หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 44

บทที่44 การลองใจของหนานเทียนหยาง

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่ามีร่างสูงใหญ่มองเธอถูกผู้ชายอื่นอุ้มและจากไปอยู่ไกลๆ ริมฝีปากที่บางโค้งให้เห็นถึงความเยือกเย็นบางอย่าง

ความเป็นห่วงของเขานั้น เป็นแค่ส่วนเกินจริงๆ

ฉูเจ๋อหยางหันกลับไปในงานเลี้ยง

“อาเจ๋อ อาเจ๋อนายไปไหนมาฉันหานายทั่วก็หาไม่เจอ” หนานฉิงเห็นฉูเจ๋อหยางเดิมเข้ามาจากด้านนอกก็พูดขึ้นมาอย่างม่พอใจ “พ่อให้ฉันไปมาหานาย”

จะให้พ่อเขายอมรับคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายง่าย เธอวางแผนขนาดนี้ อาเจ๋อยังไม่รู้จักจับโอกาสไว้ดีดี ทำให้เธอเหนื่อยเสียเปล่า

“ตรงนี้อึดอัดไป” ฉูเจ๋อหยางพูดขึ้นเบาๆ

“ยังงั้นก็ควรจะบอกฉันหน่อย” หนานฉิงเห็นสายตาที่ไม่ค่อยซบอารมณ์ของฉูเจ๋อหยาง เลยไม่พูดคำข้างหลังต่อ เรื่องคืนนี้ถึงจะเป็นเรื่องหลัก

อย่าทำให้เรื่องนี้เส้นอุปสรรคของแผนการที่เธอวางไว้

หลี่จื่อเชียนเดินเข้ามาพูดด้วยสีหน้ามีความกังวลเล็กน้อย “คุณฉู หนานฉิง ฉันกลับก่อนดีกว่า”

“หลี่จื่อเชียน ทำไมนายจะไปแล้ว แล้วเวยเวยล่ะไม่อยู่กับนายเหรอ?” หนานฉิงดูไปที่ด้านหลังของหลี่จื่อเชียน แล้วถามขึ้นแบบสงสัย

“เธอไม่ค่อยสบาย กลับก่อนแล้ว” หลี่จื่อเชียนพูดเสร็จก็มองไปทางฉูเจ๋อหยาง เพราะเมื่อกี้ที่เปลี่ยนคู่เต้นรำหนานฉิงอยู่กับเขา งั้นฉูเจ๋อหยางก็ต้องอยู่กับเวยเวยแน่นอน

และตอนมาร่างกายของเวยเวยนั้นดีมากแค่แป๊บเดียวก็ไม่สบายกลับไป หรือว่าระหว่างพวกเขาสองคนเกิดเรื่องขึ้น?

“ทำไมไม่สบายอีกแล้ว แล้วทำไมนายไม่ส่งเธอกลับบ้าน” ที่จริงเมื่อกี้ถ้าไม่เห็นอาเจ๋อเดินเข้ามา เธอคิดว่า คิดว่าอาเจ๋อกับเวยเวยกลับไปแล้ว

แต่เธอลบความคิดแบบนั้นออกจากสมองอย่างรวดเร็ว เวยเวยเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเธอ จากไปกับผู้ชายที่เธอรักได้อย่างไง

และเวยเวยก็คือคนที่รู้ความรู้สึกที่เธอมีต่ออาเจ๋อดีที่สุด ยิ่งไม่มีทางทำเรื่องไม่มีคุณธรรมแบบนี้แน่นอน

“ไม่รู้สิ ฉันว่าจะไปดูเธอหน่อย” หลี่จื่อเชียนดูหน้าของฉูเจ๋อหยางไม่มีความรู้สึกอะรืในใจเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจแล้วเวยเวยไม่ได้เป็นเพราะเขา?

ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่ดูว่าร่างกายเธอเป็นยังไงจะดีกว่า

“อื่มงั้นนายรีบไปเถอะ นายช่วยฉันบอกเวยเวยด้วยว่าฉันขอโทษ ฉันกับอาเจ๋อยังมีเรื่องต้องไปทำยังไปไม่ได้” พูดไปหนานฉิงหน้าก็เริ่มแดงไม่แน่คืนนี้เธอสองคนอาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้

หลี่จื่อเชียนพยักหน้าด้านผ่านหน้าพวกเธอไป

“อาเจ๋อ พวกเราก็ไปกันเถอะ พ่อบอกว่าจะแนะนำเพื่อนให้นายรู้จัก” หนานฉิงมองผู้ชายข้างๆดูยังไงก็หล่อไม่มีที่ติถ้าเขาอ่อนโยนกันเธอนิดนึงก็เพอร์เฟค

“อืม” ก็ยังเป็นคำง่ายๆคำหนึ่งหนานฉิงไม่ได้สังเกตเห็นความเย็นชาจากสายตาเขา

หนานเทียนหยางยิ้มบางๆที่มุมปากสายตาจ้องมองไปที่เขาสองคน แต่รอยยิ้มของเขามาเข้าไปในดวงตาของเขาโดยเฉพาะตอนที่มองฉูเจ๋อหยางสายตามีความคม

“พ่อ อาเจ๋อมาแล้ว” หนานฉิงปล่อยมือของฉูเจ๋อหยางแล้วหันกลับไปอ้อนหนานเทียนหยาง

“พ่อรู้แล้ว” หนานเทียนหยางทำไมจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกรักทำนั้นหมายความว่าอะไร ก็แค่หวังว่าเขาพ่อของเธออย่าทำให้คนที่เธอรักลำบากใจ

ผู้หญิงโตแล้วควบคุมยากแต่ฉูเจ๋อหยางจะมีสิทธิ์ได้เป็นลูกเขยของหนานเทียนหยางหรือป่าวนั้นยังไม่รู้

บริษัททนายความเล็กๆบริษัทหนึ่งเก้งแค่ไหนจะทำอะไรได้มากมายแต่ฉูเจ๋อหยางเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆคนนึงแค่เวลาสามจากทนายที่ไม่มีคนรู้จักจนกลายเป็นทนายเบอร์แรกของเมืองจิ่นอัน

แต่เสียดายสายตาไม่กว้างไปเป็นทนาย……

“หนูหนาน ยิ่งโตยิ่งสวยนะ”

“ใช่เทียนหยางวาสนาดีจริงๆมีลูกสาวที่แสนหวานแบบนี้”

“หาแฟนได้ก็ดีสายตาดีจริงๆเลย”

คนที่ยืนอยู่ข้างๆของหนานเทียนหยางทุกคนนั้นล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองจิ่นอัน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคุยอะไรกันบนใบหน้าของฉูเจ๋อหยางก็เป็นสีหน้าเดียวไม่มีเปลี่ยนแปลงไม่หือไม่อือ

ไม่แสดงอาการที่เกินออกมาเพราะชื่อเสียงของพวกเขาผู้ชายคนนี้ดีจริงๆมีเสน่ห์มากพวกเขาเห็นได้จากสายตาของซึ่งกันและกันถึงคำว่าชื่นชมสองคำนี้

ตอนนี้มีวัยรุ่นไม่มากแล้วที่นิสัยใจเย็นแบบนี้

“พวกนายไม่ต้องชมเด็กคนนี้แล้ว ดูหางของเธอจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว” หนานเทียนหยางพูด และยิ้มสายตามองไปทางฉูเจ๋อหยางอยากดูว่าเขามีท่าทีอะไร

สามารถต่อต้านสายตาที่ดุร้ายที่มองมาได้อดไม่ได้ที่จะมองฉูเจ๋อหยางให้สูงนิดนึงหลายปีผ่านไปฉูเจ๋อหยางมีการพัฒนาไม่น้อย

