หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 373

ตอนที่373 นี่คือรูปคู่ของพวกนายสองคน

อยู่ดีๆประตูก็เปิดออก สิบสองรีบก้าวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว มองหน้าประภาพที่พึ่งถูกตัวเองปลุกให้ตื่น แล้วก็ขมวดคิ้วทันที “หลายวันมานี้นายไม่ได้พักผ่อนเลยเหรอ?”

ประภาพไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เขาขยี้ตาเล็กน้อย เมื่อกี้ได้งีบหลับซักหน่อย ตอนนี้แม้จะยังรู้สึกเหนื่อยอยู่นิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว

“เกรงว่าตอนนี้นายจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ชยุตโดนพวกเค้าเจอแล้ว ตอนนี้กำลังถูกตามล่าไปทั่ว เขาบอกให้นายรีบไปหาเขาให้เร็วที่สุด แต่ถึงยังไงนายก็ยังมีอำนาจมากกว่าอยู่ดี” ถึงแม้ว่าสิบสองจะไม่ชอบพอชยุตเท่าไหร่นัก แต่ว่าครั้งนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เพราะว่าชยุตกำจุดอ่อนของเขาไว้อยู่

นอกจากยอมประนีประนอม ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ประภาพขมวดคิ้วจนยุ่งไปหมด นี่คือข่าวที่เลวร้ายที่สุดที่เขาไม่อยากจะได้ยิน

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

“อยู่บนเกาะ ฉันให้คนดูเขาไว้อยู่”

ประภาพหันกลับไปมองวรินทรที่ยังคงนอนหลับใหล แล้วก็หมุนตัวเดินออกไปอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด

“ดูแลเธอให้ดี”

พอพูดจบประโยค เขาก็เดินออกจากห้องไปทันที

สิบสองถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ยังไงเธอก็ไม่ได้ต้องดูแลอะไรอยู่แล้ว แต่ความหมายที่แท้จริงของเขาคือ ห้ามให้ใครมาพาเธอออกไป แต่ว่าตอนนี้วรินทรก็หลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แค่เธอไม่ออกจากห้องนี้ ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธออยู่ที่นี่

สิบสองมั่นใจมาก เพราะว่าแม้แต่การรักษาก็ยังไม่สามารถทำให้เธอฟื้นได้ ดูเหมือนกับว่าน่าจะหลับอีกยาวเลย

“แก๊ก” ประตูปิดลง

ขณะนั้น นิ้วมือของร่างที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มเคลื่อนไหว ขยับหนึ่งครั้ง แล้วก็สองครั้ง หลังจากนั้น เปลือกตาเธอก็เริ่มขยับ และเธอก็ลืมตาขึ้น

เธอมองไปที่เพดานสีฟ้าที่ไม่คุ้นตา วรินทรค่อนข้างแสบตาเล็กน้อยเลยหลับตาลงไปอีกครั้ง แล้วก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ ครั้งนี้ก็กลับมาเห็นหลายอย่างได้มากขึ้น

เธอหันไปมองรอบๆ สภาพแวดล้อมที่แปลกตา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ที่นี่ที่ไหน?

วรินทรรู้สึกเหมือนโดนจับแช่อยู่ในน้ำแข็งนับไม่ถ้วนจนเข้าไปในกระดูก เย็นจนเจ็บปวดไปหมด ข้อต่อบางข้อไม่สามารถขยับได้ แต่พอขยับได้มันก็จะมีเสียง “กึกกัก”

เธออยากจะลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างกายกลับไม่มีแรงเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่จะขยับนิ้วยังต้องออกแรงมาก

ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก คนที่เข้ามาคือสิบสอง ในมือเธอถือยามาด้วยนึง หลายวันมานี้ถึงแม้ว่าวรินทรจะสลบ แต่เธอก็สามารถกลืนยากับน้ำได้

สิบสองเห็นว่าวรินทรลืมตาขึ้นมา ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธออยากที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาประภาพ แต่ว่านึกถึงที่เขากำลังรีบไปที่เกาะ รอเขากลับมาค่อยบอกก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ แล้วเธอก็ถือถ้วยยาแล้วเดินไปนั่งตรงหน้าวรินทร

“เธอตื่นแล้วเหรอ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน วรินทรหันไปมองหน้าเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

นัยน์ตาของเธอทำให้สิบสองแปลกใจเล็กน้อย สายตาแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน?

“เธอคือใคร? แล้วที่นี่คือที่ไหน?” วรินทรขยับไม่ได้ เพราะว่ายาที่ประภาพคอยป้อนให้เธอหลายวันมานี้ทำให้เธอไม่ได้เสียงแหบอะไรมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นตอนพูดก็ยังคงเจ็บคออยู่บ้าง

ที่จริงร่างกายของวรินทรแค่ต้องการปรับตัวนิดหน่อยก็โอเคแล้ว แต่ว่าเมื่อคืนเธอไม่สบาย แช่อยู่ในทะเลตั้งนาน ไข้ก็เลยขึ้น ตัวเธอร้อนจี๋ ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ไข้ลด

“เธอเรียกฉันว่าสิบสองได้ และเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน” สิบสองหมุนยาในมือไปมาพร้อมกับตอบ

แต่ว่าประโยคถัดมาของวรินทร กลับทำให้สิบสองตกใจจนแว่นแทบหลุดออกมา

“ถ้าอย่างนั้น...ฉันคือใคร?” ดวงตาของวรินทรใสซื่อบริสุทธิ์ พอมองไปที่สิบสองแล้วรู้สึกไม่สบายใจและไม่ปลอดภัยสิบสองทำถ้วยยาในมือหล่นดัง “ปัง” และมองวรินทรด้วยสายตาประหลาดใจ เธอจ้องอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้มีอะไรผิดพลาด

นี่เธอ....สูญเสียความทรงจำงั้นเหรอ? หรือว่าเธอกำลังแสดงอยู่กันแน่?

สิบสองมองด้วยสายตาซับซ้อน แต่ทันใดนั้นก็ได้หยุดการกระทำลง เพราะว่าสายตาของวรินทร ใส สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ได้ดูเหมือนกำลังแสดงอยู่เลยซักนิด

ตอนที่วรินทรได้รับการช่วยเหลือ หัวได้โดนกระแทก ถ้าจะเสียความทรงจำเพราะเหตุการณ์นี้ ก็มีความเป็นไปได้

แต่ว่า...สิบสองก็ยังคงต้องทำตามหน้าที่ เธอเอายาให้วรินทรกิน แล้วก็สังเกตท่าทางของวรินทรแต่ก็ไม่เจออะไรผิดปกติเลยซักอย่าง

ตอนนี้เธอดูระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัย มันแน่นอนอยู่แล้วว้าต้องเป็นแบบนี้กับคนแปลกหน้า

แต่หลังจากที่สิบสองให้หมอเข้ามาตรวจวรินทรแล้ว ผลปรากฏว่าเธอสูญเสียความทรงจำเพราะได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ว่ามันจะแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ก็ไม่แน่นอนว่าความทรงจำจะกลับมาเมื่อไหร่ อาจจะครึ่งเดือน หรือว่าตลอดไปก็เป็นได้

สิบสองถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับส่งคุณหมอออกจากห้องไปแล้วกลับมานั่งหน้าวรินทร

วรินทรค่อนข้างระแวดระวังสิบสองเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายตัวเอง เธอก็ค่อนข้างวางใจ

“เดี๋ยวฉันจะบอกตัวตนของเธอให้” สิบสองรีบตอบเสียงต่ำ เพราะเธอไม่อยากจะทำให้เธอตกใจ แล้วก็พูดออกมา “เธอชื่อวรินทรเป็นคู่หมั้นของหัวหน้าพวกเรา เธอกำลังจะไปช่วยเขาทำภารกิจอย่างหนึ่ง แต่ว่าพลัดตกลงทะเลไป ก็เลยสูญเสียความทรงจำ...”

“หัวหน้าของพวกเธอคือใครล่ะ?” วรินทรถามออกมา เธอดูสงสัยต่อคำพูดของสิบสองเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าพูดอะไรก็เชื่อไปหมด

“เขาชื่อว่าประภาพ เธอรักเขามาก พวกเธอตลงกันว่า หลังจากจบภารกิจนี้จะหมั้นกัน” รอยยิ้มของสิบสองนั้นดูเยือกเย็น มองดูดวงตาที่ใสซื่อของวรินทร ก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมา

วรินทรยังสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ว่าสิบสองก็พูดจาจริงใจและมองเธอด้วยแววตาสงสาร ยิ่งทำให้เธอลังเลใจไปกันใหญ่

ถึงแม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้โง่ พูดจาไม่มีหลักฐาน จะให้เธอเชื่อได้ยังไง?

“ถ้าเกิดว่าเขาเป็นคู่หมั้นของฉันจริงๆ ทำไมตอนฉันฟื้นมาแล้วเขาไม่อยู่ล่ะ? แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว”เธอพูดไปพลางขมวดคิ้วไป

สิบสองคิดอะไรขึ้นมาได้ พร้อมกับวางถ้วยยาในมือลง เดินไปตรงโต๊ะในห้องด้านในกรอบรูปติดอยู่ เป็นรูปของประภาพกับวรินทร

นี่เป็นรูปภาพที่ประภาพกับวรินทรถ่ายด้วยกันตั้งแต่ตอนที่อยู่อังกฤษ ถึงแม้ว่าจะมีแค่ใบเดียว แต่ประภาพก็เก็บมันไว้ราวกับสมบัติมีค่า

สิบสองหยิบรูปนั้นมาให้วรินทรดู แล้วก็ตอบเธอไปว่า “นี่คือรูปคู่ของพวกเธอ”

วรินทรขยับไม่ได้ ได้แต่ใช้สายตามองรอยยิ้มสดใสของเด็กผู้หญิงในภาพนั้น คือเธอจริงๆด้วย

วรินทรหลบตาลงด้วยความงงงวย แล้วก็มองหน้าสิบสองพลางถามว่า “ฉัน เป็นคู่หมั้นของเขาจริงๆเหรอ?”

สิบสองเห็นว่าเธอเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ก็สบายใจ จะฆ่าเธอให้ตายแล้วเอาไปเผาไฟก็ยังได้ แต่ให้เธอโกหกเด็กสาวที่ใสบริสุทธิ์คนนี้ ช่างทำให้เธอรู้สึกผิดในใจมากมาย

แต่ว่าถ้าไม่โกหกเธอตอนนี้และเธอไม่เชื่อใจ เธอคงจะรู้สึกผิดมากกว่านี้แน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์