บทที่ 275 หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้
ดวงตาของลิ่วเอ่อร์ที่ตอนแรกแรกก็เบิกกว้างอยู่แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของฉูเจ๋อหยาง ตายิ่งเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา ไฟแค้นในแววตาลุกโชนอยากจะแผดเผาฉูเจ๋อหยางให้ตายไปเสียเหลือเกิน “ฉูเจ๋อหยาง แกปั่นหัวฉัน ข่าวพวกนี้แกเป็นคนปล่อยออกไปใช่ไหม”
ฉูเจ๋อหยางยกยิ้มมุมปากบ่งบอกว่ายอมรับที่เขาพูดมา
“ลิ่วเอ่อร์นายก็ไม่ได้โง่นี่นา” เจี่ยวเสี่ยวเล่อกอดอก ท่าทางดูเอ้อระเหยทั้งยังกวนโอ๊ย
ลิ่วเอ่อร์กัดฟันกรอดจนรากฟันแทบขาด คืนนี้ควรจะเป็นการเริ่มต้นของครอบครัวเขาสิ ตอนนี้กลับถูกฉูเจ๋อหยางดักเอาไว้หมด เขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้ยังไง
“ฉูเจ๋อหยาง ทนายแบบนายแต่มีของแบบนี้อยู่ในมือ ถ้าให้คนอื่นรู้เข้า ก็อย่าคิดเลยว่าบริษัทของนายจะมีที่ยืนในเมืองจิ่นอัน ฉันว่าเราถอยกันคนละก้าวดีกว่าไหม ถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
เจี่ยงเสี่ยวเล่อหัวเราะออกมา ทำสีหน้าราวคนทึ่มมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “ลิ่วเอ่อร์ นี่นายอยู่ในคุกนาน จนสมองขึ้นอืดไปแล้วหรือไง นายคิดว่านายถูกจับพร้อมของกลางขนาดนี้ ยังจะมีโอกาสได้ออกไปทำตัวเหลวแหลกอีกหรอ”
“แก!” ลิ่วเอ่อร์ถูกเจี่ยงเสี่ยวเล่อกวนโมโหจนแทบหงายหลัง ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาจะถูกจับคาหนังคาเขา เหมือนเหตุการณ์ครั้งก่อนนะ
ความแค้นฝังลึกท่วมท้นขึ้นมาในทันที เมื่อมองไปยังกำแพงมนุษย์ที่ดูหนาแน่นจนแทบจะหาทางแทรกตัวออกไปไม่ได้ เขารู้ดีว่าคืนนี้ถ้าหนีก็คงกลับไปได้ด้วยร่างกายที่ไม่ครบสามสิบสอง แต่ถ้าคิดอยากจะจับเขาไปทั้งอย่างนี้ ก็ต้องดูฉูเจ๋อหยางด้วยว่าจะสามารถหรือเปล่า
ฉูเจ๋อหยางทันเห็นแววมาดร้ายที่ฉายวาบอยู่ในดวงตาของลิ่วเอ่อร์อย่างว่องไว จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ลงมือ”
ในขณะเดียวกัน ลิ่วเอ่อร์ก็ตะโกนสั่งลูกน้องเสียงดัง “ฆ่าพวกมัน”
ตอนนี้เองที่เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันในท่าเรืออันแสนสงบ บรรยากาศยามค่ำคืนที่มืดสนิทถูกกระสุนปืนยิงตัดผ่าน ประกายสีไฟแสบตาเมื่อกระสุนสาดกระทบเข้ากับโขดหิน
ฉูเจ๋อหยางที่เป็นผู้ออกคำสั่งสูงสุดไม่ได้หลบไปอยู่หลังฝูงคน กลับกันเขามุ่งเดินไปยังด้านหน้าสุด ราวกับเสือชีต้ากลางคืน ที่ซุ่มจู่โจมเหยื่อ เมื่อจัดการกับคนร้ายไม่กี่คนที่อยู่ด้านข้างเสร็จ ก็พุ่งตรงเข้าไปทางลิ่วเอ่อร์
ดวงตาของเขาแน่วแน่และเฉียบคม เป็นเหมือนดาบที่คมที่สุดบนโลกใบนี้ ดวงตาสีดำสนิทที่ทอแววเลือดเย็นอำมหิต โครงหน้าสมบูรณ์แบบแผ่ไอเย็นออกมา แบบนี้ยิ่งทำให้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา
มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถต้านทานได้ อีกทั้งรังศีของฉูเจ๋อหยางที่แทบจะกระชากวิญญาณคนออกมา คนของลิ่วเอ่อร์เลยค่อยๆยอมแพ้ หลายคนไม่ยืนหยัดที่จะสู้ต่อ จึงยอมแพ้แต่โดยดี
แต่ลิ่วเอ่อร์กลับคว้าเอาลูกน้องที่ถูกยิงตรงหน้าอกจนเหวอะหวะเอาไว้บังตัวเอง ก้าวถอยหลังไปทางทะเลเรื่อยๆ เขาใกล้จะถูกฝ่ายนั้นเอาชนะไปหมดแล้ว ดวงตาของลิ่วเอ่อร์แดงฉาน มองฉูเจ๋อหยางที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ถ้าสายตาฆ่าคนได้ ฉูเจ๋อหยางคงตายไปไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
ไม่ เขาจะยอมแบบนี้ไม่ได้ ลิ่วเอ่อร์คนนี้ที่มีดวงตาอำมหิต จะไม่ยอมแพ้ เขาจะต้องฆ่าฉูเจ๋อหยางให้อัปยศอดสู
ข้างหน้าคือกระบอกปืนหลายสิบกระบอก ข้างหลังคือน้ำทะเล ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเขาก็มีแต่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่ถ้าต้องตกไปอยู่ในมือของฉูเจ๋อหยาง แม้แต่โอกาสเดียวที่จะรอดก็คงไม่มีอีกแล้ว
ถ้าเลือก.......
