หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 264

ตอนที่ 264 แย่ยิ่งกว่าตาย

“มือข้างไหน?”เสียงของเขาต่ำลง มษยาเคลื่อนใบหน้าออกจากมีด แต่ปกเกศจับคอเธอไว้ไม่ปล่อยแม้แต่นิดเดียว

มษยามองเขาอย่างหวาดกลัว เผลอกลืนน้ำลาย “ซะ ซ้าย มือซ้าย…”

หญิงสาวทุกคนล้วนให้ความสำคัญกับใบหน้า เธอเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ถ้าใบหน้านี้ของเธอถูกทำลาย จากนี้ไปเธอก็ต้องมีใบหน้าเสียโฉมไปตลอดชีวิต

แบบนั้นมัน แย่ยิ่งกว่าตาย

เมื่อมษยาพูดจบ ทาวัตก็ยกมีดตวัดลงมา ไม่มีใครเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้น มษยาทรุดลง จมอยู่ในกองเลือด

ข้อมือซ้ายและขวาแต่ละข้างปรากฏแผลเลือดไหลสองแผล เลือดไหลทะลักจากบาดแผลที่ข้อมือของเธอ

“มษยา!” ม่านตาชนุตร์หดแคบ ก้าวเข้าไปคิดอยากจะพาเธอออกมา ตอนนั้นเองปกเกศก็ปล่อยมือออก มษยาร่วงหล่นลงในอ้อมกอดของชนุตร์

ดวงหน้าเล็กของมษยาขาวซีด ข้อมือทั้งคู่เลือดไหลไม่หยุดที่ยิ่งน่ากลัวคือ เธอยกมือไม่ขึ้น เหมือนมือขาดออกไปแล้ว

“วรินทรเจ็บมือซ้าย ฉันก็จะให้เธอชดใช้ด้วยทั้งสองมือให้สาสมกัน ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้วรินทรไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พวกแกได้เห็นดีแน่!” ทาวัตมองมษยาและชนุตร์ด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย ส่งมีดให้ปกเกศ แล้วกอดอก

ด้านหนึ่งชนุตร์ก็กอดมษยา อีกด้านหนึ่งก็สังเกตบาดแผลของเธอ ไม่คิดว่าทาวัตจะทำแบบนี้ เส้นเลือดดำและแดงของเธอถูกตัดขาด จากนี้ไปเธอคงถือของหนักไม่ได้แล้ว

ผู้ชายคนนี้ เพื่อวรินทรแล้วคิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้!

“นายคิดว่า นายไปหาวรินทรตอนนี้จะหาเธอเจอมั้ย?” ชนุตร์พันแผลให้มษยาดีแล้ว ก็อุ้มเธอขึ้นมา พูดเสียค่อย ไร้เยื่อใย

ทาวัตไม่ตอบ แต่มองมาที่เขา

“ตอนที่พวกเราพบว่าเธอกรีดข้อมือตัวเองก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว จนถึงตอนนี้ เธอเสียเลือดไปมาก ถึงจะหนีไป ก็คงไปได้ไม่ไกลนัก ไม่แน่ว่า อาจไปตายที่ไหนแล้วก็ได้” เขาพูดเบา ๆ ค่อย ๆ ก้าวไปทางด้านหนึ่ง 

ใจของทาวัตเมื่อได้ยินว่า “เธอเสียเลือดมาก” สี่คำนี้ก็บีบรัดขึ้นมาทันที นัยน์ตาปรากฏสีแดงฉาน

ไม่รอให้เขาลงมือ บนพื้นอยู่ ๆ ก็ปรากฏควันหนา จากนั้นชนุตร์ก็อุ้มร่างมษยาหมุนกายวิ่งเข้าไปในม่านควัน ด้วยความรวดเร็ว

ปกเกศกำลังคิดจะไล่ตามไป แต่ทาวัตกลับขวางหยุดไว้ เขาดูหมอกควันหนาเบื้องหน้ากัดริมฝีปากอย่างแรง “ไม่ต้องตาม เผาที่นี่ซะ”

