หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 152

บทที่ 152 หัวแข็ง

เป้ยฉ่ายเวยนั่งรออยู่ในห้องตรวจไม่นาน

อวี๋ซือซือก็รับร้อนเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าบนมือเธอมีผ้าพันแผลพันอยู่ทั้งยังแน่นหนาด้วย ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ “เป้ยฉ่ายเวย แกทำอะไร ไม่เจ็บเท้าก็เจ็บมือ แกไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไงหา”

ได้ยินเสียงแวดๆที่คุ้นเคย เป้ยฉ่ายเวยถึงกับยิ้มอารมณ์ดี ตอบกลับเสียงอ้อนๆ “ซือซือเธอมาแล้ววว”

“ฉันไม่มาได้หรือไง แล้วนังคนนั้นล่ะ บ้าเอ้ย ครั้งนี้ฉันจะต่อยยัยนั้นสักหมัดให้ได้เลยคอยดู” อวี๋ซือซือจ้องเธอที่แกล้งทำเป็นสดใส ในตาก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา ให้ตายเถอะ อวี๋ซือซือคนนี้มีเพื่อนที่โง่เง่าขนาดนี้เลยหรอ

ถูกคนอื่นรังแกครั้งแล้วครั้งเล่ายังจะเป็นแบบนี้อีก

เป้ยฉ่ายเวยปกปิดความเจ็บปวดในดวงตาเอาไว้ เอ่ยปากอธิบายออกไปว่า “ซือซือ ฉันไม่เป็นอะไร ฉันไม่ระวังล้มลงไปเอง อย่าโทษใครเลยนะ”

“ฉันล่ะยอมแกจริงๆ หกล้มจนได้แผลแบบนี้ แกนี่มันไม่มีใครเกินจริงๆ ฉูเจ๋อหยางไอ้ผู้ชายหน้าตายนั่นดูแลแกยังไงเนี่ย”

ใช้ปลายนิ้วเท้าคิดยังรู้เลยว่านอกจากหนานฉิงผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องใจร้ายอำมหิตแบบนี้กับเวยเวยได้ลงหรอก อาศัยอำนาจบารมีของพ่อตัวเอง จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอได้สักทีไง

“ซือซือ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเรากลับก่อนเถอะ” ที่นี่คือโรงพยาบาล เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากให้คนอื่นได้ยินคำเหล่านี้

อวี๋ซือซือทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ทำตามคำพูดของเป้ยฉ่ายเวย ขับรถพาเธอกลับไป

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยกลับถึงอพาร์ทเม้นตนเอง ก็นั่งเงียบๆอยู่บนโซฟา ดวงตาทั้งสองดูล่องลอย ราวกับกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่

“เวยเวย แกต้องทนสู้กับไอ้ระยำฉูเจ๋อหยางไปจนจบจริงๆหรอ?”

อวี๋ซือซือทรุดตัวนั่งลงอีกฝั่ง ไม่กี่วันก่อนเธอยังคิดอยู่เลยว่าฉูเจ๋อหยางรู้สึกพิเศษกับเวยเวย แต่ดูตอนนี้สิ ฉูเจ๋อหยางก็คือคนเลวดีๆนี่เอง

ตอนเวยเวยอยู่กับเขา ไม่เจ็บตัวก็โดนทำร้าย

“ใกล้แล้วล่ะ อดทนไปอีกสักพัก ฉันก็จะพารุ่ยรุ่ยไปต่างประเทศได้แล้ว” เพียงแค่จัดการกับเงื่อนไขข้อสุดท้ายของฉูเจ๋อหยางให้เรียบร้อย เธอก็จะหลุดพ้นจากทุกอย่างแล้ว

เธออยากจะหนีไปจากชีวิตที่ย่ำแย่แบบนี้

เพียงแค่ตอนนี้ฉูเจ๋อหยางพูดเงื่อนไขข้อสุดท้ายนั่นออกมา เช็คจำนวนห้าร้อยล้านนั่นที่วางนิ่งๆอยู่ในเล่นชักมาตลอดก็คงได้ใช้งาน

เธอเคยลองไปขึ้นเช็คที่ธนาคาร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล ต้องมีการยินยอมจากฉูเจ๋อหยางเท่านั้น เธอถึงจะสามารถแลกเงินออกมาได้

