หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 349

ตอนที่ 349 ลูกพี่ลูกน้องที่รักของฉัน

วรินทรเบิกตาโต มองใบหน้าซีดเซียวของทวิติยาอย่างพิจารณา "หมายความว่ายังไง?”

เธอทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง

เพราะตอนนี้ตราประจำตระกูลอยู่ในมือธารี ทวิติยากลับรู้ชื่อพี่ชายของเธอ

ตอนนี้ เธอไม่เชื่อทั้งสองคน นอกจากพี่ชายเธอจะเป็นคนบอกเธอ ไม่งั้นเธอจะไม่เชื่อใครทั้งนั้น

"เธอไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้น ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อหลายวันก่อน” ทวิติยาถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไง

แต่หลังจากนั้นแล้ว ฐานทัตก็ไม่ได้ติดต่อเธออีก เธอโทรหาเขาก็ไม่ติด หาเขาก็ไม่เจอไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน

เธอรู้ ว่าเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับตราประจำตระกูล

ทวิติยาไม่รู้จะทำยังไง จึงต้องมาหาวรินทร

"อืม” วรินทรขานรับ มองเธอไปด้วยดูดหลอดดูดไปด้วย

".........ฉันแค่ทำตราประจำตระกูลหายเอง เธอจะเชื่อฉันอีกสักครั้งไม่ได้หรอ?” ทวิติยามองวรินทรอย่างอ้อนวอน แววตาเฝ้าคอย

"แค่ทำตราประจำตระกูลหายเอง?” วรินทรวางแก้วในมือ ทวนคำพูดเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แววตาเย็นชา "กถอวคณใช แล้วคณเห็นตราประจำตระกูลเป็นอะไร? ในสายตาเธอ นั่นเป็นแค่สิ่งของไร้ค่างั้นหรือ?”

ทวิติยาเม้มริมฝีปาก มองเธออย่างสงสัย "แล้ว.....ไม่ใช่อย่างนั้นหรอ?”

"ถ้าเธอคิดแบบนี้ ฉันก็จนปัญญา” วรินทรยิ้มเย็นชา อารมณ์เปลี่ยนไปในทันทีและแม้แต่แววตาก็ถอนหายใจแฝงด้วยความโกรธ

เธอไม่ชอบคนอื่นพูดแบบนี้

ถึงแม้ทวิติยาจะเป็นคนที่พี่ชายเธอส่งมาจริงๆก็ไม่ได้

ตราประจำตระกูลบ้านสุขกาล ต้องมีสายเลือดของตระกูลถึงจะสามารถครอบครองได้เป็นเครื่องบ่งบอกถึงฐานที่สูงส่งเธอกับกวินก็มี ฐานทัตก็มี และถ้าพวกเขาแต่งงานไป คู่ชีวิตก็จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล ก็จะได้ครอบครองตราประจำตระกูลเหมือนกัน

นั่นยังเป็นสัญลักษณ์ ที่ได้รับการยอมรับ

ถ้าทวิติยาเคยมีตราประจำตระกูลจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเขาได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลสุขกาล แต่เธอกลับพูดจาแบบนี้

"ฉันจะบอกให้ เมื่อทำสิ่งนั้นหาย เธอจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลสุขกาลอีกต่อไป และจะไม่ใช่สมาชิกตระกูลสุขกาลอีกต่อไป” วรินทรไม่อาจทนเห็นความเจ็บปวดที่เธอแสดงออก จึงอธิบายอย่างสุดทน

ตราประจำตระกูลสุขกาลมีสืบทอดกันมานาน ความหมายไม่ธรรมดา โดยเฉพาะคุณท่าน ให้ความสำคัญกับคนที่ถือตราประจำตระกูลมาก

อะไรนะ?

ทวิติยาดวงตาเบิกโตขึ้นมาทันที มองวรินทรอย่างไม่อยากเชื่อ

ตราประจำตระกูล.......

แสดงถึงความหมายนี้จริงๆหรอ?

ตั้งแต่แรกที่คุณท่านมอบตราประจำตระกูลให้เธอ แสดงว่าเขายอมรับเธอแล้ว ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลสุขกาลงั้นหรือ?

แต่ว่าเธอ นึกว่านั่นเป็นเพียงสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลสุขกาล ที่เป็นสิ่งยืนยันสถานะของเธอให้วรินทรเชื่อเท่านั้น

มิน่า ทำไมเมื่อฐานทัตรู้ว่าเธอทำตราประจำตระกูลหายแล้ว ถึงได้โกรธและจากไปแบบนั้น

"ฉันยังมีธุระ ไปก่อนล่ะนะ” วรินทรเห็นว่าสิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปหมดแล้ว เธอก็ไม่อาจบอกทวิติยาได้ว่าฐานทัตอยู่ที่ไหน

เมื่อเดินออกมานอกร้านกาแฟ วรินทรหันไปมองทวิติยาที่ยังคงนั่งที่เดิม สีหน้าเธอแฝงไปด้วยแววตาที่เสียใจและผิดหวัง มือที่ถือแก้วกาแฟอยู่เหมือนจะใช้แรงบีบพอสมควร

วรินทรเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจมีความรู้สึกว่าที่จริงผู้หญิงคนนั้นก็คือทวิติยา

งั้น ตราประจำตระกูลในมือธารีหมายความว่ายังไง?

คิดไม่ออก ก็เลยไม่คิดต่อ วรินทรหอบสมุดวาดภาพแล้วเดินเข้าอาคารไปเดินตรงไปทางลิฟต์

กำลังเดินไปถึงทางโค้ง วรินทรมัวแต่ก้มหัวถือสมุดวาดไว้อย่างดี พอเงยหน้าก็ซนกับคนคนหนึ่ง

"อ้า ใครกันที่ไม่มีตามาชนฉัน?” เสียงแหลมดังเข้ามาในหู วรินทรโดนชนจนเซถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะกลับมายืนมั่นได้

เธอนวดที่ใบหู โดนเสียงแหลมตะหวาดใส่จนอื้อ แล้วเงยหัวขึ้น มองไปที่คนคนนั้น

ที่แท้ก็เป็นนิรมลนี่เอง เธอมาทำอะไรที่นี่?

เมื่อนิรมลยืนมั่นแล้ว จ้องมองวรินทรอย่างโกรธเคือง มองเห็นเธอแล้วก็รู้สึกแปลกใจ จากนั้นแรงกดดันยิ่งมีมากขึ้น

เธอเมินที่มุมปาก มองเธอด้วยความรังเกียจ ตรงกันข้ามกับสองครั้งแรกที่เธอพยายามเข้าใกล้วรินทรอย่างสิ้นเชิง เธอไม่ปิดบังความขยะแขยงที่มีต่อวรินทรเลย ยิ่งเชิดคางเหมือนดั่งตนอยู่บนฟ้า

"ฉันก็นึกว่าใครที่ไม่มีตา ที่แท้ก็ลูกพี่ลูกน้องสุดที่รักของฉันนี่เอง” นิรมลปัดเสื้อผ้าตรงหน้า เหมือนจะปัดฝุ่นที่ไม่มีฝุ่นออกไป

วรินทรฟังเข้าใจกับคำพูดที่ประชดและดูถูกของเขา จึงปล่อยให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ได้เอามาใส่ใจ

"ฉันจำได้ว่าฉันเคยพูดว่า ฉันกับเธอไม่สนิทกัน อย่าคำก็พี่สาวเรียกอย่างสนิทขนาดนั้น พี่สาวของอมนุษย์ ฉันไม่กล้าเป็น” เธอยักปากตอบกลับอย่างเฉยเมย แววตากระพริบอย่างชาญฉลาด ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูด

อมนุษย์

นิรมลพูดภาษาประเทศCได้ แต่ก็รู้ไม่มาก หันไปถามผู้ช่วยที่มาด้วย "อมนุษย์แปลว่าอะไร?”

สีหน้าผู้ช่วยรู้สึกอึดอัด มองนิรมลที่มองมาอย่างถามไถ่ จึงกระซิบอธิบายข้างหูเธอ "หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คน เช่น....ควยอะไรประมาณนี้”

ควย?

นิรมลก็ชอบกินเนอควยย่างอยู่ แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าคำว่าหมูจะสามารถใช้ด่าคนได้ด้วย แต่ความรู้สึกบอกเธอว่า คำว่า "ควย” ที่ออกมาจากปากวรินทร จะต้องไม่เป็นคำที่ดีแน่

"ฉันอุตส่าห์เรียกเธอว่าพี่สาว เพราะให้เกียรติเธอ ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ใครจะไปรู้ว่าเธอจะอยากได้สมบัติของบ้านสุขกาลก็เลยปลอมเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านสุขกาลหรือเปล่า?” นิรมลค่าคนสู้วรินทรไม่ได้ แต่ประชดประชันคนอื่นนั้นเป็นที่หนึ่ง นี่ยังดีที่แม่ของเธอเลี้ยงเธออยู่ที่เมืองนอกตลอด จึงได้ยินได้เห็นมาบ้าง

"นิรมล เธอไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน? ก็แค่สมบัติบ้านพวกเธอนั่นหรอ ที่ฉันจะอยากได้” วรินทรมองเมิน ไม่สนว่าจะดูไม่ดี พูดจบแล้วก็กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์

"ประตูหนีบสมองอยู่หรือไง? เธอด่าฉันใช่ไหม?” นิรมลขมวดคิ้วถามขึ้น แล้วยื่นมือไปขวางทางเดินของวรินทร

กลิ่นน้ำหอมแรงบนตัวเธอฉุนจนวรินทรต้องถอยออกห่างไปหลายก้าว อดไม่ได้ที่จะใช้มือปัดอากาศตรงหน้า มืออีกข้างอุดจมูกจนคิ้วชนกัน

นิรมลนี่ก็จริง.....ต่อให้บริษัทสันติจะมีน้ำหอมเยอะแยะขนาดไหน ก็ไม่น่าใช้แบบนี้ไหม? เธอใช้น้ำหอมทั้งขวดฉีดราดทั้งตัวเลยหรือไง?

นิรมลเห็นการกระทำของเธอ ก็ลองสูดดมกลิ่นกายของตน น้ำหอมกลิ่นนี้ขายดีที่สุดในบริษัทเลยนะ ได้รับความนิยมมากที่สุด ผู้หญิงคนนี้ทำไมดูแล้วเหมือนไม่ชอบ?

หรือว่า......

แววตานิรมลกรอกไปมาอย่างชั่วร้าย แล้วเดินเข้าไปหาวรินทรหลายก้าว เป็นอย่างที่คิด เมื่อเธอเข้าใกล้ เท้าวรินทรก็จะถอยหลัง มือปิดจมูกไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์