ตอนที่ 355 กำลังหลอกเธออยู่น่ะสิ
ในไม่ช้ารถเก๋งคันสีดำก็ขับเข้ามาจอดลงอยู่หน้าพวกเขา
“คุณผู้หญิง เชิญขึ้นรถครับ ” คนในรถ วรินทรไม่เคยเห็นมาก่อน ใส่สูทสีดำ ท่าทางมีความสามารถและมืออาชีพ
รถคันนี้คือคาดิแลคสีดำ ทั่วรถนั้นเงาวาว สีดำดูเหมือนบั่นทอนจิตใจ
วรินทรลังเลเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง
“ฝากทักทายแทนฉันด้วยนะ” ธารียิ้มอ่อนโยนให้กับเธอ สายตามีความคับแค้นใจ แต่กลับไม่ชัดเจนนัก
ก็ให้ความรู้สึกกับวรินทรเหมือนที่ว่าธารีนั่นเหมือนได้พบกับพี่ชายของเธอที่ไม่ได้เจอกันมา วรินทรไม่ได้สงสัยอะไรอีก พยักหน้ารับแล้วปิดประตูรถไป
รถได้ขับออกไป
แววตาเดิมทีของธารีที่อ่อนโยนนั้นก็เปลี่ยนเป็นจมดิ่งลงไปมองรถคันนั้นที่ขับออกไป หัวเราะขึ้นด้วยท่าทีเหยียดหยาม
วรินทรเอ๋ยวรินทร เธอคงคิดไม่ถึงสินะว่าวันนึงจะตกอยู่ในกำมือของฉัน ฉันจะดูสิว่า ดวงเธอจะแข็งได้แค่ไหนกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลานั้น ธารีเปิดกระเป๋าดูกลับเห็นเป็นโทรศัพท์ของวรินทรดังขึ้นเป็นข้อความ
ทาวัตเป็นคนตอบ
ธารีเปิดเลื่อนข้อความดู ก็เห็นข้อความก่อนหน้านี้ที่วรินทรส่งให้ทาวัต
วรินทร : ทาวัตเธอดูสัญลักษณ์นี้สิ ฉันเหมือนจะรู้นะว่ามันแปลว่าอะไร
ข้างล่างก็คือรูปสัญลักษณ์ของ CR
ธารีไม่ได้สนใจ เลื่อนลงไปดูที่ทาวัตตอบ
ทาวัต : อืม? แล้วแปลว่าอะไรล่ะ?
สายตาของธารีหดตัวลง หลังจากนั้นก็เปิดกล่องใส่ข้อความ ใส่ความรู้สึกที่ไม่ยินดีและโกรธแล้วส่งเป็นข้อความตอบกลับไป
ธารี : ไม่บอกหรอก
เพราะว่าเธอไม่รู้เลยว่าสัญลักษณ์นั้นหมายถึงอะไร ถ้าตอบไปเลยตรงๆเกรงว่าจะทำให้ทาวัตเกิดความสงสัยและความระแวง
แต่ว่าตอนนี้จะให้ทาวัตรู้ไม่ได้ว่าวรินทรหายตัวไปเด็ดขาด ถึงแม้ว่าอยากจะเจอก็ต้องรอถึงเวลานั้นถึงจะได้
คิดได้ดังนั้น ธารีก็ส่งข้อความตอบกลับไป : ฉันเดินเล่นที่ห้าง วันนี้จะกลับช้าหน่อย
ทาวัตรีบตอบกลับว่า : อืม เธอเพิ่งหายจากอาการแพ้ อย่าเหนื่อยเกิน เดินเที่ยวเสร็จก็กลับมานะ
ธารีอดที่จะไม่เอาโทรศัพท์นั้นขว้างลงที่ผนัง มือที่พิมพ์นั้นสั่นเล็กน้อย ผ่านไปสักพักเธอจึงรีบกดส่ง หลังจากนั้นก็รีบปิดโทรศัพท์
เธอกลัวว่าทาวัตจะส่งข้อความห่วงใยให้แก่วรินทรมาอีก และจะอดไม่ได้ที่จะทำลายโทรศัพท์นี้ แต่ว่าไม่ได้เธอเก็บไว้ยังมีประโยชน์อยู่
…
ทาวัตมองหน้าจอโทรศัพท์ที่วรินทรส่งมา มีเพียงแค่ไม่กี่คำ ฉันรู้แล้ว
