อ่านสรุป ตอนที่ 46 รอฉันก่อนเถอะ! จาก หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ โดย เมียวเมียว
บทที่ ตอนที่ 46 รอฉันก่อนเถอะ! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 46 รอฉันก่อนเถอะ!
ป้าฉายทำโจ๊กสุดพิเศษไว้ให้กับเธอ มันเป็นโจ๊กที่เคี่ยวกับเครื่องสมุนไพรอย่างดี ฝีมือการทำอาหารของป้าฉายดีมากเพราะแม้ว่า
โจ๊กจะใส่สมุนไพรอยู่ในนั้นแต่มันก็ไม่ขมเลยสักนิด หลังจากที่กินดื่มจนอิ่มหนำไปแล้วอารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้านี้ของวรินทรก็ดูจะดี
ขึ้นกว่าเดิมมาก ใบเหลือร่องรอยของความขมขื่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว ใบหน้าของหญิงสาวดูมีความสุขยามสัมผัสหน้าท้องที่อิ่มแปล้ของตัวเอง
สำหรับวรินทรแล้วการกินเป็นความสุขอย่างหนึ่งและยังเป็นสิ่งที่คนอื่นรู้สึกอิจฉาเธอด้วยที่จะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เธอจึง
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรักษารูปร่างหรือหน้าท้องเลยสักนิดแถมยังกินได้อย่างสบายอกสบายใจ
“คุณวรินทรคะ งั้นนิฉันคงต้องขอกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวช่วงเย็นจะแวะเข้ามาอีกครั้ง” ป้าฉายหยิบกระเป๋าก็เธอขึ้นมาก่อน
จะพูดกับวรินทรเตรียมตัวจะเดินออกไป
วรินทรรีบร้อนห้ามทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะป้าฉาย ฉันดีขึ้นมากแล้วจริงๆค่ะ”
ถ้าช่วงเย็นป้าฉายยังแวะเข้ามาอีกล่ะก็ไม่เท่ากับว่าเธอต้องทิ้งให้กวินต้องนอนอยู่บ้านคาร่าอีกคืนหนึ่งงั้นหรือ? แบบนี้มัน
จะร้ายเกินไปแล้ว อย่างไรก็ไม่ได้!
“แต่ว่าคุณชาย...”
“วางใจเถอะค่ะป้าฉาย ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด” วรินทรฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายดู ก่อนจะหยิบขวดยาที่อยู่ตรงหน้าเปิดออก
พร้อมหยิบยามากลืนให้เธอดู
ป้าฉายจึงได้ยอมวางใจกลับไปแต่โดยดี
เมื่อหญิงวัยกลางคนจากไปแล้วเธอก็รีบร้อนโทรศัพท์ให้คาร่าทันที เมื่อรู้ว่ากวินไปเรียนหนังสือแล้วทั้งเมื่อวานเขาก็ไม่ได้
น้อยใจหรือโกรธอะไรเธอหญิงสาวก็โล่งใจ ไหนๆวันนี้ช่วงบ่ายเธอก็ไม่มีอะไรทำแล้ว หญิงสาวก็ตัดสินใจว่าจะไปที่ที่หนึ่ง
วรินทรรวบรวมความกล้าที่มีก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องจากนั้นก็ลงไปข้างล่างเพื่อไปเรียกรถ
หญิงสาวเรียกรถแท็กซี่มาคันหนึ่ง เมื่อเธอขึ้นไปบนรถก็บอกที่หมายเรียบร้อยจากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป
วิลล่าของบ้านพูลสวัสดิ์
หลังจากผ่านช่วงวิกฤตเมื่อวันก่อนมาได้ยามนี้ใบหน้าของณัฐพาชาและวาดฝันก็ยังซีดเซียวอยู่มาก ได้ยินว่าทาวัตเป็นคน
สั่งการระงับการแพร่กระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องของวาดฝัน และเป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มตกอยู่ในความสนใจของพวกสื่อเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทาวัตทำเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งขนาดนี้ เดิมทีบ้านพูลสวัสดิ์ก็เกือบจะล้มละลายจนต้องระเห็จออกมานอนข้างถนนแล้ว ชยุตเองก็วิ่งวุ่นแก้ปัญหาราวกับคนบ้า
แต่สิ่งที่ทำให้คนนอกรู้สึกสงสารเห็นใจก็คือ แม้ว่าทาวัตจะเอื้อมมือมาช่วยเหลือบ้านพูลสวัสดิ์ก็จริงอยู่แต่ในวันถัดมาชาย
หนุ่มก็ยกเลิกสัญญาและปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือใดๆกับบ้านพูลสวัสดิ์อีกต่อไป ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทำไม แต่ถึงจะอยากรู้ก็ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามถึงความโหดเหี้ยมและเด็ดขาดของผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน
ผู้ชายคนนี้สามารถให้คำหวานแก่คุณในวินาทีหนึ่งจากนั้นเขาก็สามารถส่งคุณไปสู่นรกในวินาทีถัดไป
ณ นาทีนี้ใครจะกล้าให้ความร่วมมือหรือญาติดีกับบ้านพูลสวัสดิ์กันล่ะ แต่ก็ไม่มีใครมั่นใจว่าจู่ๆทาวัตอาจอารมณ์ดีหัน
กลับมาร่วมงานกลับบ้านพูลสวัสดิ์อีกก็เป็นได้?
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนทำให้ณัฐพิชาและวาดฝันต่างหวาดกลัวชยุตจนหัวหด ยิ่งมีเรื่องที่ทาวัตยกเลิกการให้ความ
ร่วมมือกับบ้านพูลสวัสดิ์ด้วยแล้ว รวมไปถึงเสียงนินทาเล่าต่อกันแบบสาดเสียเทเสียข้างนอกนั่นอีก แม้ว่าข่าวจะถูกระงับการ
เผยแพร่ไปแล้วแต่ปากคนมันไปได้เร็วกว่าด้วยซ้ำ ตอนนี้ทั้งณัฐพิชาและวาดฝันต่างก็ไม่กล้าออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว
จู่ๆข้างนอกก็มีเสียงปังดังขึ้นมาเหมือนถูกกระแทกอย่างแรงทำให้สองแม่ลูกที่เอนหลังพิงโซฟามาส์กหน้าอยู่ถึงกับผงกหัว
มองไปยังต้นเสียงจากนั้นก็สั่งให้คนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหลายวันก่อนวาดฝนอารมณ์ร้ายถึงขนาดไล่สาวใช้ออกไปหลายคน
“อย่าเรียกคนเลย ไปดูเองเถอะว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น” เพื่อไม่ให้สาวใช้ชุดสุดท้ายที่เหลืออยู่ถูกวาดฝันไล่ตะเพิดไปอีก
ณัฐพิชาตัดสินใจที่จะลากตัวลูกสาวออกไปดูด้วยกัน
“มีอะไรน่าดูกันล่ะคะ หนูไม่ไป” วาดฝันยังคงมาส์กหน้าต่อไปไม่คิดสนใจ หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าตราบใดที่ข่าวลือพวก
นี้ยังไม่ผ่านพ้นไปเธอก็จะไม่ยอมออกจากบ้านเด็ดขาด
วรินทรนั่งอยู่ตรงนั้นและมองสิ่งรอบๆอย่างสงบผ่อนคลาย มือของเธอเปื้อนสิ่งสกปรกบางอย่างหญิงสาวจึงล้างมันออก
ด้วยน้ำชาที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ ร่างของณัฐพิชาคุกเข่าอยู่บนพื้นดินสกปรก เธอพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้ตั้งใจจะหาเรื่องวรินทรแต่ถูกอีกฝ่ายตอบโต้กลับ
“ใครให้เธอเข้ามาที่นี่ไม่ทราบ? นังสารเลว ไสหัวออกไปให้พ้น! ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ!” ในเมื่อร่างกายของเธอขยับลุก
ขึ้นมาจากพื้นไม่ได้ ปากของเธอจึงทำหน้าที่ขยับแทน
“เดิมทีที่นี่ก็เป็นบ้านฉันเหมือนกันนี่คะ ทำไมฉันจะมาที่นี่ไม่ได้?” วรินทรนำกระดาษออกมาแล้วเช็ดคราบน้ำที่มือของ
ตัวเองจนแห้ง ดวงตากลมโตมองเยาะเย้ยหญิงวัยกลางคนที่นั่งหน้าซีดคุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยังไม่สามารถยืนขึ้นได้อยู่ดี
ขาของณัฐพิชาเริ่มหมดแรงแล้วตอนนี้ใบหน้าของเธอเริ่มกลายเป็นสีม่วงด้วยความโกรธถึงขีดสุด
วาดฝันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินในโคลนและดินเปียกชื้นที่อยู่ตรงหน้าโดยสวมใส่เพียงรองเท้าแตะซึ่ง
ตอนนี้สภาพเละเทะจนมองสภาพก่อนหน้าไม่ออก วาดฝันโมโหจนอยากจะผลักร่างของวรินทรให้ตกสระว่ายน้ำไป แต่ในยามที่เธอย่ำอยู่บนพื้นโคลนแบบนี้ทำให้เธออยากเข้าไปก็ไม่ได้ถอยออกมาก็ทำไม่ได้เช่นกัน
“กรี้ด! ยายวรินทร! รอฉันก่อนเถอะ!” วาดฝันกรีดร้องออกมาเสียงดังจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด วาดฝันอยากถอด
รองเท้าของตัวเองออกและเดินด้วยเท้าเปล่าแทนแต่เธอก็ไม่อยากให้เท้าของตัวเองต้องสกปรก
“ดีนี่ ฉันก็กำลังรอเธออยู่ไม่ใช่หรือไง เธอก็รีบๆมาได้แล้ว ฉันรอจนขี้เกียจรอแล้วนะ” วรินทรกวักมือเรียกอย่างสบายๆทำ
เอาคนมองถึงกับโมโหจนแทบกระอักเลือดตาย ยิ่งไปกว่านั้นวรินทรยังหยิบแก้วน้ำชาที่ตัวเองรู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่ขึ้นมาก่อนจะคลี่นิ้วออกช้าๆจนแก้วใบนั้นตกลงไปในสระน้ำแต่มันกลับกระแทกเข้าที่ขอบสระจนแตก
“กรี้ด! ถ้วยชาของฉัน!” วาดฝันกรีดร้องอย่างเจ็บปวด นี่มันเซ็ตถ้วยชาที่เธอหิ้วกลับมาจากต่างประเทศเลยนะ ทั้งเมืองA มีแค่สามชุดเท่านั้น เธออุตส่าห์เก็บรักษามันอย่างดีมาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันกลับแตกแล้ว ตอนนี้หัวใจเธอคล้ายกับว่าแตกไปตามถ้วยชาใบนั้นแล้วด้วยซ้ำ!
ใบหน้าของวรินทรค่อยๆผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา หญิงสาวยืนขึ้นก่อนจะจัดการโยนเก้าอี้ที่เธอนั่งเมื่อครู่ลงบนพื้นจนเก้าอี้
หักเป็นสองส่วน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะวรินทร! นั่นเป็นของที่ฉันสั่งทำมาโดยเฉพาะเลยนะ!” วาดฝันโกรธจนร่างกายสั่นเทิ้มไปหมด เธอเดินมาถึง
พุ่มดอกไม้ที่อยู่ใจกลางพื้นโคลนแล้ว เมื่อมองเห็นเก้าอี้ที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษถูกวรินทรทำลายใบหน้าของเธอก็วีดจนไร้สีเลือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...