หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 270

ตอนที่ 270 เจียมตัว

วรินทรที่เกือบจะตามทาวัตทันแล้ว กลับโดนทศพรดักหน้า มองเขาอย่างตำหนิ “อืม เขาไปแล้ว”

“ไปแล้ว?” ทศพรยิ้มอย่างสะใจ “คนคนนั้นก็รู้จักเจียมตัวเหมือนกัน”

วรินทรพยักหัวสายตามองหาไปมา เพื่อหาร่างมาดเข้มนั้น

แต่ก็ไม่พบ ไม่ใช่ว่าจากไปแล้วมั่ง?

“เธอมองหาใคร?” ทศพรถามอย่างแปลกใจ

“ฉันไม่เป็นไร ฉันต้องไปก่อนแล้วนะ” หาทาวัตไม่เจอวรินทรรู้สึกเสียใจ

ทศพรได้ยินว่าเธอจะจากไป หน้ามึด คว้ามือเธอมาไม่ยอมปล่อย “ผู้หญิงอย่างเธอ ทำไมพูดคำไหนไม่เป็นคำนั้น”

“พอล่ะคุณชาย ฉันมีธุระจริงๆ” แววตาวรินทรจริงจัง มองทศพรอย่างรู้สึกผิด

เขาหลบสายตาอย่างรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วพูดว่า “ถ้าเธอมีธุระจริงๆ งั้นเต้นรำกับฉันสักรอบ แล้วถือว่าทุกอย่างหายกัน”

“ได้ ตกลง” วรินทรแววตาเป็นประกาย รีบเดินไปยังลานเต้นรำอย่างกับกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ

……

ทาวัตแค่อยากแกล้งวรินทร เมื่อเดินออกจากห้องโถงแล้วก็รออยู่สักพัก ไม่เห็นแม้เงาวรินทร ก็เลยเดินกลับเข้ามา

บนลานเต้นรำ วรินทรกับผู้ชายอีกคนกำลังเต้นรำคู่กัน

คราวนี้ ทาวัตโกรธแล้วจริงๆ

เขาลากผู้หญิงคนหนึ่งมาแล้วเดินไปยังลานเต้นรำ เข้าใกล้วรินทรกับทศพร

วรินทรกำลังคิดว่าถ้าเต้นเพลงนี้จบแล้วก็จะรีบไปหาทาวัต กลับเห็นทาวัตก็เต้นรำอยู่กับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง

เธอขบกรามจ้องมองผู้หญิงคนนั้น กล้ามาแตะต้องผู้ชายของเธอ

ไม่ว่าในใจจะเดือดร้อนขนาดไหน ใบหน้างดงามของเธอก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส

พอเต้นถึงครึ่ง แลกเปลี่ยนคู่เต้น วรินทรเปลี่ยนมาเต้นคู่กับทาวัต

ผู้ชายตรงหน้าสีหน้าเย็นชา ปากเม้นแน่น ดูแล้วสีท่าคงโกรธมาก

วรินทรเมินที่มุมปาก แล้วถาม “ทำไมคุณเต้นรำกับผู้หญิงแปลกหน้า?”

ทาวัตใช้แรงเกาะเอวเธอ “ทำไมคุณเต้นรำกับผู้ชายแปลกหน้า?”

วรินทรหน้าเอ๋อ ทำหน้าน่ารักน่าเอ็นดู

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” ทาวัตไม่หลงกล ยิ้มที่มุมปาก แววตาแน่วแน่

ในใจวรินทรตื่นเต้น ทาวัตต้องโกรธจริงๆแน่ เธอก็เลยยอมบอกความจริง

“เขาชื่อทศพร ตอนที่ฉันเพิ่งหนีออกมาจากชนุตร์ เขาเป็นคนช่วยฉันไว้ คืนนี้แค่ตั้งใจตอบแทนบุญคุณ”

แววตาดุดันของทาวัตคลายลง สีหน้าดีขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นเมื่อกี้ฉันแค่คว้าไปเรื่อย”

อะไรนะ?

วรินทรอึ้ง คว้าคนไปเรื่อย? ท่านประธานทาวัตช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก

“ต่อไปเต้นกับฉันได้คนเดียว ห้ามแตะต้องผู้หญิงคนอื่น” วรินทรพูดอย่างครุ่นเคือง

ทาวัตไม่ตอบ ถามกลับ “แล้วเธอล่ะ?”

ถึงวรินทรจะซื่อ แต่เธอไม่โง่ เข้าใจความหมายของทาวัตขึ้นมาทันที จึงมองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ถ้าคุณทำได้ ฉันก็ทำได้”

ไม่ที่จะคิดยอมแพ้ใครจริงๆ

ทาวัตอมยิ้ม พาเธอเต้นจนจบเพลง

“วรินทร เธอ....” ทศพรหยุดเต้น แล้วเดินมาหาวรินทร

“ทศพร ฉันจะไปแล้วนะ ถ้ามีโอกาสจะมาหาเธออีกนะ” วรินทรหันไปยิ้มให้เขา แล้วลากทาวัตออกจากลานเต้นรำไป

วรินทรกับทาวัตนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปยังเมืองA

เมื่อได้กลับมาสูดอากาศเมืองAอีกครั้ง วรินทรรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

