หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 276

ตอนที่ 276 สร้อยเพชรสีน้ำเงิน

วันต่อมา

"ให้เธอดูอะไรบางอย่าง" ทาวัตคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เปิดลิ้นชักที่อยู่ใกล้ๆ ค้นเอารูปใบหนึ่งที่อยู่ภายในออกมาส่งให้วรินทร

"นรชัยใส่สร้อยมาตลอด เขาบอกว่าก่อนที่เขาจะสลบไปได้ดึงออกมาจากข้อมือของทัตดา หลังจากนั้นก็อาศัยสร้อยเส้นนี้ตามหาทัตดา" ทาวัตกล่าว

วรินทรมองสร้อยที่อยู่บนตัวของนรชัยในภาพ มุมปากเผยอขึ้น

ในวันเกิดครบรอบสิบเจ็ดปี พ่อแม่ของเธอพลันซื้อสร้อยเพชรสีน้ำเงินด้วยราคาสูง เพชรชิ้นนั้นมีชื่อเสียงมาก ได้สลักเป็นรูปเกล็ดหิมะ เพราะว่าคาร่าเป็นเด็กที่เกิดในฤดูหนาว ตรงกลางยังถูกเจาะเป็นช่องเล็ก สลักชื่อของคาร่าไว้บนเมล็ดข้าวที่ยัดไว้ในนั้น

นรชัยช่าง... โง่งมจนต้องร่ำไห้จริงๆ จำคนผิดแล้ว ยังเอาของของคาร่าไปตามหาผู้หญิงอื่นอีก

“นี่คือสร้อยข้อมือของคาร่า ของชิ้นนี้ล้ำค่าเป็นที่สุด ไม่อาจหาชิ้นที่สองได้อีก!” วรินทรหยิบรูปขึ้นอย่างตื่นเต้น

พูดออกมาเช่นนี้ นรชัยก็จำคนผิดแล้วจริงๆ

“เธอคิดจะทำยังไง?” ทาวัตดึงรูปกลับไป รูปใบนี้คือรูปตอนที่พวกเขาสามคนสมัยเรียน ทาวัตเก็บเอาไว้มาตลอด

“แน่นอนว่าต้องบอกนรชัยสิ แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับคาร่า!”

ริมฝีปากบางของทาวัตยกขึ้นเล็กน้อย มองเธอ “เธอบอกกับนรชัยแบบนี้ เขาจะเชื่อหรือ?”

วรินทรไม่เข้าใจเขานัก นัยน์ตาหม่นลงเล็กน้อย

“ในสายตาของนรชัย ทัตดาคือคนที่เขายึดติดมาตั้งแต่แรก ถ้าหากเขารู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก ก็จะทำให้เขาเสียสูญแล้ว” ทาวัตกล่าวออกมา ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าวรินทร ลูบศีรษะของเธอ

วรินทรไม่ยินยอมอยู่บ้าง “แล้วคาร่า...”

“ผมถามเธอนะ คาร่ายังยึดติดกับนรชัยไหม?”

“คาร่าเคยบอกว่า เธอค่อยๆ ปล่อยวางได้แล้ว... คุณจะบอกว่า?” วรินทรกล่าว เข้าใจความหมายของทาวัตแล้ว

ถ้าหากเธอบอกคาร่าตอนนี้ หรือว่าบอกนรชัย สำหรับคาร่าแล้วก็เป็นการเจ็บปวดครั้งที่สอง สำหรับนรชัยก็จะเจ็บปวดจากการที่ความเชื่อมั่นพังทลายลง

“เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้หรือ? เธอมีวิธีอะไรไหม?” วรินทรย่นจมูก

เขาจะต้องมีวิธีแน่นอน

ทาวัตหันหลังนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ถอนหายใจเสียงหนึ่ง “เธออยากรู้หรือ?”

