ตอนที่ 356 แดดดี๊ ต้อนรับกลับบ้าน
คนเหล่านั้น........
วรินทรรีบก้มหัวลงทันที กลัวว่าคนเหล่านั้นจะเห็นความกลัวและความสงสัยในตาของเธอกัดฟันแน่ที่ริมฝีปากล่าง ใจของเธอเต้นเร็วตุ๊บ ตุ๊บ เหมือนจะออกมาจากลำคอ
เธอต้องนั่งเฉย นั่งเฉยไว้ ตอนนี้ในร่างกายเธอไม่มีเครื่องมือสื่อสารอะไร ถึงมีก็ไม่สามารถก้มหน้ากดโทรศัพท์หาทาวัตต่อหน้าสองคนนี้ได้
อีกทั้งรถยังขับมานานขนาดนี้ เกรงว่าจะพาเธอไปในที่ที่เธอไม่เคยไป
เธออยากจะตีตัวเองจริงๆ ทำไมถึงเชื่อธารีนั่น
ไม่ได้เธอต้องหาวิธีลงจากรถ
“โอ๊ย อีกนานไหมกว่าจะถึง ? ฉันปวดท้องมากเลย” วรินทรจับที่ท้องพร้อมส่งเสียงขึ้นมาร่างนั้นขดลงบนที่นั่งท่าทางเหมือนปวด
คนสองคนที่อยู่ข้างหน้ามองตากัน แล้วปรึกษากันด้วยเสียงที่เบาว่า
“จะจอดรถให้เธอเข้าห้องน้ำได้ไหม”
“แกโง่หรือเปล่า ถ้าเกิดแสร้งล่ะ แกจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดนี้ได้ไหม ?”
“ดูเหมือนไม่น่าหลอกนะ เธอเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราเป็นใคร จะกลัวอะไร”
“ก็ไม่แน่ไหมล่ะ อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า อีก 10 นาทีก็จะถึงแล้ว หลังจากที่ถึงแล้วค่อยพาเธอไปก็ได้”
คนทั้งสองพยักหน้า หลังจากนั้นพูดกับวรินทรว่า “คุณผู้หญิง ขอโทษจริงๆครับ อีก 10 นาทีก็จะถึงแล้ว คุณกลั้นหน่อยได้ไหมครับ”
วรินทรเห็นว่าแผนนี้ไม่ได้ผลจึงไม่ได้ดำเนินการต่อเธอกัดปากของตัวเองอย่างแรงๆนั่งข้างๆประตู เอามือจับไว้ตรงที่เปิดประตูแล้วพูดขึ้นว่า “หยุดรถนะ ถ้าไม่หยุดฉันจะกระโดดลงรถเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ผู้ชายคนที่นั่งฝั่งคนขับรถส่งสายตาให้กับเพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างๆทำนองว่า “แกดูเสแสร้งทำจริงๆนะเนี่ย”
“คุณผู้หญิง อย่าอำกันเลยครับ ตรงนี้คือทางด่วนถ้าคุณโดดลงไปอาจจะแขนขาดขาหัก” ผู้ชายคนที่นั่งฝั่งขับรถก็ไม่ได้เสแสร้งอีก พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทางด่วน? ถึงว่าล่ะขับเร็วขนาดนี้
แต่เมื่อเปรียบกันแล้วไม่รู้ถูกคนพวกนี้พาไปที่ไหน ไปทำอะไร เธอยอมเลือกที่จะแขนขาดขาหักดีกว่า
คิดได้ดังนั้น เธอก็จะเปิดประตูรถ
สายตาผู้ชายคนที่นั่งฝั่งคนขับมองเธอด้วยความดุดัน แล้วหลังจากนั้นจึงเอารถหมุนไปรอบๆ หมุนหักด้วยความแรง
วรินทรที่กำลังจะเปิดประตูนั้นถูกหมุนเลี้ยวกะทันหันอย่างนี้ทำให้ทรงตัวไม่อยู่กระเด็นไปข้างๆอย่างแรง
“แม่งเอ้ย” วรินทรพูดด้วยเสียงเบา ร่างนั้นปะทะกับประตูด้านหนึ่งยังไม่ทันที่จะได้สติรถก็เลี้ยวอีกตลบหนึ่ง ทำให้เธอต้องจับที่จับไว้แน่น เพื่อไม่ให้ถูกคนที่ขับรถบ้าๆแบบนี้สลัดกระเด็นออกไป
ผู้ชายคนนั้นเหยียบคันเร่ง รถวิ่งด้วยความเร็วไม่กี่นาทีก็ขับตรงออกไปด้วยความเร็วนั้นทำให้วรินทรไม่มีทางปรับตัวได้เลย กระเพาะนั้นกระแทกไปมาอย่างจุก ทรมาน
เส้นทางที่ใช้เวลา 10 นาทีนั้น วิธีการขับรถที่ป่าเถื่อนอย่างนี้ ลดเหลือ 4 นาทีก็ถึงแล้ว
คนใส่ชุดดำสองคนเปิดประตูแล้วเปิดประตูหลังดึงวรินทรที่เอามือกุมท้องสีหน้าซีดเซียวออกมา
เท้าแตะพื้น วรินทรก็รู้สึกว่าร่างนั้นเหมือนจะปลิวเท้านั้นอ่อนแรงมากในกระเพาะนั้นจุก ไม่มีอะไรจะทรมานไปกว่านี้
ในที่สุดเธอจับข้างรถอย่างอดไม่ได้แล้วจึงอ้วกออกมา
““พวกเขามาแล้ว” หนึ่งในชายเสื้อดำมองใครคนนั้นที่ยืนรออยู่ไม่ไกลด้วยสายตา หลังจากที่พูดประโยคนี้ด้วยเสียงต่ำเสร็จแล้ว จึงเดินเข้าไปที่ข้างกายของวรินทร ฟาดไปที่คอของ วรินทรด้วยวิธีการที่รวดเร็ว
วรินทรอยากจะยืดตัวขึ้นก็รู้สึกว่าหน้ามืด ตัวนั้นอ่อนหยวบแล้วก็สลบลงไป
คนที่ใส่เสื้อสีดำสองคนไม่อยากเสียเวลา ขนาบคนละข้างลากวรินทรเดินไปที่คนนั้น
“พามาเรียบร้อยแล้วครับ” คนที่ใส่เสื้อสีดำสองคนเดินไปถึงที่หน้าคนนั้นแล้วพูดด้วยความเคารพ
คนนั้นไม่ได้หันหน้ามา เพียงแค่กลิ่นอายที่ดุเดือดจากร่างกายที่ส่งมานั้น แม้ว่าเพียงแค่เห็นด้านหลังก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
“อืม เอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ยังมีเวลา 10 นาที ถึงจะถึงพวกแกไปเตรียมตัวเถอะ” คนนั้นพูดก้มหน้าลงเอามือจับที่แหวน
“ครับ” คนที่ใส่เสื้อดำเอาวรินทรวางกองไว้กับพื้น หลังจากนั้นจึงถอยหลังไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ในที่สุดคนนั้นถึงหันตัวกลับมา เขาใส่แว่นตาสีดำ บนศรีษะใส่หมวกสูงใบหนึ่ง ดังนั้นเห็นหน้าเขาไม่ชัด
สายตาของเขาจับอยู่ที่วรินทรที่กำลังอยู่ในอาการสลบสไหลอยู่ชั่วขณะ หลังจากนั้นก็พูดกับคนข้างๆว่า “โทรหาให้คนเหล่านั้นมา”
คนที่ใส่เสื้อสีดำที่อยู่ข้างๆเขาตกใจนิดหน่อย พร้อมพูดด้วยความเคารพทันที “ครับ”
พูดจบจึงโทรไปหาคนที่ขับเฮลิคอปเตอร์เพื่อเร่งให้มาทันที