คิ้วนั้นกระดกขึ้นเล็กน้อย ในใจของเขาไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรอยู่ดีๆก็เต้นเร็วขึ้น หลังจากนั้นก็เต้นปกติตามเดิม
หรือว่าวันนี้เธออารมณ์ไม่ดี? ปกติแล้วเวลาเธอส่งข้อความมาน้ำเสียงของเธอจะทะเล้นหน่อยถึงขนาดจะมีสติ๊กเกอร์โมจิส่งมา
หรือว่าเป็นเพราะว่าวันนี้เขาไม่ได้ไปด้วยกันกับเธอ ก็เลยงี่เง่าขึ้นมา
ทาวัตคลึงระหว่างคิ้วที่ปวดหนึบๆ คิดถึงใบหน้าของวรินทรที่เง้างอน ทาวัตก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็คลี่คลายลงไม่น้อย ประตูห้องทำงานถูกเคาะขึ้น
“เข้ามา” เขาพูดเสียงเฉยเมย ปิดหน้าจอโทรศัพท์ หลังจากนั้นวางโทรศัพท์ไว้ด้านข้างสายตาหันไปทางหน้าจอคอม
คนที่เข้ามาคือเลขานิธูร เธอเอาเอกสารวางไว้ด้านหน้าทาวัตแล้วจึงพูดว่า “ท่านประธานแขกที่มาจากต่างประเทศมาที่สนามบินก่อนเวลา 1 ชั่วโมง จะไปตอนนี้เลยไหมค่ะ”
ทาวัตเอามือหยุดอยู่ที่คีย์บอร์ดเหมือนกำลังพิมพ์ หน้าผากที่ธรรมดานั่นไม่ปรากฏความเหนื่อยล้าของเมื่อกี้ “อื้ม เตรียมรถ”
“ค่ะ” เลขานิธูรตอบรับ หลังจากนั้นจึงรีบลงไปทันที
ทาวัตปิดคอม หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน หยิบโทรศัพท์
——
วรินทรนั่งที่เบาะหลังมองที่หน้าต่างกลับไม่เห็นวิวข้างนอกหน้าต่างเลยเพราะหน้าต่างรถคันนี้เหมือนถูกปิดทับอีกชั้น ทำให้มองไม่เห็นข้างนอก
วรินทรก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพียงแค่ถนนในวันนี้เหมือนราบเรียบ ก็ไม่ได้เลี้ยวไปเลี้ยวมาเท่าไหร่อีกทั้งเส้นทางก็ยาว
“อีกนานไหมกว่าจะถึง” วรินทรเข้าใกล้หน้าต่างรถแล้วดูก็งงมองไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้นจึงหันหน้าไปถามคนขับกับคนที่นั่งข้างๆคนขับสองคน
“เดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ คุณผู้หญิงไม่ต้องใจร้อนครับ” คนที่ตอบเธอเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับเขาใส่แว่นตาดำ หน้าตาเป็นอย่างไรนั้นไม่ชัดเจน
คำพูดของเขามีความเคารพและมีมารยาทมาก ความกังวลในใจของวรินทรก็มีไม่มาก
วรินทรเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา แต่ว่ากลับไม่เห็นโทรศัพท์ในกระเป๋า วรินทรคลำๆที่กระเป๋าเสื้อ ก็กลับรู้ว่าเสื้อผ้าของเธอก่อนหน้านี้ถูกเธอทิ้งลงถังขยะแล้ว
ให้มันได้อย่างนี้สิ......เธอลืมดูว่าในกระเป๋ามีโทรศัพท์หรือเปล่าแล้วก็โยนทิ้งไป
วรินทรเอ๋ยวรินทรเธอนี่มันโง่จริงๆ
