาเพลงซุนเย่าหั่ว
มีคนฟังเพลงเครื่องลายครามจนไม่อาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน
ทว่าหลินเยวียนกลับนอนหลับสนิทตลอดคืน ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นในตอนเช้า
ตื่นนอน
ล้างหน้า
แปรงฟัน
หลินเยวียนลงมาชั้นล่างเพื่อกินอาหารเช้า ก็ได้ยินเสียงเพลงที่กำลังเล่นอยู่
“ใต้ชามปลาคาร์ปสีครามเวียนแหวกว่าย จารึกอักษรซ่งไว้ใจกลับคะนึงถึงเธอไม่รู้วาย ความลับซ่อนงำอยู่ในเตาเผาไว้นานนับพันปี แผ่วเบาราวกับเข็มปักลายหล่นสู่พื้น…”
แม่เอ่ยขึ้น “เพลงเครื่องลายครามเพราะมากเลย”
พี่สาวมองไปยังหลินเยวียน “รางวัลคือให้กินไข่เพิ่มอีกฟอง”
น้องสาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอาไข่แดงไปเลย”
หนานจี๋น้ำลายไหลด้วยความอิจฉา
แม้กระทั่งเมื่อคนขับรถมารับหลินเยวียน ข้างในรถก็กำลังเล่นเพลงนี้
“ในภาพวาดทิวทัศน์สาดสีหมึก ซ่อนเธอไว้ในหมึกเข้ม…”
แม้ว่าเมื่อเขามาถึงที่บริษัทแล้ว
ขณะที่เดินผ่านแผนกต่างๆ หลินเยวียนยังคงได้ยินเพลงนี้
เพียงชั่วข้ามคืน
เพลงเครื่องลายครามนี้ดังไปทั่วทุกหนแห่ง!
และเมื่อหลินเยวียนเข้าอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เขาเห็นเต็มไปหมดก็คือการพูดคุยเกี่ยวกับเพลงเครื่องลายครามอย่างล้นหลาม!
ในบทสนทนาเหล่านั้น
มีนักเขียนเนื้อเพลงชื่อหนีหงอู่ ผู้ซึ่งเคยแต่งเพลงให้กับเฟ่ยหยางในมหาสงครามเทพเซียนเมื่อสองปีก่อน แต่ต้องมาเจอกับเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ซึ่งโผล่มากะทันหัน เขาได้โพสต์บทวิจารณ์ยาวเกี่ยวกับเพลงนี้ในเว็บไซต์สตาร์เน็ต
‘ไม่มีสิ่งใดงดงามไปกว่าเครื่องลายคราม’
นี่คือชื่อที่หนีหงอู่ตั้งให้กับบทวิจารณ์ยาวของตนเอง
‘ว่าด้วยเรื่องบรรยากาศ เพลงเครื่องลายคราม ราวกับภาพวาดหมึกจีนของเจียงหนานท่ามกลางสายฝนพร่ามัว เมื่อมองผ่านหมอกน้ำเบาบาง คุณจะมองเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่กระโปรงพลิ้วไหวอย่างเลือนราง
ว่าด้วยเรื่องของถ้อยคำ เพลงเครื่องลายคราม เปรียบดั่งจดหมายซึ่งเขียนด้วยใจอันบริสุทธิ์บนกระดาษ ขีดเขียนอย่างอ่อนช้อยเพียงเพราะหัวใจนั้นซับซ้อนดั่งใยไหม เปี่ยมไปด้วยปมพัลวันมากมาย
ว่าด้วยท่วงทำนอง เพลงเครื่องลายครามประหนึ่งสายน้ำที่ไหลเอื่อยผ่านโขดหินท่ามกลางสายลมอ่อน ทั้งชุ่มเย็นและใสกระจ่าง ทว่ายังคงมีความลึกล้ำและคดเคี้ยวอย่างไร้ที่สิ้นสุด
เมื่อทั้งสามส่วนนี้ถูกผสานเข้าด้วยกัน เพลงเครื่องลายคราม จึงสมกับชื่อของมัน
เปรียบดั่งเครื่องกระเบื้องลายครามชั้นเลิศที่ ‘งามในตัวเองไม่สร่าง’ สง่างามไร้การปรุงแต่ง เรียบง่ายและเก่าแก่ ดั้งเดิมและสง่างาม สดชื่นและลื่นไหล ขณะเสียงกู่เจิงบรรเลง เสียงเครื่องเคาะดังประกอบ และเสียงกรีดผีผาพริ้วไหวอย่างอ่อนโยน…
ขณะค้นคว้าข้อมูล ฉันก็ไปพบตำนานเรื่องหนึ่ง
เล่ากันว่าสีเคลือบฟ้าครามของเครื่องลายคราม จะต้องเผาในช่วงที่อากาศชื้นและความร้อนพอดีเท่านั้น จึงต้องรอวันที่ฝนตกพรำจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้ ซึ่งท่อนคอรัสของเพลงนี้คงนำตำนานนี้มาใช้ งดงามมากจริงๆ งดงามจนฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจถึงความจริงของตำนานนี้อีกต่อไป
ทว่าความงามของเพลงนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงท่อนนี้
