หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 216

บทที่ 216 เพราะยังมีลูก

สุดท้ายฉูเจ๋อหยางก็ถูกเป้ยฉ่ายเวยยั่วโมโหจนเดินหนีไป

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยได้ยินเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นอย่างแรง ร่างกายก็ทรุดลงบนพื้นอย่างไร้กำลัง เหมือนกับว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกผู้ชายคนนั้นพรากไปด้วย

เป็นชู้ของเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับคู่นอนหรอก เป้ยฉ่ายเวยแกควรยอมแพ้ได้แล้ว

เธออดทนมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด แต่ว่าท้ายที่สุดน้ำตาก็ไหลทะลักออกมา เป้ยฉ่ายเวยเหมือนถูกใครมาแล่เนื้อออกเสี่ยงๆ เส้นประสาททุกเส้นในร่างกายก็เจ็บไปหมด

เงินสองล้าน แค่สามเดือนก็น่าจะพอใช้เป็นค่าผ่าตัดของรุ่ยรุ่ยได้ แค่เธอยอมเสียศักดิ์ศรี แต่ก็โชคดีที่เธอไม่ได้ให้เขาเหยียบย่ำความภาคภูมิใจหนึ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่

แค่รอให้จื่อเชียนจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็จะพารุ่ยรุ่ยหนีไปทันที และไม่กลับมาอีก

เป้ยฉ่ายเวยนั่งอยู่บนพื้นคนเดียว เธอนั่งอยู่แบบนั้นตั้งแต่ตะวันโด่งจนท้องฟ้ามืดลง สองขาเกิดอาการเหน็บชา เธอจึงกัดฟันยันพื้นลุกขึ้น เธอเดินออกจากที่นี่ไป ราวกับหุ่นกระบอกเดินได้

เมื่อกลับมาถึงห้องผู้ป่วย เป้ยฉ่ายเวยกังวลว่ารุ่ยรุ่ยจะมองออกว่าเธออารมณ์ไม่ปกติ จึงรีบปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้ม เดินเข้าไปในห้อง “รุ่ยรุ่ย แม่กลับมาแล้ว ตอนบ่ายเจ็บตรงไหนไหม”

“แม่กลับมาแล้ว รุ่ยรุ่ยไม่เจ็บตรงไหนเลยครับ” รุ่ยรุ่ยพูดพร้อมกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเป้ยฉ่ายเวย หัวเล็กๆซุกอยู่กับอกของเธอ

เด็กน้อยที่เธอกอดอยู่ในอ้อมแขนทำให้หัวใจของเป้ยฉ่ายเวยผ่อนคลายขึ้นมา เธอยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆของลูกอย่างอ่อนโยน พูดขึ้นว่า “รุ่ยรุ่ย เก่งที่สุด”

“เวยเวยแกไปไหนมา ถึงได้กลับมาเอาป่านนี้” อวี๋ซือซือนั่งอยู่บนเตียง แกว่งขาสองข้างไปมาพร้อมถามขึ้น

เป้ยฉ่ายเวยจูงมือรุ่ยรุ่ยกลับมาที่เตียง อุ้มร่างเล็กๆของเขาขึ้นไปไว้บนเตียง จากนั้นก็พูดว่า “ไม่มีอะไร ออกไปทำธุระมานิดหน่อยน่ะ”

เหมือนอวี๋ซือซือจะรู้อะไรบางอย่าง ถามต่ออย่างสงสัยว่า “เวยเวย แล้วทำไมแกตาแดง”

ทำไมรู้สึกเหมือนร้องไห้มา ไม่ใช่ว่าถูกใครรังแกมาอีกนะ

ดวงตาของเป้ยฉ่ายเวยวูบไหวนิดหน่อย แสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วลูบตาตัวเอง “หรอ? สงสัยตอนที่เเข้ามามีอะไรปลิวเข้าตาฉันล่ะมั้ง”

“จริงหรอ?” อวี๋ซือซือถามอย่างเคลือบแคลง ทำไมเธอรู้สึกว่ามันไม่เหมือนอาการตาแดงเพราะสิ่งแปลกปลอมปลิวเข้าตาเลยสักนิด ถ้ามีอะไรเข้าตาจริงก็ไม่น่าจะตาบวมแบบนี้

เมื่อรุ่ยรุ่ยได้ยินว่าเป้ยฉ่ายเวยอาจจะเพิ่งร้องไห้มา ก็ถามมารดาอย่างเป็นห่วงว่า “แม่ครับ แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นท่าทางเป็นกังวลของรุ่ยรุ่ย จึงเบิกตาดุๆไปทางเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ พูดปลอบประโลมลูกว่า “รุ่ยรุ่ยไม่ต้องไปฟังที่คุณป้าพูดนะ แม่ไม่เป็นอะไรจริงๆ”

อวี๋ซือซือแลบลิ้นออกมาอย่างรู้สึกผิด เธอลืมไปเลยว่ายังมีเด็กอีกคนอยู่ด้วย อย่าคิดแต่ว่าว่ายังเด็กนะ เด็กแค่นี้แต่รู้เรื่องหมดแหละ

รุ่ยรุ่ยใช้แขนป้อมๆของตัวเองโอบกอดเอวเป้ยฉ่ายเวยไว้ จากนั้นหน้าเล็กๆก็ฝังตามลงไป เสียงไร้เดียงสาพูดขึ้นอย่างไม่บายใจว่า “อื้อ แม่จะทนเก็บมันไว้คนเดียวไม่ได้นะ รุ่ยรุ่ยคงรู้สึกเสียใจแย่”

คำพูดใจร้ายถากถางของฉูเจ๋อหยางยังไม่ทิ่มแทงเป้ยฉ่ายเวยเท่าคำพูดธรมมดาๆของ

รุ่ยรุ่ยที่ทำให้เธอน้ำตารื้นขึ้นมาชั่วพริบตา เธอพยายามควบคุมอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเธอเอาไว้ แขนที่กอดรุ่ยรุ่ยยิ่งกระชับแน่นขึ้น

“ครับผม แม่สัญญา ว่าแต่ว่าตอนเที่ยงหนูกินข้าวไปเยอะหรือเปล่า”

รุ่ยรุ่ยไม่กล้ามองหน้าเป้ยฉ่ายเวย พูดเสียงเบาว่า “แม่ครับ หนูกินข้าวอยู่นะ”

ก็แค่ไม่ได้กินเยอะเท่านั้นเอง

ทำไมเป้ยฉ่ายเวยจะไม่รู้จักลูกชายตัวเองดี เห็นสีหน้าลูกแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าลูกไม่ได้กินข้าวเยอะเท่าที่ควร เธอจึงส่งสายตาไต่ถามไปทางอวี๋ซือซือที่อยู่ข้างๆ

“กินโจ๊กไปแค่สองสามคำเอง ฉันซื้อของมาตั้งเยอะ แต่เขาก็ไม่ยอมกิน” อวี๋ซือซือก็จนปัญญาเหมือนกัน แล้วอารมณ์ของพ่อคุณทูนหัวนี่ก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน เอะอะๆก็ส่งเสียงฮึดฮัดไม่อยากกิน ท่าทางที่ดูไว้ตัวแบบนั้น ทำอย่างกับทั้งโลกเขาติดหนี้ไอ้แก้มซาลาเปาอยู่อย่างนั้นล่ะ

เพราะเป้ยฉ่ายเวยไม่อยู่ เลยไม่ค่อยอยากอาหารสินะ

“รุ่ยรุ่ย” เป้ยฉ่ายเวยกดเสียงต่ำลง “ทำไมไม่กินข้าว”

“ก็หนูไม่หิวนี่” รุ่ยรุ่ยพยายามใช้ความแอ๊บแบ๊วกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง อีกอย่างแม่ก็ไม่อยู่ด้วย เขาเลยกินอะไรไม่ลง เพราะงั้นจะดุเขาทั้งหมดไม่ได้นะ

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยมองสายตาอ้อนๆของรุ่ยรุ่ย ก็ดุไม่ลงแล้ว เมื่อลองคิดดูว่าการที่ปล่อยให้ลูกอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว ถึงแม้จะมีซือซืออยู่เป็นเพื่อนก็ตาม แต่อาการของลูกก็เพิ่งจะกำเริบ จิตใจลูกคงอ่อนไหวมากแน่ๆ คงต้องการคนเอาใจนล่ะมั้ง

ถ้าจะให้พูดคงต้องต่อว่าเธอมากกว่า “งั้นตอนนี้รุ่ยรุ่ยอยากกินอะไรไหม”

———โครกคราก

เสียงร้องของท้องน้อยๆตอบคำถามของเธอแทน ถึงลูกจะยังเด็กแต่ก็รู้จักเรื่องรักษาหน้า แก้มซาลาเปาทั้งสองข้างประดับไปด้วยสีแดงระเรื่อ แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “แม่ครับ จริงๆแล้วผมไม่ได้หิวหรอก ท้องนี่ตะกละเองไม่เกี่ยวกับผมนะ"

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยมองสีหน้าที่ดูอายๆของรุ่ยรุ่ย เธอจึงพูดอย่างขำขันว่า “ใช่ๆ ท้องน้อยๆของรุ่ยรุ่ยนี่ซนจริงๆเลย”

พูดพร้อมกับยื่นมือออกไปตบแปะๆลงบนท้องน้อยๆนั่น

“ใช่ครับ ซนจริงๆเลย” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าหงึกหงักอย่างแรง ตาแอบเหลือบมองปฏิกิริยาของเป้ยฉ่ายเวยอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าแม่ไม่ได้ขำตัวเองแล้ว ก็วางใจลง

“ไอ้เจ้าน่ารักของป้า ทำไมน่ารักขนาดนี้” เมื่ออวี๋ซือซือได้ยินหลานพูดก็อดไม่ได้ที่จะหอมหลานตัวเองดังฟอดๆ ลิปสติกยี่ห้อชาแนลที่ทาไว้อย่างดีบนริมฝีปาก ก็ไปประทับฝากรอยไว้บนแก้มขาวๆของหลานน้อย ดูๆแล้วยิ่งดูน่ารักดูน่าขำเข้าไปอีก

เห็นแบบนั้นเป้ยฉ่ายเวยก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น แต่ในแววตากลับดูกังวลเหมือนเดิม เมื่อคิดได้ว่าตอนกลางคืนต้องกลับไปรับมือกับฉูเจ๋อหยางอีก เธอก็รู้สึกหนักหน่วงขึ้นมาแล้ว

รุ่ยรุ่ยยกมือขึ้นเช็ดรอยบนหน้า ก็พบว่าบนหลังมือมีรอยลิปสติกติดอยู่ ปากเล็กๆยู่ขึ้นพร้อมพูดว่า “คุณป้ามาฝากรอยลิปสติกบนหน้าของผมได้ยังไง แบบนี้ผมจะกล้าออกไปเจอใครได้ยังไงกัน”

ลิปสติกเป็นของของผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย ถ้าบนหน้ามีรอยลิปสติกคงถูกคนอื่นล้อน่าดู

สีหน้าจริงจังของรุ่ยรุ่ยทำให้อวี๋ซือซือหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนตัวโยน “ไอ้หยา พระเจ้า รุ่ยรุ่ยหนูหยุดน่ารักได้แล้ว”

“คุณป้าครับ ผู้หญิงก็ต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์ด้วยนะครับ” รุ่ยรุ่ยเตือนด้วยความหวังดี

“จ้าๆ รุ่ยรุ่ยของพวกเรานี่แมนจริงๆเลยนา ฮ่าๆ น่ารักชิบหายเลย” อวี๋ซือซือพูดพร้อมกับจะยื่นมือออกไปบีบแก้มนุ่มๆของหลานอย่างอดไม่ได้

แต่ว่าครั้งนี้รุ่ยรุ่ยเตรียมตัวมาดี จึงหลบได้ทัน เขาขมวดคิ้วมองอย่างงอนๆ “คุณป้าครับ ให้ความเคารพผมด้วยได้ไหมครับ”

อย่าเอาแต่จับแก้มคนอื่นเขาไปทั่ว

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นท่าทางไม่ดี ความกลัดกลุ้มในแววตาก็จางไป พูดกับลูกเสียงนุ่มว่า “เด็กดี คุณป้าเขาเอ็นดูหนูนะครับถึงได้อยากสนิทกับหนู”

“รุ่ยรุ่ยรู้ครับ” เขาก็แค่อยากปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายของตัวเองเอาไว้เท่านั้นเอง

“เอาล่ะๆ คราวหน้าป้าจะเคารพรุ่ยรุ่ยผู้ใหญ่ตัวน้อยนะครับ” อวี๋ซือซือกลั้นขำ แกล้งทำเป็นจริงจังพูดขึ้นว่า “รุ่ยรุ่ยจะยกโทษให้คุณป้าได้ไหมนา”

รุ่ยรุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า พูดอย่างใจกว้างว่า “ก็ได้ครับ ผมให้อภัยคุณป้าก็ได้”

“เด็กดี เดี๋ยวแม่ไปซื้ออะไรมาให้หนูกินนะ” เป้ยฉ่ายเวยลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไป

“ครับผม” ครั้งนี้รุ่ยรุ่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว