หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 396

ตอนที่ 396 เขาไม่ควรมา

ประภาพยกศีรษะขึ้นฉับพลัน เผชิญหน้ากับคำกล่าวหาทุกถ้อยคำของวรินทร ราวกับเป็นแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังร่าง ทำให้เขาอยากจะหนีไป

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ใช้แรงจับผมตัวเอง หัวเราะเสียงต่ำออกมา เสียงหัวเราะมีความโศกเศร้าเหมือนกับลมหนาวพัดไปพื้นที่ราบที่ไม่มีหญ้าเติบโต

ใช่แล้วล่ะ เขาไม่ใช่เฟิร์นคนนั้นตั้งนานแล้ว ความเพียรพยายามทำให้ชยุตรู้ว่าเขาชำนาญด้านการแพทย์ เขาเลยกลายเป็นคนมืดมน เห็นแก่ตัว ทิ้งเรื่องในอดีตทั้งหมด

หากพูดถึงในตอนแรกก็เพื่ออิสระภาพและสามารถยืนต่อหน้าวรินทรได้อย่างเปิดเผย

หลังจากนั้นก็เพราะว่าอิจฉาและไม่ยินยอม เขารู้จักวรินทรช้ากว่าทัตเพียงสองปี ก็ได้ขาดคุณสมบัติในการได้ใจเธอไปแล้ว

เขานึกว่า ตอนอยู่ประเทศอังกฤษครั้งนั้นคือโอกาสของเขา แต่ว่าวรินทรก็ยังไม่ลืมทาวัต เธอมองกวินแล้วครุ่นคิดบ่อยครั้ง เหมือนมองผ่านกวินเป็นอีกคนหนึ่ง ประภาพแน่ใจมากว่าเธอกำลังคิดถึงทาวัต

บางทีเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเอง เพราะว่าความชอบของเธอซับซ้อนยุ่งยากมากเกินไป เพราะว่าเธออยู่รอบๆทาวัตมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

เขานึกว่า เพียงให้เธออยู่ประเทศอังกฤษเขาก็จะมีโอกาส แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังกลับไป

กลับไปอยู่ข้างกายทาวัต

เขาไม่ได้อาศัยอยู่กับเขาที่ประเทศอังกฤษ เพียงไม่อยากมองเห็นฉากที่ตัวเองไม่เต็มใจอยากเห็น เขาไม่ยินยอม อย่างโกรธเคืองและอิจฉาริษยา ทำไมทาวัตถึงได้ความชอบของเธอไป แม้จะผ่านมาห้าปี อะไรๆก็ยังเหมือนเดิม?

ทาวัตทำร้ายเธอขนาดนั้น เธอก็ยังชอบเขาอยู่ แต่ว่าเขานั้นยากที่จะยืนต่อหน้าเธออย่างเปิดเผย เธอกลับให้เขาเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

ประภาพไม่เคยยอมเลยสักนิด ไม่ยอมและอิจฉาจนกระทั่งอยากทำร้ายเขา ให้เขาทำเรื่องที่ไร้เหตุผลมากมายขึ้นมา

เขาเป็นแค่คนมีความรู้สึกเท่านั้น อะไรที่ตัวเองไม่ได้ คนอื่นก็อย่าคิดว่าจะได้ไป

คนที่รู้สึกแบบนี้ทำให้เขาลืมไปเลยว่า เขาควรจะปกป้องวรินทร ทำหน้าที่คุ้มครองเธอตลอดชีวิต ทุกครั้งที่เจอเธอ จะมีเสียงคำรามไม่ยั้งคิดที่ควบคุมไม่ได้ภายในใจ ทำให้เขาลงมือทำร้ายเธอ

และเขาก็ทำอย่างนั้นจริงๆ

ความรักของเขามันบิดเบี้ยวมาตั้งนานแล้ว

ถึงท้ายสุด เขาจะไม่มีทางอื่นที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ทำร้ายเธอ ให้ใจตนรู้สึกดีขึ้นมา