ตอนหลังที่มีท่อนซึ่งใช้คำว่าเย้าสามครั้งนั้น กลับทำให้ผู้คนถึงกับปรบมือร้องพร้อมกับเอ่ยปากชม มีนักเขียนเนื้อเพลงหลายคนวิเคราะห์และชื่นชมท่อนนี้ตั้งแต่เช้า เพื่อนเก่าคนหนึ่งของฉันยังแซวว่า ท่อนนี้สามารถนำไปเป็นข้อสอบวิชาภาษาในการสอบเข้าได้เลยทีเดียว
นักเขียนเนื้อเพลงอันดับหนึ่งของบลูสตาร์ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเซี่ยนอวี๋
และนักเขียนเนื้อเพลงบังเอิญเป็นผู้ประพันธ์ทำนองด้วย ด้วยการผสมผสานระหว่างคำร้องและทำนองที่ลงตัวเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่ลู่เซิ่งจะยอมแพ้ สำหรับลู่เซิ่งแล้ว ในด้านการประพันธ์ทำนองเพลงเขาอาจไม่กลัวใคร แต่หากคู่แข่งมีความสามารถในการเขียนเนื้อเพลงที่น่ากลัวเช่นนี้ สถานการณ์ย่อมต่างออกไป
นักเขียนเนื้อเพลงหลายคนบนโลกออนไลน์ต่างวิเคราะห์เนื้อเพลง เครื่องลายครามอย่างละเอียดทีละคำทีละประโยค
นั่นทำให้ชาวเน็ตถึงกับตะลึงไปตามกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเบื้องหลังของ ‘ฟ้าครามรอฝนพรำดั่งเช่นฉันเฝ้ารอเธอ’ ซึ่งหนีหงอู่กล่าวถึง
ตำนานที่งดงาม พลอยให้ความหมายและเนื้อหาของเนื้อเพลงลึกซึ้งยิ่งขึ้น กระตุ้นความประทับใจของใครหลายคน
นอกจากเพลงเครื่องลายครามแล้ว
การอภิปรายเกี่ยวกับเพลงเสน่ห์สายชลก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เพลงนี้มีสไตล์โบราณใหม่ที่คล้ายคลึงกัน การประพันธ์ทำนองเพลงระดับเทพคล้ายคลึงกัน จากเสียงตอบรับของผู้ฟัง เพลงเสน่ห์สายชลนั้นไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของลู่เซิ่งตกต่ำแต่อย่างใด
ตัวลู่เซิ่งเองเมื่อยอมแพ้ก็ยังเล่นมุกว่า
ให้ฟังเพลงใหม่ของเซี่ยนอวี๋ก่อน แล้วค่อยฟังเพลงเสน่ห์สายชลของตนเอง เพราะผู้ฟังอาจรู้สึกผิดหวังได้
ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
แม้แต่การวิจารณ์การประพันธ์เพลงระดับมืออาชีพก็จัดให้เพลงของเซี่ยนอวี๋และลู่เซิ่งอยู่ในระดับเดียวกัน
และในการจัดอันดับฤดูกาลเพลงเดือนพฤศจิกายน
เซี่ยนอวี๋ก็ไม่ได้ทิ้งห่างจากลู่เซิ่งมากนัก
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะการประพันธ์ทำนองเพลงของเสน่ห์สายชลก็สมบูรณ์แบบไม่แพ้กัน
ไม่มีอะไรด้อยกว่าเครื่องลายครามเลย
เฉกเช่นที่หลินเยวียนบอกไว้
ว่าลู่เซิ่งในฐานะพ่อเพลงระดับแนวหน้าของบลูสตาร์ แพ้ก็เพียงฟางเหวินซานเท่านั้น
หากเทียบกันในแง่การประพันธ์ทำนองเพลง เพลงทั้งสองถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับทั้งคนในและคนนอกวงการ การแข่งขันบนชาร์ตเพลงเดือนพฤศจิกายนนี้เปรียบเสมือนศึกของเหล่าเทพเซียนดนตรี ไม่มีอะไรมากไปกว่าหลังจากแต่ละฝ่ายก็อวดฝีมือกันเต็มที่ เซี่ยนอวี๋ก็แสดงให้เห็นถึงฝีมืออันเหนือชั้นประหนึ่ง ‘เซียนจากสวรรค์’ ก็เท่านั้นเอง
ส่วนเสน่ห์สายชลของลู่เซิ่งนั้น ก็คือท่วงทำนองแห่ง ‘สวรรค์’ ที่มนุษย์เฝ้ามองอย่างเคารพนับถือ
แม้แต่หลินเยวียนก็ยังรู้สึกตื่นเต้น จนต้องดาวน์โหลดเพลงเสน่ห์สายชลมาฟังซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง ในใจเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกชื่นชม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน