ตอนที่ 82 มือที่อยู่ใต้โต๊ะอาหาร
หนานฉิงรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยกับเหตุการณ์นี้ แต่เพราะคนที่อยู่ข้างๆเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้มากที่สุดของตัวเอง เลยทำให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีลดลงไปได้บ้าง
เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่ง ไม่สามารถเมินเฉยลมหายใจของผู้ชายข้างๆที่ส่งผ่านมา และอดไม่ได้ที่จะบีบมือใต้โต๊ะไว้แน่น
ตอนนั้นเองร่างกายของเป้ยฉายเวยก็สั่นเล็กน้อย คนอื่นๆรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขา คาดไม่ถึงเขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วดึงมือเธอไปจับไว้
ยังอยู่ต่อหน้าคนตั้งเยอะแยะ แม้ว่าใต้โต๊ะจะไม่มีใครมองเห็น แต่เพียงพอที่จะสามารถทำให้เธอตื่นเต้นจนอยากร้องกรี๊ดได้
"เวยเวย เธอเป็นอะไรไป ทำหน้าตกอกตกใจ" อวี๋ซือซือมองแผ่นหลังเป้ยฉายเวยด้วยความสงสัย เหมือนกับว่ามีคนมาขอหมั้นแล้วอึ้งจนขยับตัวไม่ได้
"มะ ไม่มีอะไรหรอก" ฉันแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องการส่งประวัติส่วนตัวในวันนี้
เป้ยฉายเวยอยากเอามือออกจากชายคนนั้นมาก แล้วพยายามเท่าไรก็ไม่เป็นผล ได้แต่นั่งตัวสั่นแล้วปล่อยให้เขาจับต่อไป
ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกว่ากำลังคบชู้ลับหลังสามีนะ
เธอรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น ฉูเจ๋อหยางดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลย เหมือนกับคนที่จับมือของเธออยู่นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น
หรือเขาไม่กลัวว่าหนานฉิงจะรู้ตัวเลยหรือ
เป้ยฉ่ายเวยได้แต่ด่าฉูเจ๋อหยางเงียบๆในใจ จอมปลอม! ใจดำ! คนเลว!
หนานฉิงยังข้องใจอยู่จึงถามขึ้น "ประวัติส่วนตัวอะไร เวยเวยเธอไม่ได้ทำงานในร้านขายรองเท้าแล้วหรอ
เวยเวยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องอธิบายต่อหนานฉิง จากนั้นก็ครุ่นคริด อาจเพราะหนานฉิงมีนิสัยเช่นนี้เธอเลยไม่ใส่ใจ "อือ มีปัญหานิดหน่อย ฉันเลยต้องหางานทำใหม่น่ะ"
เป้ยฉายเวยไม่สนใจ อวี๋ซือซือเสนอความเห็น เธอพูดอย่างเย็นชา "หนานฉิง เวยเวยไม่ได้ทำงานอยู่ในร้านรองเท้าธรรมดาๆนะ แต่เป็นผู้จัดการร้านรองเท้าแบรนด์ดังระดับโลก ไม่ใช่ร้านขายรองเท้าเล็ก ๆ บนถนน"
ร้านแบรนด์ระดับโลกอย่างนี้ จะค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องระดับการศึกษาของพนักงาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้จัดการร้านตั้งแต่อายุยังน้อยอีก
คนดัดจริตอย่างนั้นคงจะไม่รู้ว่าเธอต้องพยายามแค่ไหนเพื่องานนี้
หนานฉิงหน้าแดงพักหนึ่ง จะดีกว่าถ้าขยับมุมปากเพื่อขอความช่วยเหลือจากเป้ยฉายเวย "ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของเธอ เวยเวยคงไม่โทษฉันหรอกนะ"
"อืม" เวยเวยพยักหน้าตอบ แล้วมองเพื่อนข้างๆอย่างอ่อนโยน
อวี๋ซือซือเหลืยบมองเวยเวยอย่างไม่พอใจ ในเมื่อทุกคนถือว่าเขาไม่ประสีประสา เธอจะพูดอะไรได้อีก
เพื่อรักษาหน้าหนานฉิง คนที่นั่งติดกับฉูเจ๋อหยางพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน "อาเจ๋อ ได้ยินมาว่างานของนายขาดผู้ช่วยอยู่หนึ่งคนไม่ใช่หรอ ฉันว่าความสามารถอย่างเวยเวยน่าจะพอทำได้"
ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองใบหน้าประหม่าของเวยเวย ไปทำงานงานที่สำนักงานของเขา ข้อเสนอนี้ไม่เลวเลยทีเดียว
เป้ยฉายเวยรีบปฏิเสธ" ไม่เป็นไร วันพรุ่งนี้ฉันมีสัมภาษณ์งาน"
ล้อเล่นอะไรเนี่ย ให้เธอไปทำงานที่สำนักงานของฉูเจ๋อหยาง ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งลูกแกะเข้าถ้าเสือ ยิ่งเป็นสถานที่ที่ต้องเจอกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าทุกวัน คิดแล้วเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
อวี๋ซือซือที่นั่งฟังอยู่ข้างๆหัวเราะเยาะอยู่หลายครั้ง
"เวยเวย ถ้าเธอไม่รังเกียจ ไปทำงานที่บริษัทฉันได้นะพอดีเลยกำลังขาดผู้ช่วยเลขาอยู่หนึ่งคน" คำพูดของหลี่จื่อเชียนทำให้รู้สึกสดชื่นสำราญใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความล่วงเกิน และยังเหมือนทำให้คนคล้อยตามได้อีก
จริงสิ เป้ยฉายเวยเกือบจะพยักหน้าตกลงแล้ว ถ้ามือใหญ่ใต้โต๊ะไม่บีบมือเธอไว้ตลอด เธอจะตอบรับอย่างแน่นอน ตอนนี้เธอได้แต่ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เป็นไรจื่อเชียน ฉันได้ตอบตกลงกับซือซือว่าจะไปสัมภาษณ์กับบริษัทพี่อวี๋เฮ่าแล้ว" ตอนนี้ได้แต่อ้างเอาพี่อวี๋เฮ่ามาเป็นโล่กำบัง
อวี๋ซือซือเลิกคิ้ว เรื่องจะเกิดเมื่อไร เธอจะรู้ได้ยังไง แต่เวยเวยพูดมาแบบนี้เธอก็ดีใจแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...