บทที่ 262 ไม่เคยเข้าใจเลย
ไม่นานเป้ยฉ่ายเวยก็ได้รู้ว่าตัวเองซื่อเกินไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรคนอย่างเขาก็ไม่เคยรู้จักคำว่าขีดจำกัดหรอก
ฉูเจ๋อหยางยักไหล่อย่างไม่แยแส พูดออกมาอย่างสบายๆว่า “ถ้าคุณไม่อยากฟัง ผมยังมีวิดีโอนะ ถ้าคุณอยากดูก็ยังได้เลย”
เป้ยฉ่ายเวยแทบกระอักเลือด เธอเสียดาย เมื่อวานเธอน่าจะตกเลือดตายไปเลยก็ดีตอนนี้คงไม่ต้องมาเจอะเจอใบหน้าชวนโมโหอย่างไม่น่าให้อภัยของฉูเจ๋อหยางหรอก
เขาอัดวิดีโอในช่วงที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มรุกคืบเขา
“ฉูเจ๋อหยางคุณอย่าเยอะได้ไหม ไม่รู้หรือไงว่าแบบนี้มันผิดกฎหมาย” เสียงพูดของเธอดูอ่อนแรง ก่อนหน้าเธอทำแบบนั้นไป เงินเธอก็จ่ายไปหมดแล้ว
เงินเกือบจะทั้งหมดที่จ่ายไป ก็โอนเข้าบัญชีธนาคารของโรงพยาบาลหมดแล้ว
ฉูเจ๋อหยางผละขาทั้งสองข้างที่ไขว่กันไว้ออกด้วยท่าทางวางมาด เสียงที่ไม่หนักไม่เบาพูดขึ้นว่า “ได้อะไรจากคุณเยอะเลย เป้ยฉ่ายเวย”
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคุณ อย่าลืมว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว อีกอย่างต่อให้เมื่อวานจะไม่ใช่คุณ เป็นคนอื่นก็เหมือนๆกันนั่นแหละ อย่างน้อยคนอื่นก็คงไม่ได้คืบจะเอาศอกเหมือนคุณหรอก”
ดวงตาของฉูเจ๋อหยางฉายแววเย็นยะเยือก รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ปากแข็ง แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำที่ดูดายของเธอ ความโกรธในใจก็พวยพุ่งออกมา แสยะยิ้มเย็นพูดขึ้นว่า “คิดว่าคนอื่นก็คงทำให้คุณพอใจไม่ได้หรอก”
“คุณ!” สมควรตายจริงๆ เขารู้อยู่แก่ใจว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ แล้วยังจะจงใจตีความความหมายที่เธอจะสื่ออย่างผิดๆอีก
“ฉูเจ๋อหยาง คิดไปคิดมานะกะอีแค่อยากได้ฉันเนี่ย มันถึงขนาดต้องทำทุกอย่างขนาดนี้เลยหรอ ทำไมล่ะตัดใจจากฉันไม่ได้หรอ หรือไม่งั้นก็ลองไปคุยกับหนานฉิงดูก่อนนะ ว่าเธอจะเห็นด้วยไหม”
เธอจับจุดได้ ว่าฉูเจ๋อหยางไม่อยากได้ยินคำพูดแบบไหนมากที่สุด และก็รู้ดีด้วยว่าผลที่จะตามมาหลังจากที่พูดไปมันจะเป็นยังไง แต่เรื่องของเมื่อวาน มันเป็นเรื่องผิดพลาดทั้งหมด
ฉูเจ๋อหยางลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆ เดินไล่ต้อนเข้ามาหาเธอทีละเก้า ในตอนที่เธอกำลังหายใจไม่เป็นจังหวะ เขาก็ยื่นมือออกมาจับกรอบหน้าของเธอเอาไว้ บังคับเธอให้จ้องมองนัยน์ตาของตัวเอง
เขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน พูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “เป้ยฉ่ายเวย อย่าคิดจะลองดีกับเส้นขีดความอดทนของผม”
เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่ก็หลุดออกจากการจับกุมของเขาไม่ได้ ดวงตาเม็ดอัลมอนต์เต็มไปด้วยความโกรธ เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด “ฉูเจ๋อหยาง ฉันไม่ได้จะลองดีกับคุณ แต่เป็นคุณต่างหากที่คิดจะรังแกคนไร้ทางสู้”
หรือเขาจะคิดว่าเธอไม่มีหัวใจ คิดว่าเธอเจ็บไม่เป็น ถึงได้พูดแดกดันเธออย่างไม่แยกแยะเลยว่าเรื่องไหนเธอถูกหรือผิด ไหนจะโยนความผิดที่สมมุติขึ้นมาเองให้เธออีก แต่ตัวเขากลับออกไปไหนมาไหนกับหนานฉิงทำตัวราวกับคนที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยเลย หน้าพวกเขาโชว์หราอยู่บนหนังสือพิมพ์และนิตยสารซะขนาดนั้น
ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โชว์หวานกันจนเลี่ยน
แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องให้เธอตอบรับข้อตกลงโหดร้ายไร้เหตุผลนี่กัน
ฉูเจ๋อหยางกดตาต่ำ ก้มลงไปสบตากับดวงตาเม็ดอัลมอนต์ที่ดื้อรั้นของเธอ ที่ทอประกายระยิบระยับ จ้องแบบนั้นอยู่นานจากนั้นจู่ๆก็ปล่อยมือออก แล้วหันหลังให้เธอ ทิ้งคำพูดที่ฟังดูเข้าใจยากเอาไว้ จากนั้นก็ยืดอกเดินจากไป
“เป้ยฉ่ายเวย คุณไม่เคยคิดจะเข้าใจผมเลยสักครั้ง”
เป้ยฉ่ายเวยมองตามแผ่นหลังสูงชะลูดของเขาที่ค่อยๆหายออกไปจากในห้องด้วยความนิ่งงัน อะไรคือบอกว่าเธอไม่เคยคิดจะเข้าใจเขา เขาต่างหากที่ไม่เคยให้โอกาสเธอได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเขาเลยสักครั้ง ตลอดสี่ปีที่คบกันมา เธอไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในโลกของเขาจริงๆเลยสักที
เธอไม่รู้ว่าเขารับทำคดีอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าคนที่สนิทหรือเพื่อนของเขามีใครบ้าง และก็ไม่รู้ว่านอกจากทนายแล้วเขาติดต่อกับคนอื่นหรือเปล่า
เธออยากรู้อยู่แล้ว อยากทำความรู้จัก แต่ทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากถาม เขาก็มักจะหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้ไปอย่างเฉยเมย หรือไม่ก็บอกเธอตรงๆเองว่าไม่อยากพูด เธอเจ็บเป็น เธอยอมแพ้เป็น และเธอก็อายเป็น
ต่อมา เธอก็ค่อยๆเริ่มชินกับความไม่แยแสนี้ มาตอนนี้เขากลับโทษเธอที่เธอไม่เข้าใจเขา
“เวยเวยเธอไม่ต้องรีบก็ได้ เมื่อวานรุ่ยรุ่ยนอนดึกนิดหน่อย เลยยังไม่ตื่นเลย” หลี่จื่อเชียนพูดด้วยเสียงอบอุ่น
เขาไม่เคยกดดันหรือบังคับอะไรเธอ นั่นเป็นสิ่งที่ฉูเจ๋อหยางไม่เคยมี เป้ยฉ่ายเวยแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ทำไมเธอไม่รู้สึกกับจื่อเชียนแทนนะ
ถ้าคนที่เธอรักคือจื่อเชียนก็คงจะดี เธอคงไม่ต้องเฝ้ารักผู้ชายเย็นชาคนนั้นมาตลอดสี่ปี และเธอก็คงไม่เจ็บปวดแบบนี้
รุ่ยรุ่ยก็อาจจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆเขา มีพ่อที่อบอุ่นอ่อนโยน
ส่วนเธอ อะไรก็ได้ทั้งนั้น
“โอเค เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไป”
หลี่จื่อเชียนเป็นห่วงกลัวว่าเป้ยฉ่ายเวยจะรีบร้อนกลับมาจนเกินไป จนเตือนเธออีกครั้งด้วยความไม่สบายใจว่า “อื้อ ดูแลตัวเองดีๆ ไม่ต้องรีบขาดนั้นก็ได้”
เป้ยฉ่ายเวยตกปากรับคำไป จากนั้นก็รีบโทรหา ‘เพื่อนรัก’ ในทันที เสียงที่ตอบมาตามสายเป็นเสียงงัวเงียๆดังขึ้น
“ใครเนี่ย โทรมาอะไรแต่เช้า”
“กี่โมงกี่ยามแล้วยังจะนอนอยู่อีก รีบเอาชุดมาส่งให้ฉันที่....” เป้ยฉ่ายเวยพูดถึงแค่นี้ก็เพิ่งคิดได้ว่าเธอยังไม่รู้เลยว่าฉูเจ๋อหยางพาเธอมาที่ไหน จึงปีนขึ้นไปดูป้ายเซอร์วิสที่วางอยู่ตรงหัวเตียง
“โรงแรมจูนเยี่ย”
อวี๋ซือซือที่ถือสายอยู่นิ่งไปสักพัก จากนั้นเสียงก็ดังขึ้นราวกับมีสติกลับมา “เชรดแม่ เวยเวยแกกับฉูเจ๋อหยางถึงขนาดเปิดห้องเลยหรอ”
“เธอรีบมาเถอะ ฉันจะค่อยๆเล่าให้เธอฟังเอง” เธออ่านความคิดอีกฝ่ายที่รู้จักกันมาหลายปีออก เธอมั่นใจว่าเพื่อนคงไม่ตีเธอตายหรอก จริงๆนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...