โทรศัพท์ ก็คงจะเป็นเวลานั้นที่ถูกเธอโยนทิ้งไป แต่ว่าเคราะห์ดี เธอมีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นโทรศัพท์หลัก เครื่องหนึ่งเป็นโทรศัพท์สำรอง เครื่องที่โยนทิ้งไปนั้นเป็นเครื่องสำรอง
นี่เป็นพฤติกรรมที่เคยชินเธอเคยทำตอนอยู่อังกฤษ
ออกไปข้างนอกใครจะไปรู้ว่าโทรศัพท์จะตกหรือจะถูกขโมยหรือเปล่า อีกทั้งในโทรศัพท์ก็มักจะมีสิ่งสำคัญอยู่ต้องป้องกันไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชอบเอางานออกแบบเซฟไว้ในโทรศัพท์อย่างเธอนี้ ถ้าถูกคนที่คิดไม่ดีไม่ร้ายเอาไปลงประกาศงานออกแบบนั้นก็แย่น่ะสิ
วรินทรรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเคราะห์ดีที่ยังไม่โง่ถึงขนาดที่จะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ยังเฉลียวใจได้
และยังเคราะห์ดีที่เธอเฉลียวใจอย่างนี้ ในโทรศัพท์เครื่องนั้นของเธอว่างเปล่าไม่ได้มีข้อความที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ธารีพบ ก็ขนาดรหัสล็อคยังไม่มีเลย
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ นานทำให้วรินทรรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วในใจของเธอค่อยๆรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและกังวล
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บรรยากาศข้างในรถก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที วรินทรนั่งชิดติดเบาะ มือสองข้างจับกระเป๋าไว้แน่ ไม่กล้าหายใจแรงๆออกมา
ครั้งที่แล้ว รถของฐานทัตที่นำเธอมานั้นถึงแม้ว่าจะเลี้ยวหลายเลี้ยว แต่ว่าก็ประมาณ 40 นาทีก็ถึงแล้ว
แต่ว่าครั้งนี้ ใช้เวลานานนักล่ะ
ความรู้สึกประหลาดใจได้แพร่กระจายไปทั่วตัวเธอ ความรู้สึกที่ตึงเครียดก็เหมือนสองมือใหญ่ที่กำหัวใจของเธอไว้แน่ทำให้เธอไม่กล้าที่จะขยับตัว
ความรู้สึกที่เบิกบานใจที่จะได้เจอพี่ชายเมื่อกี้นี้ถูกความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาจนหายไป
ถ้าอยากจะพบเธอทำไมพี่ชายไม่มารับเธอด้วยตัวเอง เขาเป็นห่วงเธอออกจากขนาดนั้น ทำไมเวลาที่จะมาเจอเธอไม่มีเลยล่ะ
ถึงแม้ว่าเขาไม่มีเวลา งั้นผู้ช่วยของเขา Miris ต้องมีเวลาแน่นอน เขาสามารถให้ Miris มารับเธอได้ ทำไมให้คนที่ไม่รู้จักมารับเธอล่ะ ?
แล้วก็ยังจะธารี ตั้งแต่ต้นคงมีแค่ธารีกับเธอที่อยู่ด้วยกัน จันทราก็ไม่ได้ปรากฏตัว เธอนั่งรถเข็นทำไมถึงมาทีคนเยอะ ยังดีที่ได้เจอกับเธอ
หรือว่าธารีกำลังหลอกเธออยู่ เขาไม่ใช่คนที่พี่ชายส่งให้มารับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์