“แม่ครับ ผมกับเอจะไปส่งพ่อบุญธรรม แม่กับพ่อกลับบ้านก่อนนะครับ”

วรินทรมองเอที่ยืนยิ้มอยู่ ผู้หญิงคนนี้จากที่สังเกตตั้งแต่อยู่บนเกาะจนถึงตอนนี้ นับว่าเชื่อถือได้

“ได้ รีบไปรีบกลับนะ แม่จะรอทานอาหารเช้าพร้อมกัน” วรินทรลูบหัวน้อยๆของเขา มองพวกเขาขึ้นรถไปอีกคัน

เธอหันกลับมา มองทาวัตที่กำลังถือโทรศัพท์คุยกับใครสักคน สักพักเขาก็วางสาย มองมาหาเธอ

“พ่อแม่ผมกลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่คฤหาสน์ธัมรุจินันท์” เขาพูดอย่างเป็นกังวล

วรินทรยิ้มเก้อ “คุณไปเถอะ ให้ปกเกศไปส่งฉันก็พอ”

ทาวัตพยักหัว “คุณระวังตัวด้วยนะ ค่ำๆผมจะกลับไปหา”

วรินทรมองรถของเขาที่ขับออกไป ยืนอยู่ที่เดิมอย่างสิ้นหวัง

ทาวัตขับรถมาถึงคฤหาสน์ธัมรุจินันท์ ก่อนเข้าบ้านก็เหลือบมองบ้านพูลสวัสดิ์

ชยุตกับณัฐพิชาออกจากโรงพยาลกลับมาพักฟื้นแล้ว เมื่อรู้ว่าบ้านพูลสวัสดิ์กับวรินทรไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ทาวัตก็รู้สึกออกห่างบ้านพูลสวัสดิ์

หยุดไม่นาน เขาก็เดินตรงไปยังประตูบ้านใหญ่ พี่ลิงมองเห็นเขา จึงรีบทักทาย “คุณชายกลับมาแล้ว คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงพวกเขากำลังรออยู่ค่ะ”

เขาพยักหัว เดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเฉยเมย

บนตัวเขายังสวมชุดเมื่อวาน ขอบตาหมองคล้ำ แต่แววตากลับเป็นประกาย

คงเพราะยังทำอาหารไม่เสร็จ ทั้งครอบครัวจึงรวมตัวคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อทาวัตปรากฏตัว คนก็เพิ่มขึ้นอีกคน

“ทาวัต กลับมาแล้วหรือ? ”

“พี่ กลับมาแล้วหรอค่ะ” ทีนาร์ยังรู้สึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมา ถามขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ทาวัต รีบมานั่ง” ชนิศาขยับไปด้านข้าง เว้นที่นั่งให้เขา

ในมือทิโนทัยถือหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ มองเขาแวบหนึ่ง บนใบหน้าสง่าเคร่งขรึมไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา

ทาวัตพยักศีรษะ เดินไปนั่งลงยังโซฟาตัวเดียว

สายตาเขาจ้องมองไปที่ธารี “เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

ธารีอึ้ง ก้มหน้าทำตัวไม่ถูก

ชนิศามองทาวัต แล้วลูบหลังมือธารีอย่างปลอบโยน “ลูกคนนี้ทำไมถามแบบนี้ ดีที่ธารีช่วยแม่ไว้ ยังไม่ขอบคุณคนอื่น”

“เกิดอะไรขึ้น?” ทาวัตขมวดคิ้วถาม

“โรคปวดหัวเดิมกำเริบ แล้วพลาดกับพ่อที่สนามบิน เกือบเป็นลม ดีที่มีผู้หญิงคนนี้ส่งแม่ไปโรงพยาบาล” พูดถึงตอนนี้ ชนิศาหัวเราะ มองธารีอย่างพึ่งพอใจ

“บังเอิญขนาดนั้นเชียว?” แววตาทาวัตล้ำลึกจนมองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

ธารีรีบอธิบาย “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส ก็เลยบังเอิญเจอคุณผู้หญิงชนิศา......”

เขาพูดๆอยู่แล้วก็ไม่มีเสียง ท่าทางเหมือนตนโดนรังแก

ชนิศาจ้องมองทาวัต “หรือคิดว่าโรคปวดหัวของแม่เป็นเรื่องโกหกหรือไง?”

ทาวัตปิดปาก ไม่พูดอะไรต่อ

“แม่ดูซิคะ บังเอิญจังเลย พี่ธารีเคยช่วยพี่ชายไว้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังช่วยแม่อีกคน เหมือนเป็นบุพเพสันนิวาสไหม?” ทีนาร์ยิ้มกอดแขนชนิศาอย่างออดอ้อน

แววตาชนิศาประหลาดใจ “เรื่องนี้ทำไมพวกเราไม่รู้เรื่อง?”

ธารียิ้มอย่างเกรงใจ ก้มหน้าไม่พูดอะไร

“ที่พี่ธารีต้องนั่งรถเข็ญ ก็เป็นเพราะพี่ชาย ถ้าเป็นทีนาร์ที่ต้องขาหัก ทีนาร์ฆ่าตัวตายไปนานล่ะ” ทีนาร์ยิ่งพูดยิ่งใส่อารมณ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์