“อยาก อยาก อยาก!” วรินทรพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร เดินไปตีไหล่เขาหลายครั้ง ใบหน้าคาดหวังรอคอย

“อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด” ทาวัตพอใจจนหรี่ตาทั้งสองลง ท่าทีผ่อนคลายง่วงเหงา

นี่เป็นคำตอบประเภทไหนกันละ!

ใบหน้าเล็กของวรินทรพลันบูดบึ้ง

เสียงเคาะดังมาจากทางประตู ทาวัตหันไปทางประตูกล่าวเสียงเรียบ “เข้ามาได้”

เลขานิธูรกอดกองเอกสารเข้ามา แล้ววางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน “ประธานทาวัตคะ นี่คือรายงานการสำรวจฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนค่ะ”

ทาวัตพยักหน้าเล็กน้อย มองดู “ลงไปเถอะ”

“ค่ะ” เลขานิธูรถอยหลังก้าวหนึ่ง เหลือบมองวรินทร เดินออกจากห้องทำงานไป

“แผนงานของเธอเป็นอย่างไรแล้ว?” ทาวัตกล่าวพลางเขียนรายงาน เอ่ยถามไปพลาง

วรินทรหดคอ “ก็อีกนิดหน่อยเอง ตอนนี้ฉันขอตัวก่อนนะ!” จากนั้นเธอก็เปิดประตูเผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาก็สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว วันที่ชิ้นงานของวรินทรสำเร็จเสร็จสิ้น ก็เป็นวันงานหมั้นของนิสิตาและปทิตแล้ว ส่งงานเรียบร้อยแล้ว ทั้งร่างของวรินทรก็ผ่อนคลาย และ นัดคาร่าออกไปช็อปปิ้ง

คาร่าหลังจากรับสายของวรินทรแล้วตอนที่ออกไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ เธอกลับพบกับนรชัย

นรชัยเดินออกมาจากในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ท่าทางผิดหวัง ก้าวเดินโซเซไม่มั่นคง รถปอร์เช่คันนั้นของเขาไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน

คาร่าพลันลังเลขึ้นมา ลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

เขาดื่มเหล้าไปเยอะมาก ขนาดคาร่าอยู่ห่างออกมามากก็ยังสามารถได้กลิ่นแอลกอฮอล์เข้มข้นมาจากร่างของเขา

ทำไมเขาถึงได้ดื่มเหล้ามากขนาดนี้? หรือว่าทะเลาะกับทัตดา?

ทันใดนั้นพลันมีรถยนต์แล่นมาจากมุมถนน ท่าทีของนรชัยไม่เคลื่อนไหวหลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย

“ระวัง!” คาร่าพุ่งไปกอดนรชัยแน่นอย่างไม่คิดชีวิต ร่วงลงไปกองที่พื้นกับเขา

“ไม่มีตาหรือยังไง?!” คนขับคนนั้นตวาดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นขับรถออกไปทันที

คาร่าก็ใช่จะยอมง่ายๆ เก็บก้อนหินขึ้นมาขว้างไปที่รถคันนั้นอย่างไม่ลังเล จากนั้นท้าวมือลุกขึ้นยืน พยุงร่างของนรชัยลุกขึ้น

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” คาร่าพยุงเขาลุกขึ้น เป็นกังวลอาการบาดเจ็บของเขา

นรชัยยกศีรษะขึ้น มองคาร่า นัยน์ตาคู่นั้นปรากฎความสิ้นหวังวาบผ่าน “เธอคือคาร่า?”

“ฉันคือคาร่า” คาร่าทวนคำ จากนั้นปล่อยมือของเขา

นรชัยไม่ได้บ่นอะไรออกมา บนริมฝีปากไม่มีสีเลือด มือของเขากุมท้องแน่น ดูเหมือนกับรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง

คาร่ารู้ว่านรชัยเป็นโรคกะเพาะ

ในความทรงจำของเธอยังคงชัดเจนดี

คาร่าหัวเราะเยาะตนเองเสียงหนึ่ง จากนั้นเปิดกระเป๋าถือ หยิบขวดยาโรคกะเพาะส่งให้เขา “ดื่มยาสักหน่อยก็จะดีขึ้น”

นรชัยขมวดคิ้วแน่น ไม่ขยับ “เธอก็เป็นโรคกะเพาะหรือ?”

รอยยิ้มของคาร่านิ่งค้าง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอก็เป็นเด็กที่สุขภาพแข็งแรงมาตลอด ขวดยาโรคกะเพาะนี้ก็เป็นเพราะว่ารู้ว่านรชัยเป็นโรคกะเพาะ จึงได้พกเอาไว้ด้วยความเคยชิน

“ใช่แล้วละ กะเพาะของฉันก็ไม่ดีนัก ยานี่ใช้ประโยชน์ได้มากเลยละ” คาร่าเสแสร้งอย่างเป็นธรรมชาติ เปิดขวดหยิบเม็ดยาเล็กในนั้นออกมาสองสามเม็ดให้เขา “อะให้”

นรชัยไม่ลังเลอีก ปกติแล้วเขาไม่ทานของที่คนอื่นให้ แต่วันนี้กลับเป็นข้อยกเว้น

เขากลืนยาลงคอไปสองสามเม็ด เม็ดยาพวกนี้ลงไปอย่างง่ายดายนัก

“ขอบคุณ” ในลำคอของเขาแห้งผากมาก เสียงก็แหบพร่าเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับยามปกติแล้วกลับอบอุ่นขึ้นหลายส่วน

“ไม่เป็นไร” ใจของคาร่าพลันเต้นอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้เธอจะรู้ว่าตัวเองไม่ควรคิดถึงนรชัยอีก แต่ก็ยังไม่อาจควบคุมตัวเองได้

บรรยากาศรอบด้านพลันเงียบงัน นรชัยเอนกายพิงเสาไฟฟ้า ใบหน้าปรากฎความโศกเศร้า

คาร่ากัดริมฝีปาก ในใจรู้สึกเจ็บปวด เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ไหว “คุณ... ทะเลาะกับทัตดามาหรอ?”

เธอไม่อาจเย็นชาใส่นรชัยได้ ความสัมพันธ์หลายปีมานี้ เธอไม่อาจปล่อยวางได้ในทันที

นรชัยราวกับถูกคนเดาความในใจออกอย่างนั้น รู้สึกอึดอัดขึ้นมา พลันหันมองไปทางคาร่า “เธอรู้เรื่องทัตดาด้วยหรือ?”

คาร่ายกริมฝีปากแค่นเสียง หากนรชัยถามเธออย่างนี้ แน่นอนว่าต้องการถามเธอบางอย่างอีก ดังนั้นเธอจึงตอบกลับไป “ใช่แล้ว”

“เธอปฏิเสธของขวัญขอแต่งงานของฉัน เธอรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร?” นรชัยมองคาร่า นัยน์ตาปรากฎความคาดหวังรอคอย

“เพราะว่าเธอไม่ชอบไง” คาร่าตอบ ทัตดาชอบนรชัยมาก ทั้งยังเป็นของขวัญแต่งงาน นอกจากไม่ชอบของชิ้นนั้นแล้ว เธอก็คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร

นรชัยพึมพัมกับตัวเอง “ยังมีคนที่ไม่ชอบของที่แต่เดิมก็เป็นของของตัวเองด้วยหรือ?”

“พวกคุณไม่ใช่เตรียมจัดงานหมั้นกันแล้วหรือ?” คาร่ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “เธอยังปฏิเสธของขวัญขอแต่งงานของคุณอีกหรือ?”

ทัตดาจะปฏิเสธนรชัยได้อย่างไร?

นรชัยพยักหน้า “งานหมั้นตอนแรกเธอก็ต้องการยกเลิก”

พระอาทิตย์ตกทางทิศใต้หรือยังไง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์