ตอนที่ 361 เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้
วันนั้นอาจจะเป็นเอได้ที่รายงานเรื่องราวให้กับเข คนที่จัดการเรื่องราวทั้งหมด ชื่อ เฟิร์น
ในตอนนั้นเขาตามทมยันตีไปที่บ้านพูลสวัสดิ์ หลังจากทมยันตีและชยุตอย่ากันแต่กลับไม่ได้พาเขาไป แถมยังปล่อยให้เขาอยู่ที่บ้านพูลสวัสดิ์ เป็นไปได้มาก ว่าเฟิร์นไม่ได้ยินมาจากทมยันตีว่าสั่งให้ปกป้องวรินทร นั้นมีโอกาสมากว่า--------
ใช้โดยชยุต
บางทีมันดูไร้สาระ คนในตระกูลศรีภักดี สิบคนในองค์กรจะมีหนึ่งคนโดนเด่นออกมา ในการต่อต้านองค์กร และช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ?
คิดๆดู กวินรู้สึกถึงความเยาะเย้ย
แต่ว่ามีแค่เฟิร์นที่คอยช่วยเหลือบริษัทเอซิกิของบ้านพูลสวัสดิ์ให้กลับไปดีขึ้น ตัวเขาเองก็ยังมีส่วนในทรัพย์สมบัติกับอำนาจของตระกูลศรีภักดี ตามสิ่งเหล่านี้ ทำให้บริษัทเอซิกิกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็อาจเป็นไปได้
เอฟเคยพูดแล้วสิบคนในองค์กรณ์ มีแค่บุคคลลับเป็นคนถือไว้ อีกทั้งความจงรักภักดีที่สุด พวกเขาเกิดมาและใช้ชีวิตอยู่เพื่อบ้านพูลสวัสดิ์
เมื่อเป็นเช่นนี้ มิน่าล่ะเฟิร์นถึงเป็นกรณีพิเศษ?
อีกทั้งสิ่งที่เอพูดมา เฟิร์นไม่ได้เก่งที่สุดของเรื่องการต่อสู้ และก็ไม่ได้เก่งเรื่องการใช้อาวุธ ตัวเขานั้นค่อนข้างจะมีความสามารถด้านการแพทย์
พวกยาพิษ เทคนิคทางการแพทย์ของเขานั้นเก่งมาก เทคนิคพิเศษของเขามันน่าทึ่งมาก
เอยังบอกอีกว่า ในสิบคนนั้นมีแค่เฟิร์นเป็นคนเดียวที่ชอบมีความสนใจในเทคนิคการแพทย์ แต่ว่าการต่อสู้กับการใช้อาวุธของเขาก็สุดยอดมาก
นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงอยู่ลำดับที่เก้า หรือเป็นเพราะว่าเขาจงใจ นอกจากในเวลานั้นหัวหน้าครอบครัวตระกูลศรีภักดี ไม่มีใครรู้ความสามารถของเขา
“ไปคราวนี้ อาจเป็นไปได้ว่าสายตามองไปที่ตัวตนที่แท้จริงของไพ่ตัวคิงด้วย” ทาวัตถอนหานใจเบาๆดวงตาสีดำเป็นประกายแสดงออกถึงสายตาที่เย็นชา เหมือนแสงที่สะท้อนจากทะเล ทั้งลึกและมืด
——
ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน วรินทรก็ยังคงนอนไม่หลับ แต่เอนตัวอยู่บนที่นอนเฉยๆพร้อมทั้งหลับตา พยายามปิดกั้นเสียงจากด้านนอก ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่ เธอลืมตาขึ้นจากความโกลาหล
เธอยกมือขึ้นมามือปิดหู เธอค้างอยู่ในท่านี้เป็นเวลานานจนแขนเริ่มไม่มีแรง เมื่อขยับตัวเล็กน้อยความปวดเมื่อยก็แพร่กระจายไปทั่วทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ลุกขึ้นมาแล้วสะบัดแขนไปมา วรินทรรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ใบหน้าเล็กๆซีดลง อากาศในห้องผู้โดยสารในเรือมันทึมทึบ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
เธอเดินไปที่ประตูบานนั้นขยับอาหารที่วางอยู่ตรงนั้นเล็กน้อย
ถึงแม้จะรู้ว่าประตูนี้ถูกล็อคอยู่ แต่ว่า…..
เอ๊ะ?
วรินทรประหลาดใจมองไปที่รอยร้าวตรงประตู สูดมุมปากตัวเอง โอเคเธอประเมินพวกเขาต่ำไป เนื่องจากที่นี่อยู่บนทะเล ถึงแม้จะเปิดประตูได้แต่ก็อาจจะหนีไม่ไปไม่ได้
สามารถออกไปสูดอากาศข้างนอก ยังไงก็ดี
วรินทรเงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกประตู แต่กลับมองไม่เห็นใครเฝ้าอยู่ที่ประตู ดังนั้นทางสะดวกที่จะออกไป
เดินขึ้นบันไดมา วรินทรมาถึงด้านบนของเรือ สิ่งที่พบก็คือกลิ่นของปลาและลมทะเล เย็นๆ อีกทั้งนี่เป็นหน้าหนาว ลมพัดปะทะหน้า หนาวถึงกระดูก
วรินทรไม่สามารถหยุดสั่นได้ หลังจากนั้นเธอหยิบเสื้อกันหนาวที่อยู่ใกล้มือมาใส่ สอดมือไว้ในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับ หดคอลง
รับรู้ถึงความเยือกเย็น
ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้วลมทะเลตอนกลางคืนไม่เพียงแต่หนาว น้ำทะเลยังไม่เห็นเป็นสีน้ำเงินเหมือนตอนกลางวันด้วยค่อนข้างจะเหมือนหมึกสีดำ ที่ดำมาก
บนเรือเงียบมากๆ นอกจากเสียงลมและเสียงน้ำทะเลกระทบกัน ก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นๆ
วรินทรก็ไม่สามารถคิดโง่ๆไปเองว่าบนเรือนี้ไม่มีคน อย่าบอกนะว่ามันขับเคลื่อนโดยไร้คนขับ จะเป็นไปได้ยังไง?
เธอเดินไปตรงราวบันได มองลงไปการเคลื่อนเป็นระลอกของน้ำทะเลที่ดำและลึก แม้จะไม่ได้เป็นจำพวก “โรคกลัวน้ำทะเลลึก” แต่แน่นอนไม่ว่าใครตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ใจคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกัน
ไม่ใช่มันไม่มีเหตุผลที่คนพวกนั้นจะเฝ้าระวังเธออย่างประมาท ในทะเลที่ลึกผืนนี้ ถ้าเธอมีปีกถึงจะหนีได้ ไม่อย่างนั้นจะหนียังไง
แต่ว่า…...
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เธอไม่เต็มใจ
“เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้” เสียงที่เย็นชามาจากข้างหลังของวรินทร เป็นเสียงที่ผสมกับความเยาะเย้ย
วรินทรหันกลับไปดู ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดสีดำ ใส่แว่นกันแดดสีดำ สวมหมวกแก็ปสีดำ ไม่รู้มายืนอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้อศอกขวาวางพิงราวบันได ตัวเขาไม่ได้สนใจอะไร สายตามองออกไปยังพื้นผิวทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มองลักษณะของเขาไม่ค่อยชัดเจน แม้แต่เสียงเขาก็น่าสับสนเป็นเสียงต่ำที่มีความละเอียด
วรินทรตกใจสุดๆ จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอเอามือที่สอดอยู่ในกระเป๋าเสื้อมาจับที่ใบหน้า มองที่เขาอย่างระมัดระวังพร้อมถามว่า “เธอคือใคร? จับฉันมาต้องการอะไร?”
หรือว่าเพื่อเงิน?
เธอเป็นภรรยาทาวัตเรื่องนี้รู้กันทั่วมานานมากแล้ว มีคนจับจ้องมาที่เธอก็เพื่อเหตุผลบางอย่าง
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอสัมผัสได้ว่า คนๆนี้ไม่ใช่คนที่จะลักพาตัวธรรมดา
ยังมีธารี.......จริงๆเธอยังอ่อนต่อโลกมากไปทำไมถึงไปเชื่อเธอได้ เธอไม่ควรเจอฐานทัตตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็คงจะไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
จุดประสงค์ของธารีคืออะไร ทาวัตหรอ? หรือตำแหน่งคุณผู้หญิงของบ้านธัมรุจินันท์?
คนๆนั้นไม่ได้ตอบอะไรเธอสักคำ ทำเหมือนรังเกียจที่จะตอบตั้งแต่แรก ความไม่เป็นมิตรนั้น มันชั่งเยือกเย็นจนเข้าถึงกระดูกซะจริงๆ
คนๆนี้ลมหายใจเย็นสุดๆ มันทำให้วรินทรอยากจะหนีและรู้สึกไม่ขอบความรู้สึกนี้เอามากๆ
“เธอควรรู้ ว่าเธอหนีไปไหนไม่ได้ ก็ไม่ต้องพยายามหาโอกาสหนีก็ได้นะ” คนๆนั้นพูดอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็หมุนตัวกลับ จนเห็นเป็นเงาคนมืดๆก่อนพูดว่า “พาตัวเธอกลับไป”
คนสองคนออกมาจากมุมมืด ซ้ายคนขวาคน มายืนอยู่ข้างๆวรินทร
“ฉันกลับเองได้” ดวงตาใสๆเบิกกว้าง ปากรูปกรีบดอกไม้เนื้อละเอียดนั้น มองไปที่คนๆนั้นวินาทีนึงหลังจากนั้นก็ยอมเดินกลับไปที่ห้องในเรือ
ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนพวกนี้ลักพาตัวเธอมาทำไม ยังนึกไม่ออกเลยจริงๆ
คนๆนั้นมองเงาของวรินทรเดินลับจากไป ลมหายใจก็ไม่ได้มีความผ่อนคลายขึ้น กลับมีความเย็นชาขึ้นมาแทน
ที่ท้องทะเลแห่งนี้ นอกจากเธอจะมีปีกบินหนีไปได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะสามารถหนีได้เลย
แต่ก็คาดเดาไม่ได้เลยว่าช่วงเวลาเหล่านี้จะเกิดอะไรขึ้น
แต่เดิมผิวทะเลที่เงียบสงบนึกไม่ถึงว่าจะมีพายุเฮอริเคนพัดคลื่นทะเลทำให้เรือรอยสูงตามคลื่นไปเรื่อยๆ ยังโชคดีที่เรือลำนี้นั้นแข็งแรงและมั่นคงและยังเป็นเรือที่พวกเขาออกแบบกันมาเองดังนั้นมันจึงสามารถหลีกเลี่ยงจากอุบัติเหตุได้
ถึงแม้ว่าพายุเฮอริเคนจะยังทำให้เรือโคลงเคลง และเสียงที่ดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวของใบพัดเรือ มันโหยหวนมาก
“พ่อ มันคือเรือลำนี้” กวินมองไปยังเรือลำสีขาวที่ลอยอยู่ในทะเล เดาะลิ้น พร้อมกับมองไปรอบๆ ดูแล้วเรือลำนี้แตกต่างจากเรือปกติทั่วไปทุกๆด้านของเรือมีความล้ำสมัยมาก
“อืม” ทาวัตค่อยๆพยักหน้า ชะโงกมองออกไปรอบๆและมองไปที่เรือลำนั้น
“ปกเกศ ไปยังเรือลำนั้น” ทาวัตออกคำสั่งเมื่อเทียบระยะห่างระหว่างเฮลิคอปเตอร์กับเรือยังอยู่ห่างกันพอสมควร
“ครับ” ปกเกศตอบรับ รับบังคับเฮลิคอปเตอร์ไปทางเรือทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์