อวี๋ซือซือพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห “เวยเวยฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าสมองแกสร้างจากท่อนไม้หรือไง ทำไมถึงได้หัวแข็งแบบนี้ ไอ้เลวฉูเจ๋อหยางนั่นให้แกกินยาอะไรกัน แกถึงได้มีความทรหดอดทนขนาดนี้”

“ซือซือ ให้เวลาฉันหน่อยนะ ขอแค่เวลา” เป้ยฉ่ายเวยเหมือนอธิบายกับซือซือ และโน้มน้าวตัวเองให้อดทนต่อไปในตัวด้วย

อวี๋ซือซือรู้สึกเคืองจนจะบ้าตาย พูดยังไงก็เปลี่ยนความตั้งใจของเธอไม่ได้ ทั้งยังเข้าไปยุ่งด้วยก็ไม่ได้อีก ในฐานะที่เป็นเพื่อนเธอเห็นแล้วก็ยังแทบกระอักเลือด

“เวยเวยแกบอกฉันมาตรงๆเลยดีกว่า แกมีจุดอ่อนอะไรที่อยู่ในมือฉูเจ๋อหยางใช่ไหม รูปหน้าสดแก? วิดีโอ? หรือว่าแกติดหนี้เขา ก็น่าจะซักอย่างอะ ฉันจำได้ไม่นานมานี้แกบอกฉันเองเรื่องความสัมพันธ์ของพวกแกอะ”

เธออยากถามให้มันชัดเจนไปเลย เวยเวยที่เธอรู้จัก ไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆแล้วไม่ตอบโต้แบบนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมทำเพื่อผู้ชายเลวๆพรรค์นั้นจนถึงตอนนี้ “เหตุผลอะไรที่ทำให้แกเปลี่ยนความตั้งใจกัน”

“ไม่มีเหตุผลอะไรหรอก ซือซืออย่าถามอีกได้ไหม” หลังจากที่เธอเอาวิดีโอไปขู่ฉูเจ๋อหยาง ชีวิตของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน หลายเรื่องเลยที่เธอทำอะไรไม่ได้ ต้องกัดฟันอดทนมาถึงตอนนี้

อวี๋ซือซือมองเห็นแววตาเจ็บปวดของเป้ยฉ่ายเวย อ้าปากเตรียมจะพูด แต่ก็เลือกที่จะปิดปากลงอย่างหมดแรง ทุกคนต่างมีความลับที่ไม่อยากพูดออกมา เป้ยฉ่ายเวยก็เหมือนกัน สงสัยจังว่าแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ต้องปิดด้วยหรอ?

คำตอบก็คือใช่ เธอจึงไม่อยากจี้ถามอะไรอีกแล้ว

เสียงกดกริ่งดังขึ้นฉับพลัน

เป้ยฉ่ายเวยมองประตูอย่างสงสัย เธอจำไม่ได้ว่าได้บอกให้ใครมาหาไหม

“เวยเวยแกรอตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง” อวี๋ซือซือได้ยินเสียงกริ่ง ก็แสดงอาการตื่นเต้นมากกว่าเป้ยฉ่ายเวยซะอีก

วิ่งไม่กี่ก้าวไปเปิดประตู แล้วเชิญคนข้างนอกเข้ามาข้างใน

“เวยเวย แผลเป็นไงบ้าง”

“หลี่จื่อเชียน นายมาได้ยังไง” เป้ยฉ่ายเวยมองหลี่จื่อเชียนที่ดูกระวนกระวายอย่างตกใจ ต่อมาก็เหมือนจะคิดอะไรได้ สายตามองไปยังอวี๋ซือซือที่ทำหน้าแหยๆอยู่

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นซือซือที่บอกจื่อเชียนเองตามอำเภอใจแน่ๆ

เมื่อได้รับสายตาตำหนิจากเป้ยฉ่ายเวย อวี๋ซือซือก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจ ทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อเธอรู้สึกว่าฉูเจ๋อหยางพึ่งพาไม่ได้ ก็ควรให้โอกาสแก่หลี่จื่อเชียนสิ

คนอบอุ่นอย่างหลี่จือเชียนไม่มีทางทำอะไรเวยเวยได้แน่ ดังนั้นเธอเลยจะใจดีช่วยเขาสักหน่อย