ครั้งหนึ่งเคยนึกว่าชอบใครสักคนอาจจะทำให้ชิน ใครจะรู้ว่าที่แท้การทำร้ายก็อาจจะเกิดความชินอยากให้ทำเพิ่มขึ้น

และตอนนี้วรินทรบอกเขาแล้ว เขาไม่ใช่พี่ชายคนเดิมตั้งนานแล้ว สายตาของพี่ชายคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์ แต่ว่าเขาเปรอะเปื้อนอย่างสมบูรณ์

“ฉันไม่อาจะปฏิเสธได้ว่านั่นคือนายทั้งหมด แต่ว่าในใจฉัน พี่ชายกับประภาพในตอนนี้ ไม่ใช่คนเดียวกันตลอดกาล” วรินทรมองเขาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเขาคลายสองมือจากผม ก้มมองตัวเองด้วยความว่างเปล่า

“ทำร้ายคุณ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้จริงๆว่าหลายปีมานี้ คนที่ทำร้ายคุณทุกครั้งก็คือผม” ดังนั้นตอนหันศีรษะกลับไปมอง ก็รู้สึกรับไม่ได้

“ผมมั่นใจว่าจะไม่ทำร้ายคุณ เพียงปกป้องคุณเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าการปกป้องของผมคือการทำร้ายตลอด”

“อย่าพูดเลย อะไรที่ผ่านไปก็ให้มันผ่านไปเถอะ ถึงวันนี้นายจะขอโทษฉันสักหมื่นรอบ ฉันก็ไม่อาจลืมมันลง บางทีนายในวันนี้ไม่ควรมาที่นี่” วรินทรเอ่ยเสียงแผ่ว สบสายตาเซื่องซึมของทาวัต จ้องมองเขาอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ

วันนี้เขาไม่ควรมาที่นี่ ถ้าหากไม่มาเธอก็ยังคงรู้สึกโชคดี และยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ ที่สุดท้ายเขาช่วยเธอและลูกในท้องได้

แต่การเปิดปากพูดเรื่องทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ คำว่าเพื่อน เกรงว่าจะเป็นต่อไปไม่ได้

ประภาพเงียบไปนานสักพัก ถึงลุกขึ้นยืน สุดท้ายมองเธออย่างลึกซึ้ง แล้วเดินออกประตูไปอย่างช้าๆ ตอนเดินไปที่ประตู เขาก็พลันหยุดแล้วหันศีรษะกลับมาถามเธอ “หลังจากนี้ไป เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม?”

เขาถามอย่างระมัดระวัง ในสายตาคู่ที่อ่อนโยนมาเสมอ ขอบตาแดงก่ำ สายตาที่มองเธอราวกับว่าเป็นความปรารถนาครั้งสุดท้าย

วรินทรใจอ่อน แต่ก็ยังให้ตัวเองใจแข็งสักนิด ใบหน้าเล็กเย็นชาเมินเฉย

ประภาพยิ้มเบาบาง รอยยิ้มมีความอ้างว้าง เธอพูดถูก เขาไม่ควรมาที่นี่ และไม่ควรจะพูดเรื่องพวกนี้เลย

แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อมองใบหน้าบอบบางซีดเซียวของเธอ ก็เป็นแบบนี้ บอกเธอไปทั้งหมด

ประตูปิดลงในที่สุด ตอนที่วรินทรหันศีรษะไปมอง ประตูก็ไม่มีคนแล้ว

เธอตบหมอนด้านหลังหนึ่งที แล้วเอนลงบนหมอน หันศีรษะไปมองสีสลัวยามค่ำคืนภายนอกหน้าต่างด้วยสายตาหม่นหมอง

เรื่องทั้งหมด จบลงเสียทีเถอะ

อากาศภายในห้องร้อนมาก หน้าต่างถูกปิดแน่น แต่วรินทรยังคงรู้สึกถึงลมหนาวน้อยๆที่อยู่บนร่างกาย ปลายนิ้วก็ค่อยๆเย็นขึ้น

นั่งไปสักพัก เธอมองดูนาฬิกา ตีสี่แล้ว ดังนั้นเลยมุดแขนเข้าไปในผ้าห่ม

ขณะนั้น เสียงประตูดัง ‘ปัง’ จากนั้นก็เปิดออก

วรินทรตกใจจนตัวโยน โหวกเหวกอะไรนักหนา ก่อนหน้านี้เป็นประภาพ คราวนี้เป็นใครอีก? ไม่อยากให้คนหลับคนนอนหรือไง?

ชอบมาเยี่ยมคนป่วยตอนดึกดื่นป่านนี้ได้อย่างไร

“วรินทร ยัยวรินทรของฉัน เธอเจ็บมากสินะ!” เงาร่างหนึ่งพรวดเข้ามาในห้อง ตอนที่เดินถึงตัววรินทรก็รีบกอดเธอไว้ “โอ้ พี่ชายต้องระวังสินะ พี่ชายเพิ่งกลับมายังไม่ทันเปลี่ยนชุดก็รีบมาหาเลย เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนไหมเนี่ย?”

พูดไปกอดวรินทรอย่างแน่นไปด้วย

โอ้ให้ตายเถอะ

สีหน้าวรินทรพลันเปลี่ยนไป ใบหน้าเล็กกลายเป็นซีดเซียวขึ้น อยู่ในอ้อมกอดของฐานทัต พูดอะไรไม่ออกเลย

เธอ......เธอจะสำลักตาย!

กวินเดินเข้ามาเห็นฐานทัตกำลังกอดคุณแม่ตนอย่างนั้น ขาป้อมสั้นวิ่งไปเตะขาเขา “ลุง! ลุงจะทำให้แม่สำลักตายอยู่แล้วนะครับ!”

ฐานทัตได้ยินแล้วก็ปล่อยวรินทรทันที มองวรินทรที่รีบสูดหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปอย่างต่อเนื่อง มองเธออย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะวรินทร พี่ตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ......”

วรินทรกรอกตาอย่างอารมณ์เสีย ตบเข้าที่อกตัวเอง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอากาศสดชื่นขนาดนี้

ฐานทัตได้รับสายตาดูหมิ่นจากวรินทร ก็ยิ้มอย่างอายๆ จากนั้นก็หันศีรษะไปมองกวิน กลับพบว่าหลานตนทำสีหน้าเหม็นเบื่ออยู่

“เจ้ากวิน เจอลุงแล้วไม่ดีใจหรอ ดึงหน้าทำไมน่ะ” ฐานทัตจิ้มใบหน้าเล็กกวินเบาๆ พลันรู้สึกดีชะมัด

กวินทำเสียงครวญคราง ตีอุ้งมือเขา คิดว่าคุณลุงงี่เง่าคนนี้เกือบจะทำว่าที่น้องสาวเขาบาดเจ็บ เขาก็กัดฟันกรอด!

“แม่กำลังอุ้มท้องน้องสาวตัวน้อยอยู่ครับ ลุงต้องอยู่ห่างแม่ผมนิดนึง” กวินเห็นว่าฐานทัตอยากจะนั่งลง ก็ขยับที่ให้ทันที นำเก้าอี้นุ่มแยกเขาจากวรินทรด้วยตัวเอง

ฐานทัตถูกเขาขยับแบบนี้ก็โกรธ กำลังจะโวยวายสองสามประโยค ก็พลันตัวแข็งทื่อ

“หลาน ที่หลานพูดเมื่อกี้ คือวรินทรเธอ เธอ......” ฐานทัตชี้ไปที่บริเวณท้องของวรินทร แล้วเปิดปากพูดอย่างอึ้งๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์