หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 379

ตอนที่379 ฉันชอบเธอ

ครุ่นคิดอยู่นาน ประภาพก็แพ้กับสายตาสงสัยของวรินทร ที่นี่คือประเทศบีอยู่ติดกับเมืองซี ของที่น่าสงสัยบนตัววรินทรก็ถูกพวกเขาเก็บไปหมดแล้ว เธอยังความจำเสื่อมอีก พูดได้อย่างมั่นใจว่า ต่อให้ไม่ความจำเสื่อม เขาก็คงไม่หนีไปตอนนี้

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ประภาพจึงยิ้มอย่างวางใจ พยักหน้าตกลงเธอ

ไม่กล้ารับรอง จึงให้สิบสองติดตามเธอไป รีบออกจากเมืองบีไป

ดูเหมือนเป็นสิบสองที่พาวรินทรออกไปแต่ยังมีคนแอบตามอยู่เงียบๆ

คฤหาสน์ของประภาพค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ในเมื่อตอบตกลงเธอแล้ว จึงพาเธอออกไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดแล้วลงรถ

วรินทรมองไปรอบๆด้วยความสงสัย วิวที่แปลกตานี้ไม่คุ้นตาเลย จึงถามสิบสองด้วยความสงสัย “ฉันเป็นคนที่นี่เหรอ? ทำไมฉันจำอะไรที่นี่ไม่ได้เลย?”

“เพราะคุณความจำเสื่อม” สิบสองนี่ชักได้เรื่องแล้ว ใช้ข้ออ้างว่าเธอความจำเสื่อมเพื่อหลบปัญหา

แต่มีสิทธิ์อะไรมาให้คนอย่างวรินทรเชื่อฟังอย่างเงียบๆ?

“งั้นฉันต้องมีเพื่อนที่นี่สิ ฉันไปเจอพวกเขาได้ไหม?” วรินทรถามต่อ

“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ อย่าลำบากพวกเขาเลย” สิบสองยังคงห้ามต่อ

“ประภาพทำผิดต่อใครกันแน่ พ่อแม่ฉันยอมปล่อยให้ฉันอยู่ในมือเขาจริงๆเหรอ?”

“แต่งงานเพื่อธุรกิจ อย่าได้พูดถึงเรื่องวางใจ”

วรินทรเม้มปาก ไม่ได้ถามอะไรสิบสองต่อ นัยน์ตายังคงเป็นประกายเจ้าเล่ห์

“ฉันอยากจะกินข้าวปั้นธัญพืชเก้าสิบแปดเม็ด” วรินทรฟึดฟัด ท่าทางเหมือนแมวหิว แล้วพูดขึ้น

สิบสองอึ้งไป ข้าวปั้นธัญพืชเก้าสิบแปดเม็ด? นั่นมันอะไรกัน?

“ในหัวก็มีประกายของอย่างหนึ่งขึ้นมา เมื่อก่อนฉันคงชอบกินอันนี้มาก ไปซื้อมาให้ฉันหน่อย”วรินทรหันไปมองสิบสอง ตามด้วยท่ากลืนน้ำลาย ทำให้อดที่จะเชื่อไม่ได้

ในใจของสิบสองสลายไม่เป็นท่า ถามคำถามที่ตอบยากมารตลอดทาง แล้วยังมาขอร้องอะไรแปลกๆอีก จริงๆเลย

“โอเค แล้วคุณวรินทรอยากกินที่ถนนเหนือหรือถนนใต้เจ้าไหน? ร้านลุงปอหรือร้านน้าแหมว?” สิบสองรีบถามเธอ

วรินทรกวน แต่ก็ยังสู้เขาไม่ได้

ใครจะรู้ว่าวรินทรจะมาไม้นี้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ “เธอเข้าใจฉันมากที่สุดไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่รู้ว่าฉันกินร้านไหนล่ะ? ถ้าข้างบนขาดเม็ดธัญพืชไม่เม็ดนึงจะทำให้รสชาติเปลี่ยน”

“…” สิบสองถอนหายใจ แล้วรีบไปหาสิ่งนั้นมาให้เธอ

ถ้าหากไม่ใช่ว่าก่อนออกมาประภาพสั่งไว้ว่าให้ตามใจเธอป่านนี้คงทิ้งไว้กลางทางแล้ว

วรินทรที่ไม่มีสิบสองเข็นเก้าอี้ให้นั้น มีแต่คนมองด้วยสายตาสงสารถึงแม้เธอจะความจำเสื่อม แต่

เธอไม่ได้ชอบกินข้าวปั้นธัญพืชอะไรนั่น มันทั้งหวานเลี่ยนและเหนียวปาก เธอชอบเปรี้ยวๆหวานๆมากกว่า

สิบสองเป็นคนของประภาพ เขาก็ต้องห้ามเธออยู่แล้ว

แต่ทันใดนั้น เมื่อมองไปรอบๆ เม้มปากสีอมชมพูนั้น ที่ใกล้ๆนี้ ต้องมีคนจ้องเธออยู่แน่ๆ ไม่ใช่แค่คนสองคนแน่ๆ

วรินทรเขยิบเก้าอี้วีลแชร์ไปข้างหน้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงรอสิบสองอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน ยังไงเขาก็หาเธอเจอ งั้นไปเดินเล่นซักหน่อยดีกว่า

ในเวลาเดียวกัน เมกับพรตยังอยู่ในสายตาที่กำลังมองหา

กวินให้เมพาคนไปไม่ถึงสิบสองคน ทาวัตยิ่งไปกว่านั้น ให้พรตพาคนออกมาเพียงสามคน ให้มาหาคนในประเทศบี ราวกับงมเข็มในมหาสมุทร

และคนนั้นมีอยู่จริงรึเปล่ายังไม่รู้เลย

เมและพรตตามมาหว่าอาทิตย์นึงแล้ว จากสถานการณ์เรื่องราวที่ผ่านมา ทำให้ทั้งสองสนิทกัน

ทั้งสองออกตามชายหาดประเทศบีอย่างไม่มีความหวัง อย่าเรียกว่าตามหา ให้เรียกว่าเดินเล่นอย่างไร้จุดมุ่งหมายดีกว่า

“เฮ้ คืนนี้ไปกินมื้อค่ำที่คลับกันเถอะ” เมมองท้องฟ้าที่สดใส ถึงแม้ว่าหิมะจะละลายแล้ว แต่ยังหนาวอยู่หน่อยๆ เขาใส่เสื้อคลุมสามชั้นกับเสื้อขนเป็ดอีกชั้น ยังรู้สึกหนาว

อากาศแบบนี้ควรจะนอนอยู่บ้านอุ่นๆมากกว่า ออกมาข้างนอกในอากาศหนาวๆแบบนี้ แทบตาย

“นายเป็นผู้ชายรึเปล่า? ไมถึงกลัวหนาว” พรตมองไปที่เขาทีนึง คนหาไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น

“แหม่ พูดอย่างกับนายไม่หนาว ผิวของฉันนายจะเข้าใจซักเท่าไหร่กัน?”เมมองไปที่พรตที่ใส่เสื้อแค่สองตัวอย่างไม่ชอบใจ แถมเสื้อข้างในเป็นแขนสั้นอีก น่าหมั่นไส้จริงๆ

เมไม่ได้พูดอะไร แต่ในเสื้อแปะเต็มไปแผ่นความร้อน ถ้าไม่งั้นเขาคงจะใส่มากกว่าสี่ชั้นแน่นอน

ถึงแม้ออกมา จะทำให้พรตหัวเราะเยาะ แต่เมให้ตายก็ไม่พูดออกไป

ใครจะรู้ว่าพรตมองมาที่เสื้อขนเป็ดของเขา สายตาเย็นชา แล้วพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจ “นายคงไม่ได้แปะแผ่นให้ความร้อนด้านในอีกใช่ไหม?”

เมนิ่งไป แล้วโมโหขึ้นมา จ้องไปที่พรต “ใครบอกกัน ฉันเนี่ยลูกผู้ชายตัวจริง อากาศหนาวแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”ท่าทางของเขา ราวกับถูกประทับตรา

พรตมองเขานิ่งๆ สีหน้าบอกถึงความ “ไม่ต้องอธิบาย ฉันเข้าใจ”

เมโมโห บีบคอของพรตขึ้นมา “น้ำแข็งก้อนใหญ่ นายคงจะไม่มีแฟนหรอกใช่ไหม? เพราะอะไรรู้ไหม? ฉันว่านายเหมาะกับผู้ชายมากกว่า”

เสียดสีอย่างเต็มๆ ราวกับทำคืน

“ความหมายของประโยคนี้คือนายชอบฉันแล้วใช่ไหม?” พรตยกมุมปากขึ้น คำพูดของเมไม่ทำให้เขาสะทกสะท้าน

“ฉันชอบนายแล้ว นายจะขึ้นเตียงให้ความอบอุ่นแก่ฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?” เมหัวเราะ เขาไปใกล้หน้าพรต แต่หน้าของพรตยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่รู้สึกอะไร

นี่ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเขาไร้สาระกว่าเดิม

พรตเมื่อฟังประโยคนั้นแล้ว กลับยิ้มออกมา รอยยิ้มบางๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ข้างกายทาวัตนานไป จึงติดความเย็นชาจากตัวเขามา แม้กระทั่งรอยยิมก็เช่นกัน

แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ คนที่อยู่ข้างกายทาวัตไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ล้วนดูดีไปเสียทุกคน

“ได้สิ งั้นเดี๋ยวนายไปให้ความอบอุ่นบนเตียงกับฉันหน่อยนะ”

“…” เมไม่รู้จะพูดอะไร ในใจเขาคิดว่าพรตเป็นแบบนี้ไปแล้วจริงๆ

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ ประโยคนี้อาจเป็นเรื่องจริงขึ้นซักวัน

“สองคนนี้แปลกจริงๆเลย กลางวันแสกๆมาคุยเรื่องอะไรกัน คงไม่ได้เป็นพวกนั้นหรอกใช่ไหม”

ตอนนี้พว ผู้หญิงมากมาย มองพวกเขาด้วยสายตาสงสัย

ครุ่นคิดอยู่นาน ประภาพก็แพ้กับสายตาสงสัยของวรินทร ที่นี่คือประเทศบีอยู่ติดกับเมืองซี ของที่น่าสงสัยบนตัววรินทรก็ถูกพวกเขาเก็บไปหมดแล้ว เธอยังความจำเสื่อมอีก พูดได้อย่างมั่นใจว่า ต่อให้ไม่ความจำเสื่อม เขาก็คงไม่หนีไปตอนนี้

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ประภาพจึงยิ้มอย่างวางใจ พยักหน้าตกลงเธอ

ไม่กล้ารับรอง จึงให้สิบสองติดตามเธอไป รีบออกจากเมืองบีไป

ดูเหมือนเป็นสิบสองที่พาวรินทรออกไปแต่ยังมีคนแอบตามอยู่เงียบๆ

คฤหาสน์ของประภาพค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ในเมื่อตอบตกลงเธอแล้ว จึงพาเธอออกไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดแล้วลงรถ

วรินทรมองไปรอบๆด้วยความสงสัย วิวที่แปลกตานี้ไม่คุ้นตาเลย จึงถามสิบสองด้วยความสงสัย “ฉันเป็นคนที่นี่เหรอ? ทำไมฉันจำอะไรที่นี่ไม่ได้เลย?”

“เพราะคุณความจำเสื่อม” สิบสองนี่ชักได้เรื่องแล้ว ใช้ข้ออ้างว่าเธอความจำเสื่อมเพื่อหลบปัญหา

แต่มีสิทธิ์อะไรมาให้คนอย่างวรินทรเชื่อฟังอย่างเงียบๆ?

“งั้นฉันต้องมีเพื่อนที่นี่สิ ฉันไปเจอพวกเขาได้ไหม?” วรินทรถามต่อ

“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ อย่าลำบากพวกเขาเลย” สิบสองยังคงห้ามต่อ

“ประภาพทำผิดต่อใครกันแน่ พ่อแม่ฉันยอมปล่อยให้ฉันอยู่ในมือเขาจริงๆเหรอ?”

“แต่งงานเพื่อธุรกิจ อย่าได้พูดถึงเรื่องวางใจ”

วรินทรเม้มปาก ไม่ได้ถามอะไรสิบสองต่อ นัยน์ตายังคงเป็นประกายเจ้าเล่ห์

“ฉันอยากจะกินข้าวปั้นธัญพืชเก้าสิบแปดเม็ด” วรินทรฟึดฟัด ท่าทางเหมือนแมวหิว แล้วพูดขึ้น

สิบสองอึ้งไป ข้าวปั้นธัญพืชเก้าสิบแปดเม็ด? นั่นมันอะไรกัน?

“ในหัวก็มีประกายของอย่างหนึ่งขึ้นมา เมื่อก่อนฉันคงชอบกินอันนี้มาก ไปซื้อมาให้ฉันหน่อย”วรินทรหันไปมองสิบสอง ตามด้วยท่ากลืนน้ำลาย ทำให้อดที่จะเชื่อไม่ได้

ในใจของสิบสองสลายไม่เป็นท่า ถามคำถามที่ตอบยากมารตลอดทาง แล้วยังมาขอร้องอะไรแปลกๆอีก จริงๆเลย

“โอเค แล้วคุณวรินทรอยากกินที่ถนนเหนือหรือถนนใต้เจ้าไหน? ร้านลุงปอหรือร้านน้าแหมว?” สิบสองรีบถามเธอ

วรินทรกวน แต่ก็ยังสู้เขาไม่ได้

ใครจะรู้ว่าวรินทรจะมาไม้นี้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ “เธอเข้าใจฉันมากที่สุดไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่รู้ว่าฉันกินร้านไหนล่ะ? ถ้าข้างบนขาดเม็ดธัญพืชไม่เม็ดนึงจะทำให้รสชาติเปลี่ยน”

“…” สิบสองถอนหายใจ แล้วรีบไปหาสิ่งนั้นมาให้เธอ

ถ้าหากไม่ใช่ว่าก่อนออกมาประภาพสั่งไว้ว่าให้ตามใจเธอป่านนี้คงทิ้งไว้กลางทางแล้ว

วรินทรที่ไม่มีสิบสองเข็นเก้าอี้ให้นั้น มีแต่คนมองด้วยสายตาสงสารถึงแม้เธอจะความจำเสื่อม แต่

เธอไม่ได้ชอบกินข้าวปั้นธัญพืชอะไรนั่น มันทั้งหวานเลี่ยนและเหนียวปาก เธอชอบเปรี้ยวๆหวานๆมากกว่า

สิบสองเป็นคนของประภาพ เขาก็ต้องห้ามเธออยู่แล้ว

แต่ทันใดนั้น เมื่อมองไปรอบๆ เม้มปากสีอมชมพูนั้น ที่ใกล้ๆนี้ ต้องมีคนจ้องเธออยู่แน่ๆ ไม่ใช่แค่คนสองคนแน่ๆ

วรินทรเขยิบเก้าอี้วีลแชร์ไปข้างหน้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงรอสิบสองอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน ยังไงเขาก็หาเธอเจอ งั้นไปเดินเล่นซักหน่อยดีกว่า

ในเวลาเดียวกัน เมกับพรตยังอยู่ในสายตาที่กำลังมองหา

กวินให้เมพาคนไปไม่ถึงสิบสองคน ทาวัตยิ่งไปกว่านั้น ให้พรตพาคนออกมาเพียงสามคน ให้มาหาคนในประเทศบี ราวกับงมเข็มในมหาสมุทร

และคนนั้นมีอยู่จริงรึเปล่ายังไม่รู้เลย

เมและพรตตามมาหว่าอาทิตย์นึงแล้ว จากสถานการณ์เรื่องราวที่ผ่านมา ทำให้ทั้งสองสนิทกัน

ทั้งสองออกตามชายหาดประเทศบีอย่างไม่มีความหวัง อย่าเรียกว่าตามหา ให้เรียกว่าเดินเล่นอย่างไร้จุดมุ่งหมายดีกว่า

“เฮ้ คืนนี้ไปกินมื้อค่ำที่คลับกันเถอะ” เมมองท้องฟ้าที่สดใส ถึงแม้ว่าหิมะจะละลายแล้ว แต่ยังหนาวอยู่หน่อยๆ เขาใส่เสื้อคลุมสามชั้นกับเสื้อขนเป็ดอีกชั้น ยังรู้สึกหนาว

อากาศแบบนี้ควรจะนอนอยู่บ้านอุ่นๆมากกว่า ออกมาข้างนอกในอากาศหนาวๆแบบนี้ แทบตาย

“นายเป็นผู้ชายรึเปล่า? ไมถึงกลัวหนาว” พรตมองไปที่เขาทีนึง คนหาไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น

“แหม่ พูดอย่างกับนายไม่หนาว ผิวของฉันนายจะเข้าใจซักเท่าไหร่กัน?”เมมองไปที่พรตที่ใส่เสื้อแค่สองตัวอย่างไม่ชอบใจ แถมเสื้อข้างในเป็นแขนสั้นอีก น่าหมั่นไส้จริงๆ

เมไม่ได้พูดอะไร แต่ในเสื้อแปะเต็มไปแผ่นความร้อน ถ้าไม่งั้นเขาคงจะใส่มากกว่าสี่ชั้นแน่นอน

ถึงแม้ออกมา จะทำให้พรตหัวเราะเยาะ แต่เมให้ตายก็ไม่พูดออกไป

ใครจะรู้ว่าพรตมองมาที่เสื้อขนเป็ดของเขา สายตาเย็นชา แล้วพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจ “นายคงไม่ได้แปะแผ่นให้ความร้อนด้านในอีกใช่ไหม?”

เมนิ่งไป แล้วโมโหขึ้นมา จ้องไปที่พรต “ใครบอกกัน ฉันเนี่ยลูกผู้ชายตัวจริง อากาศหนาวแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”ท่าทางของเขา ราวกับถูกประทับตรา

พรตมองเขานิ่งๆ สีหน้าบอกถึงความ “ไม่ต้องอธิบาย ฉันเข้าใจ”

เมโมโห บีบคอของพรตขึ้นมา “น้ำแข็งก้อนใหญ่ นายคงจะไม่มีแฟนหรอกใช่ไหม? เพราะอะไรรู้ไหม? ฉันว่านายเหมาะกับผู้ชายมากกว่า”

เสียดสีอย่างเต็มๆ ราวกับทำคืน

“ความหมายของประโยคนี้คือนายชอบฉันแล้วใช่ไหม?” พรตยกมุมปากขึ้น คำพูดของเมไม่ทำให้เขาสะทกสะท้าน

“ฉันชอบนายแล้ว นายจะขึ้นเตียงให้ความอบอุ่นแก่ฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?” เมหัวเราะ เขาไปใกล้หน้าพรต แต่หน้าของพรตยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่รู้สึกอะไร

นี่ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเขาไร้สาระกว่าเดิม

พรตเมื่อฟังประโยคนั้นแล้ว กลับยิ้มออกมา รอยยิ้มบางๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ข้างกายทาวัตนานไป จึงติดความเย็นชาจากตัวเขามา แม้กระทั่งรอยยิมก็เช่นกัน

แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ คนที่อยู่ข้างกายทาวัตไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ล้วนดูดีไปเสียทุกคน

“ได้สิ งั้นเดี๋ยวนายไปให้ความอบอุ่นบนเตียงกับฉันหน่อยนะ”

“…” เมไม่รู้จะพูดอะไร ในใจเขาคิดว่าพรตเป็นแบบนี้ไปแล้วจริงๆ

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ ประโยคนี้อาจเป็นเรื่องจริงขึ้นซักวัน

“สองคนนี้แปลกจริงๆเลย กลางวันแสกๆมาคุยเรื่องอะไรกัน คงไม่ได้เป็นพวกนั้นหรอกใช่ไหม”

ตอนนี้พว ผู้หญิงมากมาย มองพวกเขาด้วยสายตาสงสัย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์