“เอาเธอประคองขึ้นมาชั้นบน” คนนั้นชี้ไปทางที่นั่งที่อยู่ข้างกาย และชี้ไปทางวรินทร
คนที่ใส่เสื้อสีดำแม้ว่างงงวย แต่ว่าก็ไม่กล้าถามอะไรเยอะเอาวรินทรประคองยกขึ้นหลังจากนั้นเอาเธอวางบนที่นั่งแล้วจึงยืนอยู่ด้านข้าง
คนนั้นมองใบหน้าที่ซีดเซียวของวรินทรเอาเสื้อคลุมสีดำที่ใส่อยู่นั้นถอดออกแล้วโยนไปที่ตัวของเธอคลุมบนตัวของเธอย่างพอดี
มุมปากของคนเสื้อดำทั้งหลายนั้นอูมขึ้น พวกเขาได้เห็นอะไรเจ้านายที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงเลย นึกไม่ถึงเลยว่าจะดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงคนนี้บอกไปใครเค้าจะเชื่อ
——
พลบค่ำช่วงเวลาประมาณ 6 โมง หลังจากที่ทาวัตคุยงานกับลูกค้าเสร็จแล้วจึงขับรถกลับบ้านสวน
กวินกระโดดเต้นเดินลงมาจากชั้นบน เห็นทาวัตที่เดินเข้ามาจากที่ปากประตูพอดี “แดดดี๊ ต้อนรับกลับบ้าน”
“แดดดี๊” ทาวัตอุ้มร่างที่นุ่มนิ่มของกวินขึ้นกอด หลังจากนั้นจึงหอมลงบนแก้มน้อยๆบนใบหน้าที่หล่อเหลานั้นอ่อนโยนหลายเท่า
ใบหน้าของกวินแดงขึ้น เพราะเวลานี้ยังมีคนรับใช้อยู่ไม่น้อยทำให้ภาพลักษณ์ของกวินน้อยดูเท่ไปเลยล่ะ
“แดดดี๊ หม่ามี๊ไม่ได้กลับมาด้วยกันหรอครับ ” ไม่เห็นวรินทร กวินรู้สึกแปลกใจเพราะว่าแค่หม่ามี๊ไปบริษัทเวลาเลิกงานก็ต้องกลับมากับแดดดี๊ของเขา
ทำไมวันนี้ถึงไม่กลับด้วยกันล่ะ
“หม่ามี๊ยังไม่กลับอีกหรอ?”ทาวัตได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วมองนาฬิกาสไตล์โบราณที่ติดอยู่บนกำแพง 6:40 เข้าไปแล้ว โดยปกติเวลานี้แม้ว่าวรินทรจะยังไม่กลับมาก็จะโทรบอกเขาก่อน
เพื่อให้ทันอาหารค่ำ วรินทรพลาดน้อยมาก
คิดได้ดังนั้น ทาวัตจึงรู้สึกว่าในใจนั้นมีสัญญาณที่ไม่ปลอดภัยส่งมาร้ายแรง เขาเอากวินวางลงหลังจากนั้นควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงโทรหาวรินทร
ปิดเครื่อง
วรินทร.....นอกจากจะแบตหมดก็จะไม่ปิดมือง่ายๆ
พื้นที่ระหว่างคิ้วกระตุก จึงโทรหาคนที่รับผิดชอบห้าง “ถนน CR” สถานที่วรินทรไปวันนี้ต้องเป็นที่นั่นอย่างแน่นนอน มีเพียงแค่ห้างนั้นเท่านั้นที่สัญลักษณ์ของ CR จะเป็นสีฟ้า
ไม่นานก็โทรติด ทาวัตให้คนที่รับผิดชอบที่นั่นเปิดดูกล้องวงจรช่วงเวลาบ่ายสองถึงหกโมงเย็นแล้วเอาส่งให้เขาผ่านคอม หลังจากนั้นจึงกดวางสาย
กวินเห็นสายตาของทาวัตที่เคร่งขรึมและดุดัน
ก็รู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์