ลิ่วเอ่อร์กัดฟัน เขาเลือกที่จะเสี่ยงดูสักตั้ง เขาหันไปแสยะยิ้มให้ฉูเจ๋อหยางแล้วพูดขึ้นว่า “ฉูเจ๋อหยาง แกคิดว่าแบบนี้จะหยุดคนอย่างฉันได้หรอ ครั้งนี้ฉันประมาทเอง แต่ครั้งหน้าฉันจะฆ่าล้างแค้นแกแน่”
“ไม่ดีเลยนะ” ไม่ถึงวิฉูเจ๋อหยางก็นึกจุดประสงค์ของลิ่วเอ่อร์ได้ เขาจึงยิงปืนใส่ต้นขาของลิ่วเอ่อร์ในทันที
เสียงปืนดังขึ้น ลิ่วเอ่อร์คิดไม่ถึงเลยว่าทนายอย่างฉูเจ๋อหยางจะยิงปืนแม่นขนาดนี้ กระสุนยิงทะลุผ่านขาเขาไป ตอนนี้อะไรๆคงไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดแล้ว
“เออ รุ้แล้วน่า” ในฐานะที่ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรมากออกจากถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นอย่างเจี่ยงเสี่ยวเล่อก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แบ่งคนที่เหลือเป็นสี่กลุ่มกลุ่มละสามคน แยกย้ายกันเริ่มปฏิบัติการค้นหา
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันแล้ว ถังฉีตงถึงได้พูดขึ้นว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์โทรหาฉันสองสาย ก็ไม่น่ามีเรื่องอะไรนะ”
ไม่มีอะไรของเขาก็คือมีอะไรแน่ๆ ปกติแล้วเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่น่าจะอยากเจอเขาเท่าไหร่
“นายกลับไปเถอะ” ฉูเจ๋อหยางยืนนิ่ง นัยน์ตาลึกล้ำทอดมองท้องทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ถังฉีตงตอบรับเพียงอืมไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เอาตามจริงจนถึงตอนนี้เขาก็คิดถึงอวี๋ซือซืออยู่ตลอด อยากกลับบ้านไวๆเหมือนกัน เรื่องที่เหลือให้เจี่ยงเสี่ยวเล่อจัดการก็คงไม่มีปัญหาอะไร
เหลือเพียงฉูเจ๋อหยางที่ยืนรับลมทะเลอยู่บนท่าเรือคนเดียว แสงไฟสีเหลืองนวลจากเสาไฟส่องกระทบร่างสูงใหญ่ของเขาจนสะท้อนเป็นเงากับน้ำทะเลสีมืด มองไกลๆยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยว
ค่ำคืนที่แสนเหน็ดเหนื่อยในที่สุดก็สิ้นสุดลง แต่ฉูเจ๋อหยางเหมือนมีความรู้สึกอะไรคอยหน่วงเหนี่ยวอยู่ในใจ จึงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเบอร์โทรที่คุ้นเคย
ในเวลานี้เป้ยฉ่ายเวยขึ้นมาบนเครื่องแล้ว รอแค่เครื่องบินออกตัว ในมือยังกุมโทรศัพท์ไว้อย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นเสียงไพเราะของแอร์โฮสเตสก็ดังขึ้นอยู่เหนือหัว
“สวัสดี ผู้โดยสารทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่สายการบินตาเฉิงเปิ่นแอร์ไลน์ ขณะนี้เครื่องบินกำลังจะออก โปรดปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และคาดเข็มขัดนิรภัย ขอบคุณค่ะ”
ใจของเป้ยฉ่ายเวยบีบรัด สุดท้ายเธอก็กดปุ่มปิดเครื่อง
“หมายเลขที่ท่านเลือกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” สิ่งที่ได้ยินมีแค่เสียงตอบรับอัตโนมัติ นัยน์ตาของเขาลุ่มลึก ค่อยๆเก็บโทรศัพท์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...