หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 279

ตอนที่ 279 ผู้หญิงคนไหน

“ยินดีกับเธอด้วย ได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีเช่นนี้” ชนิศาหัวเราะเบิกบานยินดีกับเขา

“พี่ปทิต ยินดีกับพี่ด้วยจริงๆ นะคะ” ทีนาร์ยิ้มอย่างใจออกมาอย่างยากที่จะได้เห็น เธอดึงแขนของชนิศาเดินไปด้านหน้าของปทิต

“ขอบคุณพวกคุณมาก” ปทิตพยักหน้า หลังจากนั้นหันไปทางชนิศา “คุณชนิศา ผู้หญิงคนนั้นตอนนี้ก็อยู่ในงานหมั้น แต่ถูกผมจับขังไว้แล้ว ไม่รู้ว่าคุณคิดจะจัดการยังไง?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของชนิศาชะงักค้างไปชั่วครู่ สีหน้าแสดงความไม่เข้าใจอยู่หลายส่วน “ผู้หญิงคนไหน?”

“ก็คือ...” ปทิตกำลังคิดจะบอกว่าก็คือวรินทรที่คุณให้ผมขังเอาไว้ไง แต่กลับถูกทีนาร์แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“พี่ปทิต พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว เวลานี้พี่ยังไม่รีบเร่งไปอีกละ รีบไปเร็วเข้าเถอะ” ส่วนลึกในในของทีนาร์รู้สึกยวบยาบ เร่งรีบเอ่ยแทรกคำที่กำลังจะเอ่ยของปทิต

ปทิตยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นมาดู ถึงเพิ่งได้สติว่าถึงเวลาแล้ว เร่งรีบเอ่ยลากับชนิศาและทีนาร์ เดินไปทางพื้นที่จัดการอย่างรีบเร่ง

ทีนาร์คลายใจลง หันหน้าไปมองมารดาที่มองตนเองอย่างสงสัย หัวใจที่เพิ่งสงบลงก็กระชั้นเร็วขึ้นอีกครั้ง

“เธอทำอะไรลับหลังแม่อีกแล้ว แล้วเธอก็ยังกล้าไม่ให้แม่รู้อีก?” ชนิศามองทีนาร์ มองเธออย่างรู้ทัน ทีนาร์ราวกับกำลังปกปิดเรื่องอะไรบางอย่างอย่างนั้น

“ไม่มีหรอกค่ะ แม่ แม่คิดมากเกินไปแล้ว หนูจะไปมีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถให้แม่รู้ได้ละคะ?” ทีนาร์ปฏิเสธในทันที เพื่อที่จะให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติขึ้นจึงกอดแขนออดอ้อนแม่ ท่าทางดูราวกับตัดพ้อ ถ้าหากปล่อยให้แม่ของเธอรู้เข้าก็จบสิ้นกันแล้ว

ชนิศามองท่าทีของเธอ ถึงแม้ในใจจะยังรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามมากความอีก “ไปกันเถอะ กลับไปกัน ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอจะต้องออกมาตามหาพวกเราแน่แล้ว”

“แม่คะ จู่ๆ หนูก็เกิดปวดท้องขึ้นมา แม่ไปหาพ่อก่อนเถอะค่ะ หนู... อยากไปห้องน้ำสักหน่อย หนูจะรีบกลับไปนะคะ แม่ไปรอหนูก่อนดีไหมคะ?” ทีนาร์ดึงแม่ออกมาไม่ง่าย ก็ส่งเธอกลับไปไม่ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงกุมท้องของตัวเอง มองชนิศาด้วยท่าทีราวกับต้องการไปห้องน้ำ

ชนิศารู้สึกเป็นห่วง กล่าวพลางดึงเธอขึ้น “คงไม่ได้กินอะไรผิดมาใช่ไหม? หรือไม่ให้แม่พาเธอไปหาหมอดีไหม?”

“ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอกค่ะ ก็แค่ท้องเสียทั่วไป หนูไปห้องน้ำก็ใช้ได้แล้ว” ทีนาร์รีบโบกมือกล่าวไม่จำเป็นทันที หลังจากนั้นหันร่างวิ่งออกไปทางห้องน้ำ

มือของชนิศาว่างเปล่า ถอนมือกลับมาอย่างกระอักกระอ่วนเดินเข้างานเลี้ยงไป

ทีนาร์ทำทีแกล้งไปห้องน้ำ แต่ที่จริงวิ่งไปที่ห้องที่วรินทรถูกกักขังเอาไว้ แผนการที่เธอกับธารีวางเอาไว้ก่อนหน้านี้พร้อมแล้ว

บ้านธัมรุจินันท์และบ้านของปทัตสองบ้านนี้ความสัมพันธ์กันไม่เลว ทีนาร์ยกข้ออ้างมาเยี่ยมเจ้าสาวคนใหม่โดยปกติแล้วก็จะไม่มีคนสงสัยอะไร ดังนั้นจึงสะดวกให้ทีนาร์ “ลงมือ”

ที่จริงแล้วรอยแยกบนชุดแต่งงานล้วนเป็นฝีมือของทีนาร์ ตั้งแต่เด็กเธอก็ชอบเล่นตุ๊กตา เวลาผ่านไปเธอก็เรียนรู้งานฝีมือนี้ และได้ใช้ปฎิบัติจริง

เธอใช้ชื่อของชนิศาขึ้นมายุยงปทัต ให้เขาจับวรินทรขังไว้ที่นี่ เพราะว่ารู้ว่าทาวัตสองวันนี้ไปติดต่อธุรกิจที่อเมริกา ทีนาร์ตั้งใจไม่ให้มีคนมาช่วยเหลือเธอได้ ดังนั้นเธอจึงอาศัยโอกาสสองวันนี้ กักตัวเธอเอาไว้ให้มั่น สะสางความอยุติธรรมให้ธารี

ในตอนที่ทีนาร์หาห้องเจอ กลับเปิดประตูไม่ออก ดูท่าคนจะถูกขังเอาไว้แล้ว

“แย่จริง เมื่อกี้ลืมเอากุญแจมาจากปทิต!” ทีนาร์กระทืบเท้าโมโหหนัก สองตาจ้องเขม็งไปที่ประตู พลันราวกับนึกถึงอะไรได้บางอย่างจึงปรบมือตนเอง จากนั้นวิ่งจากไป

วรินทรนั่งอยู่บนพื้นหน้าประตู พลันได้ยินเสียงทุบจากด้านนอกประตู ในใจรู้สึกยินดี ยืนขึ้นทุบประตูหลายครั้ง “มีคนอยู่ไหม? ด้านนอกมีคนอยู่ไหม?”

ทว่าทุบไปหลายทีแล้ว แต่ไม่มีคนตอบรับเธอ ราวกับว่าจะไปเสียแล้ว

เธอผิดหวังจนพิงตัวกับแผ่นประตู พลันในสมองสว่างวาบ เธอยังมีโทรศัพท์มือถือนี่นา!

โง่จริงๆ!

ทุบหัวของตัวเองคราหนึ่ง เธอหันเดินไปทางโซฟา หลังจากหยิบกระเป๋าถือของตนที่อยู่ข้างบนพลิกคว่ำดู เรื่องที่น่าตระหนกยิ่งกว่าพลันเกิดขึ้น

เธอถึงกับลืมเอาโทรศัพท์มือถือมา! ลืมไปเลย!

พระเจ้าช่วย จะต้องเป็นเพราะรีบร้อนออกมา ถึงได้วางลืมโทรศัพท์เอาไว้!

รู้สึกทั้งตัวล้วนไม่สบาย วรินทรอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตามองกระเป๋าถือ ดังคำกล่าว คนสมัยใหม่อะไรก็ลืมพกมาได้ มีเพียงแต่ไม่อาจลืมพกโทรศัพท์มือถือ!

แต่เธอไม่ยินยอมถอดใจเช่นนี้ มองกระเป๋าถือของเธอลง มองภายในห้อง ไม่แน่ว่าอาจมีเครื่องมือสื่อสารอื่นบางอย่างก็ได้นะ?

