หมอเทวดา นิยาย บท 15

หลังจากออกจากบ้านของตระกูลถังแล้วฉินจวิ้นก็ยกหูต่อสายถึงซุนเจี้ยนหมิ่นทันที “รุ่นพี่...มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”

“แจ้งตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดว่าเราจะจัดพิธีรำลึกที่ตงฉานเป่ยโพในอีกสองวัน”

“ได้เลยครับรุ่นพี่” ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากการวางสาย ตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดได้รับเรื่องจากซุนเจี้ยนหมิ่นกันทั้งหมดมันน่าประหลาดใจจริง เพราะนั่นเป็นเรื่องยากมากที่นายท่านซุนจะสั่งการด้วยตัวเอง และเนื้อหานั้นเรียบง่ายนัก ตัวแทนจากแต่ละครอบครัวต้องแต่งกายอย่างเรียบง่ายและรวมตัวกันที่ตงฉานเป่ยโพในเวลา 9.00 น. ในวันมะรืนนี้ สร้างความประหลาดใจให้ตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดจากคำสั่งของเขา 9 โมงเช้า มะรืนนี้เนี่ยนะแล้วทำไมต้องตงฉานเป่ยโพ เขาจะให้พวกเราไปทำอะไรที่นั่นกันละเนี่ย สถานที่นั้นเป็นหลุมฝังศพหมู่คนไร้ญาติไม่ใช่รึไง

“มีคนในครอบครัวของนายท่านซุนเสียชีวิตเหรอ”

“ตลกน่า หากคนในครอบครัวของเขาเสียชีวิตศพควรจะได้รับการฝังอย่างเหมาะสมสิไม่ใช่บนเนินเขาที่ถูกทอดทิ้งร้างแบบนั้น”

"มันก็ยากที่จะพูดนะ คุณซุนให้รายละเอียดน้อยมาก ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่การฝังศพจะเกิดขึ้นที่ตงฉาน”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราทุกคนจะต้องแต่งกายด้วยชุดพิธีการสีดำและจะต้องไม่ไปสายอย่างเด็ดขาด”

“อ่อ ใช่ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานศพของสมาชิกในครอบครัวของนายท่านซุน แสดงว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมวงในของเขาสินะ กล่าวก็คือก็แสดงว่าเรามีเกียรติแค่ไหนแล้ว” ครอบครัวที่มีชื่อเสียงหลายคนดีใจและรู้สึกภูมิใจที่คุณซุนเชิญพวกเขาในงานส่วนตัวนี้ ทุกครอบครัวให้ความสำคัญกับงานพิธีของซุนเจี้ยนเมี่ยน เพราะพวกเขาต้องคว้าโอกาสที่จะได้พบกับคุณซุนด้วยตนเอง และเนื่องจากไม่มีการจำกัดจำนวนคนจากแต่ละครอบครัวที่สามารถเข้าร่วมงานได้ ทุกคนที่ต้องการไปจึงได้รับการเชิญทั้งหมด ตระกูลจู้ก็ได้รับการเชิญเช่นกัน

“พี่ใหญ่ จะไปเหรอ” ป้าจู้ถาม

จู้หมิงพยักหน้า “แน่นอน เราต้องไปสิ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะประคับประคอง เพราะครอบครัวของเราโดนตัดขาดเพราะไอ้เด็กเหลือขอฉิน ตอนนี้เราต้องใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ไขให้มันถูกต้อง”

“เราจะได้อธิบายให้สามตระกูลใหญ่เข้าใจว่าเราได้ตัดความสัมพันธ์กับจู้หลินหลินแล้ว และอย่างที่สอง เราจะพยายามหาจังหวะหารือดีๆ กับคุณซุน ใครจะไปรู้ว่าต่อไปเราอาจได้พบกับซีอีโอของเมิ่งกรุ๊ปในอนาคตก็เป็นได้ และเราค่อยมาหาสานสัมพันธ์ที่ดีกันต่อไป” ทุกคนในครอบครัวเห็นด้วยกับจู้หมิง ฉินจวิ้นได้นำความโชคร้ายมาสู่ตระกูลจู้แถมตอนนี้ยังไปรุกรานตระกูลใหญ่ทั้งสามแล้วมันก็ถึงเวลาที่จะต้องหาใครสักคนที่มีอิทธิพลมาเพื่อสร้างเกราะให้ตัวเองแล้ว ไอ้เด็กเหลือขอจากตระกูลฉินนั่นคาดหวังให้พวกเราคุกเข่าลงและขอร้องให้จู้หย่งและจู้หลินหลินกลับมางั้นเหรอ ช่างน่าตลกนัก ฝันไปเถอะ!

จู้หลินหลินและจู้หย่งหลีกเลี่ยงการเป็นหัวข้อสนทนาในพิธีรำลึก ราวๆ สองสามวันก่อนพวกเขายังได้รับแจ้งจากซุนเจี้ยนหมิ่นว่าสมาชิกจากหลากหลายตระกูลจะสวดมนต์รำลึกให้กับผู้เสียชีวิตที่ตงฉาน คนที่แจ้งข่าวนั้นไม่มั่วอย่างแน่นอนเพราะคือเจ้าตัวเอง

เพราะเมื่อมีเขาอยู่ในงานบุคคลสำคัญคนอื่นๆ ก็จะปรากฏตัวด้วยเช่นกัน ด้วยฝูงชนจำนวนมากที่ตงฉาน ฉินจวิ้นน่าจะแทบไม่มีโอกาสสวดมนต์ให้กับสมาชิกตระกูลฉินที่ล่วงลับเลยเป็นแน่ แถมคนในงานประกอบด้วยบุคคลที่มีอิทธิพลและผู้นำที่มีอำนาจ ที่บุคลคนธรรมดาไม่มีโอกาสเข้าไปใกล้เขาด้วยซ้ำ เพราะจะมีหน่วยรักษาความปลอดอยู่แถวนั้นแน่นอน

นอกจากนี้ ถึงแม้จะเข้าไปได้เมื่อสามตระกูลที่มีชื่อเสียงสังเกตเห็นเข้าละก็ พวกเขาอาจนำซากของตระกูลฉินออกจากตงฉานแทบไม่ทัน พวกเขาอาจจะขุดกระดูกออกมาแล้วโปรยทิ้งราวกับขยะเพื่อไม่ให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างสงบอีกต่อไป

ในตอนแรกจู้หลินหลินและพ่อของเธอตกลงที่จะไปกับเขาที่หลุมฝังศพของพ่อกับแม่เขาด้วย แต่ตอนนี้พวกเขากลับอยากให้ฉินจวิ้นล้มเลิกความคิดที่จะไปเสียมากกว่า เรายังมีเวลาอีกมากที่จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ จู้หลินหลินและพ่อของเธอพยายามที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เพราะหวังให้ฉินจวิ้นลืมมันไปซะ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง วันครบรอบการเสียชีวิตของตระกูลฉินนั้นตราตรึงอยู่ในหัวใจของฉินจวิ้นเสมอ เขาจะลืมมันลงได้ยังไง เหตุผลที่เขาเรียนศิลปะการต่อสู้เป็นเวลากว่าสิบปีก็เพื่อล้างแค้นให้ครอบครัวด้วยการบังคับให้พวกมันก้มกราบหลุมศพพ่อแม่ของเขา

ในสองวันต่อมา

ตอนที่ถูกล็อก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวดา