ตอนที่ 360 เขารู้คำตอบแล้ว
วรินทรใช้มือคลำๆอยู่ในเรือ คลำๆมาพักหนึ่งก็ไม่เจอประตู เธอเดินเข้าไปข้างๆตะเกียงน้ำมันอยากถือตะเกียงน้ำมันเพื่อส่องแสงสว่าง
แต่ว่าในเวลานี้ตัวเรือนั้นก็สั่นอย่างรุนแรงเสียงน้ำทะเลซัดสาดแผ่นไม้แสบหูเหลือเกินเธอเพิ่งเดินไปข้างๆตะเกียงน้ำมัน
ความสั่นสะเทือนนั้นประมาณ 3 นาที วรินทรเห็นตัวเรือไม่สั่นเป็นแน่แล้ว จึงยืนขึ้นไปที่ตะเกียงนั้น
แต่น่าเสียดายตะเกียงนั้นติดอยู่กับที่ ดังนั้นเมื่อกี้นี้ที่ตัวเรือสั่นนั้นก็ไม่ได้ทำให้ตะเกียงหล่นลงมา
ดึงออกมาไม่ได้ วรินทรก็ไม่ไปเสียแรงจึงนั่งลงกับพื้น
ในเวลานี้ ทาวัตคงจะรู้แล้วว่าเธอนั้นได้หายตัวไป งั้นเมื่อไหร่เขาจะหาเธอเจอล่ะ
เธอหายตัวไปนานอย่างนี้ จะหาเธอเจอเปล่านะ
ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา ก็ถูกวรินทรสลัดทิ้งทันที ทาวัตต้องหาเธอเจอสิต้องหาเจออย่างแน่นอน
วรินทรคลำสร้อยที่สลักว่า “โลก” ที่อยู่บนคอนั้น ทั้งหัวใจก็สงบลงมาทันทีเหมือนมีทาวัตอยู่ใกล้ๆตัว
แต่เธอกลับพบว่า บนร่างกายของเธอนั้นนอกจากสร้อยคอเส้นนี้ นาฬิกาและกระเป๋าก็ไม่เห็นแล้ว
น่าจะเป็นคนเหล่านั้นกลัวว่าบนร่างเธอจะติดพิกัดการติดตาม
แต่ว่าสร้อยคอนี้ถูกเธอซ่อนไว้ใต้เสื้อผ้า ยังมีผ้าพันคอคลุมอยู่ดังนั้นเลยไม่เห็น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก แสงไฟนั้นส่องสว่างอยู่ในมือนั้นส่องแสงออกมาจากด้านนอก
คนนั้นแค่วางอาหารที่อยู่บนมือลง หลังจากวางเสร็จก็เดินออกไป
วรินทรงงเล็กน้อย คนเหล่านี้ยังใจดีส่งอาหารให้เธอทาน คงไม่วางยาพิษลงไปหรอกนะ
แต่ว่าคิดๆสภาพตัวเองตอนนี้แล้ว วรินทรก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เธอถูกคนเหล่านั้นขังพวกเขาอยากให้เธอตายนั้นง่ายเหมือนบีบมดตาย คงไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพื่อฆ่าเธอหรอก
วรินทรเชิดไหล่ขึ้น เดิมทีที่นี่มืดขนาดนั้นเดินไปเธอยังไม่รู้เลยว่าทิศทางประตูอยู่ตรงไหน ยังจะดูอาหารเหล่านั้นอยู่ตรงไหนได้อีกล่ะ
วรินทรเบะปาก หลังจากนั้นก็หาว เมื่อเอามือยันข้างหลังเพื่อเขยิบท่าทีที่สบายขึ้น กลับคลำเจอสิ่งหนึ่ง
สายตาเธอเบิกกว้าง เอาสิ่งของที่อยู่ในมือขึ้นมาเป็นเทียนขรุขระหนึ่งเล่ม
ในใจของวรินทรก็เต้นขึ้นมาทันที
เธอถือเทียนเล่มนั้นขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหว ใช้เทียนเข้าใกล้เปลวไฟในตะเกียงไม่นานนักแสงไฟจากเทียนจึงทำให้ห้องโดยสารของเรือนั้นสว่างขึ้น
ความรู้สึกที่มองเห็นสภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนกัน
วรินทรเอาเทียนปักไว้บนชั้น หลังจากนั้นก็สังเกตห้องโดยสารเรือ
ห้องโดยสารของเรือไม่ได้ถือว่าเล็ก และก็ไม่ได้เรียบร้อยยังมีเตียงไม้ที่เรีบยๆเตียงนึงข้างบนนั้นปูพรมสีขาวและผ้าห่มบนพื้นนั้น ห้องนั้นเต็มไปด้วยเทียนที่ใช้แล้วและสิ่งของเล็กๆ
มือที่เธอคลำอยู่นานมาก นึกไม่ถึงว่าจะเช็คข้างๆเตียงไปมา
วรินทรหายใจเข้าลึกๆเก็บความประหม่าและความไม่สงบไว้ในใจ เดินไปที่ข้างเตียงแล้วนั่งลง
“เสียงเอี๊ยด” เพิ่งนั่งลงไปก็ส่งเสียงที่ดังอย่างนี่ออกมา
คุณภาพมัน.....
วรินทรทำปากอูม ยืนขึ้นและนั่งลงไปใหม่ กลับไม่มีเสียงแล้ว น่าจะนานแล้วถึงได้เก็บเสียงที่หนักแบบนี้
ยังดีที่ผ้าปูและผ้าห่มนั้นสะอาด ไม่มีฝุ่น และก็ไม่ได้อายุเยอะเหมือนเจ้าเตียงนี้
“ไม่ได้อยู่บนทะเลจริงๆหรอกนะ” วรินทรลุกขึ้นยืน เดินไปหน้าไม้กระดานเอาหูเงียฟังข้างบน ฟังเสียงข้างนอก
เสียงนั้นเป็นเสียงที่น้ำทะเลกระทบแผ่นไม้กระดาน บางทีก็แรง บางทีก็ไม่แรง ทำให้วรินทรมีความรู้สึกเหมือนถูกความกลัวเข้าครอบงำ
เธอเคยได้ยินโรคกลัวทะเลลึก แต่ว่าแต่ก่อนเวลาไปเที่ยวทะเลกับทาวัตก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าทะเลทำให้เธอกลัว
แต่ว่าตอนนี้ แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้เธอมีความรู้สึกกลัวแล้ว
เธอรีบกลับไปนั่งที่เตียงทันที พลิกผ้าห่มออกแล้วเอาตัวเองเข้าไป ใช้ผ้าห่มคลุมหัวตัวเองอยากให้เสียงนั้นไม่ชัดเจน
ไม่รูว่าเป็นผลกระทบทางจิตใจหรือเหตุผลอะไร วรินทรรู้สึกจริงๆว่าเสียงนี้คล้ายกับค่อยๆเล้กลงไป
เฮลิคอปเตอร์มีสีเขียวเข้มมีสัญลักษณ์ของค่ายฝึกอบรมกำลังมุ่งหน้าเป็นไปทางทะเลอากาศตอนนี้ถือว่าไม่เลว ดังนั้นการบินของเฮลิคอปเตอร์ก็ราบรื่น
คนที่นั่งอยู่ข้างหลังเป็นทาวัตและกวิน ทาวัตเอาวางไว้บนตักบนหน้าจอปรากฏรูปสัญลักษณ์ เฮลิคอปเตอร์นั้นเสริชตำแหน่งด้วยอ้างอิงจากรูปสัญลักษณ์
แดดดี๊ ในเมื่อบนร่างกายหม่ามี๊มี GPS ทำไมพอเปิดยังต้องไปสืบเสาะให้ยากด้วย” กวินไม่เข้าใจจริงๆ มีพิกัดอย่างนี้แล้วก็สามารถหาตำแหน่งของหม่ามี๊ของเขาเจออยู่แล้ว
ทาวัตยิ้มจางๆ มือเรียวยาวนั้นพิมพ์อยู่ที่คีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว ระมัดระวังตัวเอารูปพิกัดนั้นลากเข้าแล้วจึงพูดว่า “ถ้าไม่อย่างนี้ จะทำให้คนเหล่านั้นน้อยลงอย่างไร”
ตอนแรกเขาไม่สามารถหาตำแหน่ง GPS เจอได้ เพราะว่าเขานั้นราวกับว่าไม่รับสัญญาณ รอเกือบครึ่งชั่วโมงเครื่อง GPS ถึงทำการตามปกติ
“คนเหล่านั้นเป็นใคร คงจะไม่ใช่คนที่ลักพาตัวหม่ามี๊ไปน่ะ” กวินขมวดคิ้วถามด้วยอยากรู้
คงไม่ใช่ จริงๆนี่คงไม่ใช่การลักพาตัวที่เหนือความคาดหมายแต่ว่าได้มีการวางแผนไว้นานแล้วหรอกน่ะ
“ลูกรู้คำตอบคืออะไรแล้วใช่ไหม” ทาวัตยื่นมือมาลูบศีรษะของกวินไม่ได้บอกเขาไปตรงๆ แต่ว่าเตือนเขาให้ไปหาคำตอบเอง
เขารู้คำตอบแล้วหรอ ?
กวินยิ่งงงงวยเขาอยู่ด้วยกันกับแดดดี๊ตลอด ถึงแดดดี๊พูดว่าเขารู้นอกจากเรื่องตำแหน่งของหม่ามี๊หรือว่าจะเป็น
กวินนึกได้ทันที ดวงตาที่เหมือนผงองุ่นนั้นสว่างขึ้น “แดดดี๊อยากจะทำให้ชยุตสับสนใช่ไหมครับ”
“อืม” ทาวัตตอบรับด้วยน้ำเสียงเฉยn แล้วค่อยๆอธิบายว่า “เริ่มมาแต่ห้าปีก่อนแดดดี๊ก็ส่งคนไปจับตามองบ้านธัมรุจินันท์ ชยุตคนนี้ไม่เป็นพิษเป็นภัยมีแต่ความทะเยอทะยาน จริงๆแล้วไม่ใช่”
“เขามีไพ่คิงที่สำคัญใบหนึ่ง นี่ก็คือสาเหตุที่โลกว่าทำไมตระกูลนี้ ตอนนั้นยังไม่ได้ล้มละลาย”
แต่ว่าไพ่คิงใบนั้นคืออะไร ไม่มีใครรู้
อาจจะเป็นคน อาจจะเพียงแค่สิ่งของ นอกจากชยุตไม่มีใครรู้
กวินเม้มปากพลางคิด ไพ่คิงใบนั้น เขาอาจจะรู้ว่าคืออะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์