ปรากฎว่าหาอยู่สิบกว่านาที ทั้งห้องแทบจะพลิกคว่ำคะมำหงาย ทว่าผมสักเส้นก็หาไม่เจอ

ถ้าเธอเป็นหนูก็ดีสิ เช่นนั้นเธอก็ขุดรูบนกำแพงออกไปแล้ว

เวลานี้วรินทรก็ได้เรียนรู้แล้วว่าอะไรคือร้องฟ้าฟ้าไม่รับ เรียกดินดินไม่ขาน ถึงขนาดว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกลักพาตัวไป ดีร้ายก็ยังมีทาวัตที่จะค้นพบว่าเธอหายตัวไป

ทว่าตอนนี้ทาวัตไม่อยู่ในประเทศ รอจนถึงตอนที่เขารู้ว่าเธอหายตัวไป เธออาจจะถูกคนของปทิตจัดการเรียบร้อยไปแล้วก็ได้

เธอต้องคิดหาวิธี...

คิดได้เช่นนี้ เธอก็ลุกขึ้นจากโซฟา แขนปวดชา นัยน์ตาฉ่ำน้ำมองไปรอบๆ ทั้งสี่ด้าน ราวกับมองหาอะไรบางอย่าง

ทันใดนั้นเอง ทั้งห้องพลันตกอยู่ในความมืดมิด หลอดไฟล้วนดับลง

ใครปิดไฟ? ยังจะเกิดเรื่องอื่นขึ้นอีกหรือ?

ลางสังหรณ์บางอย่างพลันพุ่งขึ้นในใจของเธอ ในใจของเธอฉับพลันก็ถูกบีบแน่น มองไปด้านหน้าอย่างไม่มีเป้าหมาย

ห้องนี้ตอนแรกก็ถูกปิดขัง มาตอนนี้ไฟยังดับอีก ไม่มีแสงไฟ ทั้งห้องมืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วมือของตนเอง พาให้ส่วนลึกในจิตใจรู้สึกหวาดกลัว

ความเงียบงันและความมืดดำในห้องอันว่างเปล่า ราวกับมีของบางอย่างเข้าคุกคาม ถึงแม้จะรู้ว่าที่จริงแล้วไม่มีอะไร ทว่าจินตนาการก็ทำให้วรินทรรู้สึกหวาดหวั่นมาก

เธอถอยหลังหลายก้าว ถอยไปชนกับกำแพงด้านหลัง ค้อมร่างลง ขดตัวเองเป็นก้อนกลม ขบริมฝีปากไม่กล้าหายใจแรง

ทาวัต คุณอยู่ที่ไหน?

เธอซุกใบหน้าของตนไว้ระหว่างเข่า สองมือโอบกอดตัวเอง เธอบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้น

……

“คุณวรินทร?” เลขานิธูรเคาะประตูห้องทำงานของวรินธร เคาะอยู่หลายครั้งทว่ากลับไม่มีการตอบรับออกมา ดังนั้นจึงบิดลูกมือประตูอย่างสับสน คาดไม่ถึงว่าประตูห้องทำงานจะเปิดไว้อยู่แล้ว

ภายในห้องทำงานไม่มีใครอยู่สักคน ด้านหน้าโต๊ะมีแบบร่างงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วกระจัดกระจายอยู่หลายแผ่น อีกทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ยังสว่างอยู่ ไม่ได้ปิดเครื่อง

เลขานิธูรรู้ว่าวรินทรเร่งรีบไปงานพิธีหมั้นของปทิต พลันได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังออกมาจากใต้กระดาษแบบร่าง ก้าวเดินไปมอง ที่แท้เป็นโทรศัพท์มือถือของวรินทร

ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ?

ส่วนลึกในใจของเลขานิธูรตื่นตระหนก คิดถึงคำกำชับเป็นพิเศษก่อนไปของทาวัต ที่ให้เธอดูแลวรินทรให้ดี แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้ว่าวรินทรอยู่ที่ไหน...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์