เมื่อเขามาถึงแล้ว เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่รู้จะพูดยังไง “จื่อเชียน ขอโทษนะ ที่นายต้องมา แต่แผลแค่นิดเดียวเอง”

เมื่อหลี่จื่อเชียนได้รู้ข่าวจากอวี๋ซือซือ ก็รีบมาอย่างอดรนทนรอไม่ไหว เมื่อเห็นมือที่ได้รับบาดเจ็บของเป้ยฉ่ายเวย ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา “เธอมีแผลได้ยังไงหรอ”

ถ้าเป็นแค่แผลเล็กๆแล้วทำไมต้องพันไว้ทั้งมือแบบนั้น แล้วก็ไม่จพเป็นต้องพันหนาแน่นขนาดนี้ก็ได้ไหม เพราะฉะนั้นแผลต้องลึกมากแน่ๆ คุณหมอถึงได้พันหนาขนาดนั้นก็เพื่อป้องกันแผลฉีกขาด

อาจพูดได้ว่าแค่เป้ยฉ่ายเวยกระดิกนิ้วนิดหน่อย ก็อาจจะทำให้แผลฉีกขาดได้แล้ว

เป้ยฉ่ายเวยทำได้เพียงนำข้ออ้างที่พูดกับอวี๋ซือซือเมื่อเช้ามาพูดกับหลี่จื่อเชียนอีกครั้ง “ฉันไม่ระวังเลยล้มลงไปในสนามหญ้า เศษแก้วเลยบาดมือ”

สนามหญ้า? หลี่จื่อเชียนยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ พื้นที่สีเขียวบริเวณนี้ธรรมดามาก ตรงทางเข้าก็ไม่มีสนามหญ้า จะมีก็แค่สวนดอกไม้ที่ขึ้นสูงอยู่รอบๆ เวยเวยจะไปหกล้มอยู่ตรงนั้นได้ยังไง

“เพราะฉูเจ๋อหยางหรือเปล่า”

ครั้งนี้หลี่จื่อเชียนไม่หลีกเลี่ยงหัวข้อนี้อีกแล้ว เป้ยฉ่ายเวยได้แผลมาหลายครั้งแล้ว อยากรู้สาเหตุมาตลอด แต่เขาก็ไม่เคยถาม ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองคงต้องเข้าไปยุ่งแล้วล่ะ

อวี๋ซือซือมองหลี่จื่อเชียนอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หวีดหวิวในใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าหลี่จื่อเชียนก็ไม่ได้โง่ ถึงคิดว่าเป็นฉูเจ๋อหยางได้เร็วขนาดนี้

เธอนึกว่าหลี่จื่อเชียนไม่รู้เรื่องระหว่างฉูเจ๋อหยางกับเวยเวยซะอีก

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้เคร่งเครียดกับมือที่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่ ตอบกลับอย่างปากแข็ง “จื่อเชียน นายพูดอะไร ฉันเป็นแผลก็เพราะฉันซุ่มซ่ามเอง”

“เวยเวย ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้นะ ฉันก็แค่ไม่อยากคิดมาก” แม้หลี่จื่อเชียนจะพูดอย่างอ่อนโยนแต่ก็ปรากฏความจริงจังที่ไม่ได้มีบ่อยๆในน้ำเสียงให้เห็น

เขาสงสัยในใจมาตั้งแต่แรก ฉูเจ๋อหยางที่เขาเคยเจอไม่กี่ครั้งปฏิบัติต่อเป้ยฉ่ายเวยไม่เหมือนกับท่าทีที่ควรมีต่อเพื่อนสนิทแฟนตนเอง ตอนนี้เมื่อคิดเชื่อมโยงไปถึงการที่เธอได้แผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งทำให้มั่นใจว่าตัวเองเดาถูก

“เอ่อ พวกเธอคุยกันไปก่อนนะฉันไปก่อนล่ะ” อวี๋ซือซือรู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันน่าอึดอัดมาก ถ้าอยู่ต่อคงทนไม่ไหว ถึงได้คิดหาเหตุผลขอตัวออกมา

ทั้งสองคนราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ ไม่มีใครตอบกลับเธอเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว