บทที่ 247 หุบปากไป
รุ่ยรุ่ยที่เล่นกับนกพิราบตัวอ้วนมาทั้งบ่ายก็เกิดผูกพันขึ้นมา พูดขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ “แม่ครับ เราเอามันกลับไปด้วยได้ไหม”
เป้ยฉ่ายเวยทนมองสายตาเศร้าๆของลูกไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องบอกลูกไปตามตรง “รุ่ยรุ่ย เจ้านกอ้วนก็ยังอยู่ที่สวนสาธารณะเหมือนเดิม พรุ่งนี้เรากลับมาหามันอีกก็ได้นี่นา”
“ก็ได้ครับ” รุ่ยรุ่ยเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี จึงลูบหัวของนกอ้วนด้วยความอาวรณ์ จากนั้นก็วางมือลงบนมือของเป้ยฉ่ายเวยอย่างเชื่อฟัง แล้วก็เดินจากไปพลางหันกลับไปมองทางเดิมในทุกๆย่างก้าว
เป้ยฉ่ายเวยจึงทำได้แค่ลูบหัวเล็กๆของลูกราวกับต้องการปลอบใจ เมื่อเดินออกมาข้างนอก รถก็จอดรออยู่แล้ว เพราะเธอโทรหาคนขับรถให้มารอรับก่อนล่วงหน้าสิบนาที
เมื่อคนขับรถเห็นสองแม่ลูกออกมา ก็เปิดประตูรถให้กับทั้งสองอย่างใส่ใจ
เป้ยฉ่ายเวยให้รุ่ยรุ่ยขึ้นไปก่อน ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เธอจึงหยิบขึ้นมากดรับสาย
อาจเป็นเพราะวันนี้เธอออกมาเที่ยวเล่นกับรุ่ยรุ่ยเพลินจนรู้สึกสบายใจไปหน่อย เป้ยฉ่ายเวยเลยไม่ทันได้มองว่าใครโทรมา ก็กดรับสายเลยในทันที แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นในสาย เธอก็อดที่จะโทษตัวเองไม่ได้ที่ไม่ยอมมองเบอร์ที่โทรมาให้ดีก่อน
“เป้ยฉ่ายเวย คุณนี่ก็เป็นภรรยาที่ดีพร้อมจริงๆเลยนะ”
เมื่อได้ยินเสียงประชดประชันของชายหนุ่ม เป้ยฉ่ายเวยก็กำโทรศัพท์ในมือแน่น จากนั้นก็ปิดประตูรถเบาๆ มองรุ่ยรุ่ยที่อยู่ในรถและชี้โทรศัพท์ให้ลูกดูเชิงบอกว่าให้ลูกรออยู่ข้างในรถก่อน เดี๋ยวมา
รุ่ยรุ่ยพยักหน้าเข้าใจ
เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเดินออกมาไกลพอสมควร ก็ค่อยๆผ่อนแรงมือที่กำโทรศัพท์ลง ขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “ฉูเจ๋อหยาง เป็นบ้าอะไรอีก”
ทำไมชอบพูดอะไรแปลกๆแบบนั้นด้วย
“เหอะ แล้วไง ผมบ้า แล้วคุณที่วิ่งแจ้นไปทำกับข้าวที่บ้านคนอื่นอย่างไร้ยางอายนี่มันยังไงหรอ?” ฉูเจ๋อหยางพยายามอดกลั้นเพลิงโกรธอยู่ทุกวันทุกคืน แต่เมื่อวินาทีที่ได้ยินเสียงของเป้ยฉ่ายเวย เพลิงโกรธที่พยายามอดกลั้นไว้ก็ปะทุขึ้นมาในพริบตา
ผู้หญิงคนนี้เหลี่ยมจัด ตอนอยู่ต่อหน้าเขาก็ทำเป็นเศร้านักเศร้าหนา แต่แค่พริบตาเดียวก็วิ่งโร่ไปทำซุปให้ผู้ชายอื่นกิน ยังมีหน้ามายิ้มหัวเราะโดยไร้ซึ่งยางอายอีก
“ฉูเจ๋อหยางนี่คุณสะกดรอยตามฉันหรอ!”
ทำไมฉูเจ๋อหยางถึงรู้ว่าเธอทำกับข้าวที่อยู่บ้านของจื่อเชียน ความคิดแรกของเป้ยฉ่ายเวยคือคิดว่าถูกเขาสะกดรอยตาม เมื่อลองคิดดูว่าถ้าเป็นแบบนี้จริงแล้วฉูเจ๋อหยางอาจจะรู้เรื่องของรุ่ยรุ่ยแล้ว สติสัมปชัญญะก็แทบจะหลุดลอยไป
นิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว
เสียงทุ้มต่ำเย็นเฉียบพูดขึ้นเชิงเหยียดๆว่า “สะกดรอยตาม? เป้ยฉ่ายเวยคุณไม่ได้พิเศษพอถึงขนาดที่ผมต้องทำอย่างนั้น”
เมื่อได้ยินว่าฉูเจ๋อหยางไม่ได้ส่งคนมาเฝ้ามองเธอ เธอจึงไม่ได้โกรธอะไรกับคำพูดแดกดันของฉูเจ๋อหยาง ยังดีที่คนนิสัยหยิ่งทะนงอย่างฉูเจ๋อหยางไม่ยอมทำเรื่องอะไรที่จะทำให้ตัวเองเสียหน้าแบบนั้น ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็วเขาคงรู้เรื่องรุ่ยรุ่ยเข้าสักวัน
แต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่อย่าง “ในเมื่อคุณไม่ได้สะกดรอยตามฉัน แล้วรู้ว่าฉันอยู่บ้านจื่อเชียนได้ยังไง”
จื่อเชียนงั้นหรอ เรียกซะดูสนิทกันเลยนะ นัยน์ตาเยือกเย็นของฉูเจ๋อหยางราวกับมีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมา ราวกับจะดูดกลืนทุกอย่างให้ไม่เหลือชิ้นดี ถ้าหากในเวลานี้เป้ยฉ่ายเวยมายืนอยู่ตรงหน้าเขาล่ะก็ เธอต้องเสียใจที่พูดกับเขาแบบนั้น
“พอเจอแหล่งขุมทรัพย์ใหม่เสียงพูดก็ห้วนขึ้นเลยนะ ถึงยังไงผมก็เคยนอนกับคุณมาแล้วตั้งสี่ปี ถ้าหลี่จื่อเชียนรู้สึกว่าตรงนั้นของคุณไม่แน่นแล้ว ผมออกเงินให้คุณไปทำใหม่ได้นะ”
“ฉูเจ๋อหยางไอ้สารเลว” เป้ยฉ่ายเวยโกรธจนสั่นไปทั้งตัว รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนปากร้าย แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดไม่เข้าหูที่ออกมาจากปากของเขา เธอก็ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆในใจอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...