บทที่ 151ขีดจำกัดความอดทน
หนานฉิงเป็นสารถี ขับรถพาฉูเจ๋อหยางกับเป้ยฉ่ายเวยไปโรงพยาบาล
เมื่อหมอเห็นบาดแผลที่ถูกแก้วบาดของเป้ยฉ่ายเวย ก็รู้สึกประหลาดใจมากๆ เอ่ยปากพูดออกไปอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณน่าจะล้มแรงมากเลยนะครับ แก้วถึงได้แทงเข้าไปลึกขนาดนี้”
ไม่รอให้เป้ยฉ่ายเวยตอบ หมอก็พึมพำพูดกับตัวเองว่า “แปลกจัง ถ้าล้มไปข้างหน้ายังมีความเป็นไปได้มากกว่าเลย หรือถ้าคุณล้มลงไปแรงกดของคุณก็ไม่มีทางที่จะแทงทะลุได้ถึงขนาดนี้”
หนานฉิงมองฉูเจ๋อหยางที่มีใบหน้าอึมครึมอย่างเครียดๆ ในใจแอบบ่นหมอที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ก็อธิบายออกไปด้วยใบหน้าเป็นห่วงเป็นใย “คุณหมอคะ อาจเป็นไปได้ว่าตอนที่เพื่อนของฉันจะลุกขึ้นแล้วเผลอไปโดนแผลโดยไม่ระวังก็เลยล้มลงไปอีก ด้วยแบบนั้นก็เลยเจ็บหนักอย่างนี้ไงคะ”
หมอพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร มองหญิงสาวหน้าซีดขาวที่นั่งเงียบๆอยู่ตรงหน้า ถ้าเป็นคนอื่นอาจทนไม่ไหวร้องไห้ไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะทนเก่งขนาดนี้
แต่ถึงยังไงอีกเดี๋ยวก็ต้องล้างแผลเย็บแผล คุณหมอจึงเตือนขึ้นด้วยความหวังดี “ต่อไปอาจจะเจ็บนิดนึงนะครับ ถ้าคุณทนไม่ไหวก็ร้องออกมาเลยนะ มันช่วยให้ไม่เจ็บได้นิดนึง”
เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า จับเบาะที่นั่งไว้แน่น
ขั้นตอนฆ่าเชื้อเจ็บมากๆ ทุกวินาทีราวกับโดนทรมาน เธอรู้สึกได้ถึงความแสบของแอลกอฮอลที่เหมือนกับการเอาเกลือมาราดบนแผลของเธอ ความเจ็บปวดที่เจ็บถึงทรวงบวกกับร่างกายที่สั่นเทิ้ม ทำให้เหงื่อเธอออกราวกับฟ้ารั่ว
ถึงแม้ว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดความอดทนแล้ว แต่เป้ยฉ่ายเวยก็ร้องออกมาแค่เบาๆ และยังไม่เสียน้ำตาสักหยด
แววตาลึกล้ำน่ากลัวของฉูเจ๋อหยาง ทำให้เดาไม่ออกว่าซ่อนอะไรเอาไว้ใต้นัยน์ตาดำนั้น
หนานฉิงเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของเป้ยฉ่ายเวย ในใจก็รู้สึกพอใจขึ้นมา
หลังจากล้างแผลเสร็จ หมอก็อยากจะเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่างสงสัย แต่เมื่อเหลือบมองสายตาที่ส่งมาให้ตนของผู้หญิงตรงหน้า และมองหนานฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
บนหลังมือของหญิงสาวนอกจากจะมีบาดแผลลึกแล้ว ยังมีรอยสี่เหลี่ยมเล็กๆคล้ายรอยส้นรองเท้าบนนั้นด้วย ไม่รู้ว่าต้องเกลียดกันแค่ไหน ถึงได้เหยียบซ้ำลงบนมือที่มีบาดแผลลึกแบบนั้นได้
สายตาเบนกลับไปมองชายหนุ่มสุขุมที่เอาแต่เงียบมาตลอด มองจากภายนอกยังรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ
ดังนั้นถึงได้เกิดศึกชิงรักหักสวาทขึ้นแบบนี้ไง คนทำร้ายก็ช่างเลือดเย็น คนเจ็บก็ช่างไม่ระวังตัว
มองผู้หญิงที่บาดเจ็บก็ดูไม่ใช่คนที่เจ้าแผนการอะไร เพราะงั้นจะว่าเป็นรักสามเศร้าก็คงไม่ใช่ ในระหว่างที่คุณหมอเดาเรื่องเดาราวไปเรื่อย ในที่สุดก็ทำแผลให้เธอเสร็จ
หลังของเป้ยฉ่ายเวยชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งตัวราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ หน้าไม่มีสีสันเลยแม้แต่น้อย ถ้ามีลมพัดมาก็คงพร้อมที่จะปลิวตามลมล้มลงได้ทุกเมื่อ
ยิ่งเธอรู้ว่าฉูเจ๋อหยางอยู่ข้างหลังแบบนั้นเธอยิ่งไม่กล้าล้มลงไป เพราะว่าหนานฉิงจับจ้องอยู่ตลอด
“เรียบร้อยครับ ไม่ถึงเดือนก็น่าจะหายดีแล้ว ถ้าคุณยังอยากใช้งานมือข้างนี้ได้อยู่ จำไว้ว่าอย่าใช้มือข้างนี้ยกของหนัก แล้วก็อย่าให้โดนน้ำ หลีกเลี่ยงอาหารสดและรสจัดนะครับ” คุณหมอพูดออกมายาวเหยียด เป้ยฉ่ายเวยสามารถกลับไปพักผ่อนได้แล้ว
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” เป้ยฉ่ายเวยกล่าวขอบคุณอย่างหมดแรง
“มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วครับ คุณไม่ต้องขอบคุณอะไรผมหรอก กลับได้แล้วนะครับ”หมอทนมองไม่ได้จริงๆ เริ่มโบกมือเชิงไล่แล้ว
เป้ยฉ่ายเวยยังมีคำถามที่อยากถาม จึงถามขึ้นช้าๆว่า “หมอคะ มือข้างนี้ของฉันเมื่อไหร่จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติหรอ”
เธอไม่ได้รวยขนาดนั้น ไม่อยากพักงานนาน
ฉูเจ๋อหยางเห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยยังห่วงเรื่องงาน สีหน้าก็เย็นชาจนถึงขีดสุด ไม่ใช่แค่โกรธที่เป้ยฉ่ายเวยไม่ห่วงตัวเอง ยังมีเหตุผลอื่นด้วย ใบหน้าของเขาจึงเอาแต่อึมครึมอยู่แบบนั้น
คุณหมอไม่เคยเห็นใครดื้อเท่าเธอมาก่อน จึงพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ถ้าคุณห่วงงานจริงๆ หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถจับปากกาได้นะครับ แต่ว่าก็ไม่ควรจับนานเกินไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...