ความรู้สึกบนใบหน้าเริ่มไม่แสดงออกให้เห็นชัดแล้ว

“พ่อ สิ่งที่พวกอา อาพูดก็เป็นความจริงอาเจ๋อยอดเยี่ยมจริงๆนิใช่มั้ย” หนานฉิงไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าผู้ชายพวกนี้เสแสร้งแค่ไหนแล้วยังกระพริบตากับฉูเจ๋อหยางแบบตื่นเต้น

เหมือนกำลังพูดว่าอาเจ๋อนายดูพวกเขากำลังช่วยนายพูดหลังจากนี้นายต้องดีกับฉันนะ

ฉูเจ๋อหยางมองหนานฉิงที่โลกสวยแล้วขยับมุมปากไม่รู้ว่ายิ้มจริงหรือยิ้มหรอกมีแค่เขาเองที่รู้ดี

“ทนายฉูอายุน้อยก็เป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองจิ่นอันเป็นวัยรุ่นที่เก่งมากจริงๆ”

ชายวัยกลางคนอ้วนๆคนนึงยิ้มขึ้นมาเหมือนพระศรีอริยเมตไตรยดูแล้ว ‘สีหน้าอ่อนโยน’พูดเหมือนเป็นคนดีพูดแบบยิ้มๆจนจบ

หยุดไปสักพักแล้วพูดต่ออย่างน่าเสียดาย “ความฉลาดเฉลียวแล้วความสามารถแบบทนายฉูทำไมไม่ไปเปิดบริษัทแต่กลับไปเป็นทนายที่น่าอันตราย”

ฉูเจ๋อหยางรู้ว่าคนที่ตัวเองคุยด้วยอยู่นั้นคือคนที่มีชื่อเสียงหลินโหย่วเหวย ‘ความเสียดาย’ของเขานั้นใช้ความลำบากใจมากจริงๆ

“ผมจบนิติศาสตร์มาการเป็นทนายคือความฝันของผม” ฉูเจ๋อหยางตอบแบบไม่รีบร้อนพูดแบบมีความเย็นชาเล็กน้อย “และคุณหลินตอนนี้เหมือนจะต้องใช้ทนายที่มีประสบการณ์มากหน่อยจัดการปัญหาเล็กน้อยพวกนั้นอยู่”

หลินโหย่วเหวยได้ยินคำว่า ‘ปัญหาเล็กน้อย’ คำนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเรื่องที่บริษัทหลินซื่อเจอนั้นไม่ใช้ ‘ปัญหาเล็กน้อย’ อย่างที่ฉูเจ๋อหยางพูดออกมาเลยแต่เป็นปัญหาใหญ่มากที่ต้องขึ้นศาล

แต่ด้านในมีความลับของบริษัทหลินซื่อก็เลยยังหาทนายที่ไว้ใจได้ยังไม่ได้คิดไม่ถึงว่าทนายอายุน้อยๆอย่างฉูเจ๋อหยางก็รู้เรื่องนี้

ดูแล้วเรื่องที่เทียนหยางวานให้ทำนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายผู้ชายตรงหน้าควบคุมไม่ง่ายแน่นอน

ไม่มันคือผู้ชายที่ควบคุมไม่ได้แน่นอน

“ไม่ทราบว่าทนายฉูมีข้อแนะนำอะไรดีๆมั้ย” ตอนที่หลินโหย่วเหวยพูดคำนี้กับฉูเจ๋อหยางมีรู้สึกจริงใจขึ้นมาก

หนานฉิงฟังอยู่ข้างๆแบบไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำไมน้ำเสียงที่คุณอาหลินพูดกับอาเจ๋อเปลี่ยนไปจนรู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังอ้อนวอน

ฉูเจ๋อหยางใช้น้ำเสียงเย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนพูดต่อ “คุณหลินไปเจรจากับทนายหลินให้ลดความเสียหายให้น้อยลงหน่อยมั้ย”

อัพเดทครั้งหน้า:15 พ.ย. 2019

จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อนนะจ๊ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว