“คนเราควรรู้จักสำเหนียกตน เจ้าก็ควรส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง คนอย่างเจ้าคู่ควรให้น้องสาวข้าคุกเข่ายกน้ำชาให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือ?"
คนที่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา คือพี่ชายทั้งสองของมู่หนิงเอ๋อร์ นามว่ามู่เซี่ยงหรงและมู่เซียงหลี่
แม้นมู่หนิงเอ๋อร์จะเป็นเพียงสนม แต่กระนั้นก็เป็นที่รักของคนทั้งตระกูล และไม่เคยถูกกระทำมาก่อน
หนิงอวิ้นหยูวตวัดสายตามองทั้งสองคนที่มีท่าทีก้าวร้าว ก็จำได้ในทันทีว่าพวกเขาคือใคร
ในอดีตสองคนนี้มักจะรังแกเจ้าของร่างเดิมทุกครั้งที่สบโอกาส พวกเขาแทบไม่เห็นหวางเฟยอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ สีหน้าของหนิงอวิ้นหยูวก็เยือกเย็น นางจ้องตาสองคนนั้นตรง ๆ เอ่ยพูดอย่างไม่หวั่นเกรง "อย่างน้อยข้าก็เป็นถึงคุณหนูจากจวนอัครมหาเสนาบดี เป็นคนที่ฝ่าบาททรงพระราชทานงานแต่งให้มาเป็นพระชายาของจ้านอ๋อง เป็นลูกสะใภ้ที่ราชวงศ์ยอมรับ พวกเจ้ากล้ายึดคำพูดแค่ไม่กี่คำ บังอาจมาตัดสินการตัดสินใจของฝ่าบาทหรือ พวกเจ้ายังเห็นหัวฝ่าบาทอยู่หรือไม่? "
เมื่อใดที่ความผิดโทษฐานเหยียดหยามอำนาจการติดสินใจของกษัตริย์ก่อเกิดขึ้นมา การลงโทษตระกูลมู่ด้วยการฆ่าล้างเก้าชั่วโคตรก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ เมื่อทั้งสองคนได้ยินประโยคนี้ก็เริ่มขลาดกลัว
หนิงอวิ้นหยูวเอ่ยพูดอย่างตอกย้ำ "ในเมื่อพวกเจ้าดึงดันจะพูดให้ได้ว่าข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งหวางเฟย เช่นนั้นก็ไปกัน ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าวังไปทูลถามฝ่าบาทเอง ว่าข้าคู่ควรหรือไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้"
เมื่อถ้อยคำเหล่านี้ถูกพูดออกมา บรรยากาศรอบด้านพลันเงียบลง
หลายคนที่เมื่อครู่ยังหัวร้อนอยากหาเรื่อง พลันเงียบปากลง มู่เซี่ยงหรงกับมู่เซียงหลี่ที่ลุกขึ้นยืนก็ปิดปากฉับ ไม่กล้าพ่นอะไรออกมาอีก ก้าวถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
หนิงอวิ้นหยูวมองตามสองคนนั้นที่เผ่นหนีออกไปด้วยใบหน้าดูถูก คิดในใจอย่างดูแคลน ก็นึกว่าจะแน่ ที่ไหนได้แค่สองประโยคก็ตกใจกลัวแล้ว
เมื่อนางเห็นว่าไม่มีคนกล้าเข้ามาท้าทายอีก จึงหันไปจดจ้องที่มู่หนิงเอ๋อร์เขม็ง เอ่ยพูดกับหยุนเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า "ไปเตรียมชาถ้วยที่สองมาให้นางสนม ความร้อนของชาอยู่ในระดับที่พอดีเมื่อไหร่ ข้าถึงจะยกดื่มเมื่อนั้น"
ไม่นานหยุนเอ๋อร์ก็ยกน้ำชาเข้ามา ขณะที่มู่หนิงเอ๋อร์กำลังจะยื่นมือออกไปรับ ทันใดนั้นหนิงอวิ้นหยูวก็ยกมือขึ้นมา ปัดถ้วยชาลงบนพื้น จนเศษกระเบื้องแตกกระจาย
หนิงอวิ้นหยูวแสร้งเอ่ยพูดด้วยใบหน้าใสซื่อ "ขอโทษจริง ๆ เมื่อครู่มือข้าลื่นน่ะ เผลอทำถ้วยชาแตกเลย หยุนเอ๋อร์ ไปเตรียมชาถ้วยที่สามมาให้นางสนมเร็ว"
มู่หนิงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว แต่เพราะอยู่ท่ามกลางสายตาธารกำนัลนางจำต้องอดกลั้น แสร้งทำท่าน่าสงสารออกมา
เรื่องในวันนี้ ทำให้ชื่อเสียงอันร้ายกาจจากความริษยาของหนิงอวิ้นหยูวแพร่สะพัดไปทั่วทุกหัวมุมถนน
มู่หนิงเอ๋อร์มองเศษกระเบื้องกระจุยกระจายบนพื้นอย่างลังเล จากนั้นก็เอ่ยถามว่า "ท่านพี่ไม่เรียกคนมาเก็บก่อนหรือ?"
"ก็รอจนกว่าเจ้าจะคุกเข่าเสร็จ ข้าถึงจะเรียกคนมาเก็บ" หนิงอวิ้นหยูวตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
คุกเข่าเสร็จ?
มู่หนิงเอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีด หากคุกเข่าบนเศษกระเบื้อง นางคงเจ็บขามากแน่ ๆ......
นางหลบซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของซือจ้านเหยียน เอ่ยถามด้วยดวงตาคลอหยาดน้ำ "เหตุใดท่านพี่ถึงบีบบังคับข้าถึงเพียงนี้?"
"แค่ยกน้ำชาทำความเคารพข้า เจ้าก็หาข้ออ้างนั่นนี่มาถ่วงเวลา มิหนำซ้ำยังให้คนอื่นออกหน้าด่าข้าแทนเจ้า แบบนี้ไม่เรียกว่าเคารพหรอก แล้วไหนจะที่เจ้าแอบทำอะไรตุกติกกับน้ำชา ตั้งใจจะให้ข้าขายหน้า แบบนี้ก็ไม่เรียกว่าเคารพเช่นกัน ข้าก็แค่ลงโทษเจ้าให้นั่งคุกเข่าบนเศษกระเบื้องเพื่อยกน้ำชาแด่ข้า เท่านี้ก็ถือว่าข้าโอนอ่อนให้สุด ๆ แล้วนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงยอดดวงใจของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์
ไมม่อัพเดทตอนเพิ่มแล้วเหรอค่ะ 🥺🥺...