บทที่ 248 มีกบฏ
เมื่อก่อนหลี่จื่อเชียนกลับบ้านดึกตลอด พอตอนนี้มีเป้ยฉ่ายเวยมาอยู่ด้วยก็ไม่เป็นเหมือนเดิมแล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ไม่ว่าจะมีเรื่องสำคัญอยู่ในมือเยอะแค่ไหน เขาก็วางมันลง แล้วเลือกที่จะรีบขับรถกลับบ้าน
แต่เมื่อเขากลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าเวยเวยและรุ่ยรุ่ยไม่อยู่ หัวใจก็บีบรัดจนปวดหน่วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อถามคนใช้ก็ได้คำตอบว่าทั้งสองไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ หัวใจที่บีบรัดถึงได้ค่อยๆผ่อนคลายลง
หลี่จื่อเชียนเหม่อลอย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มวิตกกังวลแบบนี้ คงจะเป็นตอนที่เวยเวยตัดขาดจากฉูเจ๋อหยางแล้วย้ายมาที่นี่ล่ะมั้ง
คิดไม่ถึงเลยว่าคนอายุสามสิบกว่าๆแบบเขา ใจจะอ่อนไหวง่ายอย่างกับเป็นวัยรุ่นอย่างนั้นแหละ
แต่ทว่าความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป กลับค่อนข้างจะเสพติดมันเสียด้วยซ้ำ เขาพูดกับตัวเองในใจว่า ‘หลี่จื่อเชียน นายเปลี่ยนไปเป็นเหมือนพวกวัยรุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’
ไม่นานเป้ยฉ่ายเวยก็พารุ่ยรุ่ยกลับมา หลี่จื่อเชียนกำลังจะเอ่ยทัก แต่พอเห็นสีหน้าแปลกๆของเป้ยฉ่ายเวย จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เวยเวย เธอเป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”
เป้ยฉ่ายเวยไม่คิดว่าหลี่จื่อเชียนจะกลับมาไวขนาดนี้ จึงรีบเก็บความกลัดกลุ้มบนใบหน้าให้หายไป เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ “เปล่า จื่อเชียนนายเลิกงานแล้วหรอ”
“ใช่” แววตาของหลี่จื่อเชียนวูบไหว เขารู้ว่าเป้ยฉ่ายเวยกำลังโกหก แต่เขาก็ไม่คิดที่จะจับผิดเธอ เขาไม่อยากทำให้เธอคิดว่าเขาเข้าไปก้าวก่ายมากเกินไป ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นยังมีเวลาอีกเยอะ
สายตาอบอุ่นทอดมองไปทางรุ่ยรุ่ย “รุ่ยรุ่ย วันนี้ไปเที่ยวกับคุณแม่มาสนุกไหมครับ”
รุ่ยรุ่ยพยักหน้า ตอบอย่างแข็งขันว่า “สนุกครับ ที่นั่นมีนกพิราบตัวอ้วนอยู่ตัวหนึ่งมันฉลาดมากเลยครับ แต่ว่ามันกินเยอะมาก ก็เลยบินไม่ขึ้นแล้ว”
หลี่จื่อเชียนได้ฟังก็รู้ได้ทันทีว่ารุ่ยรุ่ยคงชอบนกตัวนั้นเข้าให้แล้ว คำพูดถึงได้แอบมีความใจหายแฝงอยู่ด้วย “รุ่ยรุ่ยไปสวนสาธารณะที่ไหนมาหรอ เดี๋ยวครั้งหน้าลุงพาหนูไปเองดีไหมครับ”
“ดีครับ ผมไปสวนสาธารณะสวนน้ำมาล่ะ” รุ่ยรุ่ยอยากกลับไปหานกอ้วนตัวนั้นอีก จึงรีบตอบกลับอย่างไม่อ้อมค้อม
หลี่จื่อเชียนยื่นมือออกไปลูบผมเด็กน้อย พูดยิ้มๆว่า “อื้ม พวกเราไปล้างมือกินข้าวกันก่อนดีกว่า รุ่ยรุ่ยคงหิวแล้วแน่เลย”
เที่ยวเล่นมาทั้งวัน รุ่ยรุ่ยต้องหิวแน่ๆ ถึงได้ยอมให้หลี่จื่อเชียนจูงพาไปล้างมืออย่างเชื่อฟังแบบนี้
เป้ยฉ่ายเวยยืนเหม่อมองรุ่ยรุ่ยที่ถูกจื่อเชียนจูงมือเดินไป เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รุ่ยรุ่ยเริ่มสนิทใจกับจื่อเชียนโดยที่ไม่มีอาการลังเลแม้แต่นิด ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอถึงได้มีความรู้สึกคันยิบๆขึ้นมา
รุ่ยรุ่ยยังต้องการความรักจากพ่อถึงจะเพียงพอ
ตอนที่ทานข้าวกัน เป้ยฉ่ายเวยก็เริ่มสังเกต จึงพบว่าจื่อเชียนไม่ค่อยกินเยอะเท่าไหร่ เขาเอาแต่คีบกับข้าวเอย แกะกุ้งเอย ให้รุ่ยรุ่ยกินก่อน แล้วเขาค่อยกินตามทีหลัง
ที่สำคัญคือ ทุกๆการกระทำของจื่อเชียนมันธรรมชาติจนไม่มีอะไรขัดหูขัดตา ทุกๆการกระทำเป็นสิ่งที่เขาทำออกมาจากใจจริง ไม่ใช่ทำเพื่อเอาใจเธอเลย
เป้ยฉ่ายเวยเริ่มเครียด ยิ่งจื่อเชียนเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เธอกลัว แต่เมื่อเธอมองใบหน้ายิ้มแย้มของรุ่ยรุ่ย ก็ใจร้ายปฏิเสธความห่วงใยจากเขาไม่ลง ลำพังเธอปฏิเสธเขาได้ แต่เธอคงไปปฏิเสธเขาแทนรุ่ยรุ่ยไม่ได้
หลี่จื่อเชียนคีบอาหารให้รุ่ยรุ่ยไปพลาง สังเกตอาการของเป้ยฉ่ายเวยไปพลาง เมื่อเห็นว่าเธอดูเหม่อลอย ก็ถามด้วยความเป็นห่วง “เวยเวยเธอเป็นอะไรหรือเปล่า กับข้าวไม่ถูกปากหรอ?”
“เปล่า กับข้าวอร่อยมาก ฉันก็กินอยู่นี่ไง”เป้ยฉ่ายเวยรีบส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้น
รุ่ยรุ่ยเอากุ้งตัวหนึ่งวางลงบนจานของเป้ยฉ่ายเวยอย่างใจกว้าง เสียงสดใสพูดขึ้นว่า “แม่ครับ กินกุ้งช่วยเสริมแคลเซียมนะ”
“อื้ม รุ่ยรุ่ยก็กินเยอะๆนะ” เป้ยฉ่ายเวยมองกุ้งตัวโตบนจาน ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่
หลี่จื่อเชียนดีกับรุ่ยรุ่ย เพราะรู้สึกว่ารุ่ยรุ่ยน่าเอ็นดูจริงๆ เด็กน้อยอายุยังไม่ถึงสี่ขวบเลย แต่กลับมองแววตาคนออก บ่อยครั้งที่เขาเห็นรุ่ยรุ่ยแอบสังเกตสีหน้าท่าทางของคนอื่นอยู่บ่อยๆ ราวกับว่าเด็กน้อยกำลังวิเคราะห์ความคิดความอ่านของคนอื่นอยู่
เด็กที่ใส่ใจแม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ใครกันที่จะไม่เอ็นดู
“ไม่ใช่แบบนั้น.........”อวี๋ซือซือคิดจะโกหก คำต่อจากนนั้นก็พูดมุบมิบเสียงเบา
“ถ้าไม่บอกดีๆ ฉันก็ไม่ออกไป” เป้ยฉ่ายเวยย้ำชัดให้เห็นว่าเธอจริงจัง ถ้าไม่ยอมพูดออกมาแต่โดยดี เธอก็จะไม่ยอมออกไปไหนทั้งนั้น
อวี๋ซือซือรู้ว่าไม่พูดก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงก้มหน้าตอบเสียงหงอยว่า “ฉันไปกินข้าวที่นั่นกับพวกแกใช่ไหม แล้วทีนี้ฉันก็ถ่ายรูปพวกแก แล้วฉันก็ไม่ระวังเลยเผลอส่งรูปพวกนั้นไปให้ถังฉีตง แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่านายนั่นยังอยู่หรือตาย......”
อวี๋ซือซือพูดยังไม่ทันจบ เป้ยฉ่ายเวยก็ร้องขึ้นเสียงดัง “เธอ!!........”
แต่เมื่อเห็นดวงตาที่ถอดแบบเดียวกันกับเธอจ้องมองมา เธอก็กลืนคำหยาบต่างๆลงไป ใช้รอยยิ้มหวานๆมองกลับไปราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องอะไร
บนหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจคือด่าโคตรพ่อโคตรแม่ไปแล้ว
ถ้าต้องอยู่กับจื่อเชียนและรุ่ยรุ่ยในบ้านอีกต่อไป เธอคงจะข่มคำสรรเสริญโคตรพ่อโคตรแม่เอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เธอก็คิดอยู่ว่าทำไมฉูเจ๋อหยางถึงรู้ว่าเธอทำอาหารอยู่ในบ้านของจื่อเชียน
ที่แท้ก็มีกบฏนี่เอง
เป้ยฉ่ายเวยอยากจะทะลุผ่านโทรศัพท์ไปหยิกเพื่อนสนิทให้หนังหลุดไปเลย “พูดมา ตอนนี้เธออยู่ไหน”
ตอนนี้เธออยากไปหยิกเพื่อนตัวดีซะให้เข็ด
“แหะๆ ฉันอยู่ไนท์ซิตี้คลับ” อวี๋ซือซือรู้ว่าตัวเองมีความผิดจึงไม่กล้าอวดเก่ง
เป้ยฉ่ายเวยหันหลังกลับ พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำๆพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “รอฉันอยู่ที่นั่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...