“ครับ”

ไม่นาน วิลล่าก็ถูกล้อมรอบด้วยเปลวเพลิง ก่อนตัวบ้านก็จมลงในทะเลเพลิง แสงเพลิงสว่างจ้า ราวกับลุกไหม้ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สีแดงฉาน

ร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากชั้นสอง ร่วงลงสู่ทะเลเพลิง

เมื่อไฟแผดเผาไปได้ไม่กี่นาที เพื่อนบ้านใกล้ ๆ กันถึงเพิ่งพบว่าเกิดเหตุไม่ปกติขึ้น ในตอนที่เดินออกมาดู วิลล่าก็จมอยู่ในทะเลเพลิงแล้ว พวกเขารีบแจ้งความทันที

ทาวัตตรวจดูความเคร่งครัดของระบบความปลอดภัยของที่นี่มาจนแน่ใจแล้ว ดังนั้นไฟถึงได้แรงจนลุกลามได้เร็วขนาดนี้ ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็สามารถผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้หมดจด

“ยกภารกิจเป็นระดับ S ให้ค้นหาอย่างเป็นความลับ ต้องหาคนให้เจอ!” ทาวัตรวมกลุ่มอยู่ไม่ไกลจากวิลล่า มองทะเลเพลิง ก่อนออกคำสั่งเย็นชา

ออกคำสั่ง เป็นครั้งแรกที่ค่ายฝึกได้ออกมาปฏิบัติการหน้าฉาก

_

ในป่าติดทะเลทางตอนใต้ของเกาะ ที่นี่เป็นที่เร้นลับ มีน้อยคนที่จะเคยมาเยือน เงียบสงบสวยงามตามแบบธรรมชาติ ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าที่นี่ จะมีที่พักอาศัยอยู่

วิลล่าเดี่ยวสีขาวหลังหนึ่งตั้งแฝงอยู่ในป่าสีเขียวเข้ม ดูแล้วเพิ่มความเร้นลับขึ้นอีกหลายส่วน ตามถนนสายเล็กที่ทอดจากประตูใหญ่รายล้อมด้วยต้นไม้ตระกูลมะเดื่อผืนใหญ่ ใบไม้ร่วงบนถนน สวยงามไปอีกแบบ

กลิ่นหอมของโจ๊กเจ็ดสหายลอยอวลในวิลล่า ชวนให้คนที่ได้กลิ่น รู้สึกอยากอาหาร สามารถทำอาหารออกมาได้ขนาดนี้ย่อมต้องเป็นหญิงสาวแน่

อันที่จริงเป็นผู้ชายต่างหาก…

ทศพรมือหนึ่งถือถาดมือหนึ่งล้วงกระเป่า เดินเอ้อระเหยก้าวไปตามบันไดไม้สีขาวสู่ชั้นบน

เมื่อมาถึงห้องสุดทางเดิน เขาก็เปิดประตูแล้วก้าวเข้าไป ห้องนี้รับแสงดีมาก เป็นด้านชายฝั่งของเกาะ แม้จะมีต้นไม้สีเขียวปกคลุม แต่เมื่อมองผ่านกิ่งก้านที่ทับซ้อนของผืนป่าก็ยังสามารถมองเห็นเกลียวคลื่นที่ม้วนตัว ลมชื้นของทะเลพัดพาความเย็นสบายเข้ามา ห้องจึงเย็นอยู่เล็กน้อย 

เขาเดินไปที่เตียงสีขาวบริสุทธิ์ที่วรินทรนอนอยู่ เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมา เพื่อช่วยเธอจากปัญหาบ้าบอเขาจึงไม่ได้พาเธอไปที่โรงพยาบาล แต่พาเธอมาที่นี่แทน

โชคดีที่แม้เขาจะใช้ชีวิตราวกับเป็นเจ้าชายมาตั้งแต่เด็ก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยจับต้องเรื่องในบ้าน แต่ฝีมือการทำอาหารของเขากลับดีมาก สืบทอดจุดเด่นนี้มาจากของแม่ของเขา

“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอ?” ทศพรวางถาดลงที่ด้านหนึ่ง มือทั้งคู่กอดอก จ้องมองใบหน้าวรินทรที่หลับลึกอยู่สักครู่ จากนั้นก็ยื่นมือไปตบหน้าเธอเบา ๆ “เฮ้ ตื่นได้แล้ว ตายแล้วยัง?”

วรินทรไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เธอหลับลึกมาก ที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่เต็มที่ อีกส่วนก็เพราะเธอเสียเลือดมากจนวิกฤกต

“ถ้าจะตายก็บอกกล่าวกันก่อน ฉันจะได้เอาเธอไปทิ้งไว้ข้างนอก อย่ามาตายที่นี่นะ” ทศพรบ่นพึมพำ หัวสมองเขาอยู่ ๆ ก็ว้าวุ่นขึ้นมา เขาเก็บตัวปัญหาอะไรกลับมานี่

คนสวย ถ้าเธอตายไปทั้งแบบนี้ ไม่ว่ายังไงก็กลายเป็นของเขานะ

ที่นี่นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีคนใช้ไม่มีคนในครอบครัวไม่มีเพื่อนอยู่อีก ดังนั้นถ้าอยากจะดูแลวรินทร ก็ต้องทำด้วยตัวเอง

ผ่านไปทั้งคืน วรินทรก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ทศพรก็ไม่ได้อยู่รอเธอ เอาโจ๊กที่อุ่นแล้ววางไว้หัวเตียง จากนั้นก็ขับมาเซราตีออกไป

เขาเพิ่งไปที่วิลล่านั่น ที่นั่นไหม้จนไม่เหลืออะไร รอบด้านมีเทปแนวกั้นห้ามผ่านของตำรวจที่ดึงกั้น ตอนนี้เกือบเช้าแล้ว รอบด้านจึงไม่มีคน

“ฉันไปล่ะ ใครมันเจ๋งขนาดนี้เนี่ย คิดไม่ถึงว่ารังของหมอนั้นจะวอดวาย ถูกใจจริง ๆ” ทศพรผิวปาก หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ไม่หยุดอยู่นาน ก่อนจากไป

เกือบเย็นวันที่สอง ในที่สุดวรินทรก็ฟื้นขึ้นมา พักผ่อนไปราว ๆ หนึ่งวัน ร่างกายของเธอจึงดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่ยังรู้สึกอ่อนเพลีย

เธอมองข้อมือที่พันผ้าไว้เรียบร้อย ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทันใดนั้นเธอก็พบว่าไม่ถูกต้อง เริ่มมองไปรอบ ๆ

“ที่นี่…ที่ไหน?”

ที่นี่คือที่ไหน? หรือว่าเธอถูกมษยาพาตัวกลับมาแล้ว

ขณะที่วรินทรกุมท้องอย่างหงุดงหงิดใจ ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอกพอดี ร่างสูงสาวเท้าเข้ามา

ทศพรเห็นเธอฟื้นแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ้น พูดอย่างเป็นห่วงอยู่บ้าง “ฟื้นแล้วเหรอ?”

“คุณคือ?” วรินทรมองเขาอย่างงุนงง เสียงคนคนนี้ฟังดูคุ้นหู เหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหน

“คุณชายอย่างฉันชื่อทศพร ท-ศ-พ-ร” เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ถือชามเคลือบในถาดขึ้น ใช้ช้อนคนโจ๊ก

ทศพร

วรินทรทวนชื่อนี่เงียบ ๆ ในใจอีกรอบ ทันใดนั้นก็นึกออกว่าเมื่อวานตอนที่มษยาไล่ตามเธอมา เธอเป็นลม ก่อนหมดสติได้ยินเสียงของเขา ดูแล้วเขาจะช่วยเธอไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์