หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 47

ตอนที่ 47 ผู้ชายของเธอ?

“พอ? จะให้พอได้อย่างไรกัน?” วรินทรยิ้มเยาะเหมือนนางร้าย จากนั้นก็เตะโต๊ะที่วาดฝันสั่งทำเป็นพิเศษให้กลิ้งไปในกองโคลนอีกสองสามตลบจนเป็นรอยเต็มไปหมด

วาดฝันฮึดฮัด หญิงสาวก้าวเท้าไปทางวรินทรอย่างรวดเร็วโดนไม่สนว่าพื้นโคลนจะทำให้เท้าเธอสกปรกไปแค่ไหนอีกแล้ว

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เป้าหมายเดียวของเธอคือทำร้ายร่างกายของวรินทรให้ได้

วรินทรยังรู้สึกไม่สาแก่ใจเท่าไหร่ เธอยังโยนข้าวของอีกสองสามอย่างลงไปในสระว่ายน้ำ ทั้งยังหยิบข้าวของบางชิ้นที่เลอะ

โคลนและซากดอกไม้ที่อยู่แถวนั้นโยนตามลงไปอีก ยิ่งดูสภาพสระว่ายน้ำตอนนี้ก็ยิ่งสกปรกน่าขยะแขยง

“เธอลองโยนของลงไปอีกสิ! ดูสิว่าพ่อเธอกลับมาเขาจะจัดการอย่างไรเธอบ้าง!” ดวงตาของณัฐพิชาที่จ้องไปที่วรินทรเต็ม

ไปด้วยความแค้น ตอนนี้เธอเกลียดอีกฝ่ายจนอยากเข้าไปตบหน้าสวยๆนั่นให้เสียโฉมเสียเลย

วรินทรเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะนั่งยองๆมองหน้าหญิงวัยกลางคนตรงหน้า หญิงสาวหยิบสร้อยคอที่

สวยงามและมีมูลค่าที่อีกฝ่ายใส่ขึ้นมาพิจารณาครู่หนึ่งจากนั้นก็กระชากออกมาอย่างแรง “ของที่ไม่ใช่ของของตัวเองเวลาใส่ไม่รู้สึกว่ามันไม่สบายบ้างหรือไงกัน?”

ใบหน้าของณัฐพิชาซีดเผือด เธอคิดว่าวรินทรต้องรู้อย่างแน่นอนว่าสร้อยคอเส้นนี้เคยเป็นของทมยันตีมาก่อน

“ฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไร” ณัฐพิชาถึงกับหน้าเสีย หัวใจเธอเต้นตึกตักไปหมด

“แค่นี้ก็ฟังไม่เข้าใจงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า วาดฝัน แม่ของเธอดูเหมือนว่าจะเป็นอัลไซเมอร์เสียแล้วสิ ทำไมถึงจะปล่อยให้ออกมา

เดินเพ่นพ่านแบบนี้ล่ะ เธอไม่ยอมรักษาโรคของตัวเองก็แล้วไปสิแต่นี่โรคของแม่เธอเธอยังไม่ใส่ใจอีกหรือนี่?” วรินทรหันหน้าไปพูดกับวาดฝันก่อนจะตีสีหน้าสงสารอีกฝ่ายจับใจ ยิ่งทำให้สองแม่ลูกโมโหจนหน้ามืดตามัวไปหมด

“นังสารเลว! เธอต่างหากที่เป็นโรคอัลไซเมอร์!” ณัฐพิชาโกรธจนแทบจะกระอักเลือด ใบหน้าของเธอดูเหมือนว่าจะแก่ลง

ไปอีกหลายปีเลยทีเดียว

“วรินทร เธออย่าได้ใจไปหน่อยเลย เธอคิดจริงๆหรือว่าทาวัตเขาเป็นของเธอน่ะ คอยดูไปสิว่าต่อไปใครจะได้เป็นคุณนาย

บ้านธัมรุจินันท์ของเขา!” วาดฝันเชิดคางขึ้นราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ

“คุณนายบ้านธัมรุจินันท์? พูดจาน่าขำอะไรอยู่น่ะ? ถ้าคนอย่างเธอเป็นคุณนายบ้านธัมรุจินันท์ได้จริงๆ ฉันก็คงเป็นไปแล้ว

ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันกลับมาแล้วเธอคิดว่าคนอย่างเธอเอาปัญญาที่ไหนไปเป็นไม่ทราบ?” จริงๆแล้วประโยคสุดท้ายเธอไม่ได้คิดอยากกลับมาที่นี่จริงๆหรอกนะ เธอแค่อยากจะยั่วโมโหคนอย่างวาดฝันก็เท่านั้น

วาดฝันเผยยิ้มออกมาขณะที่เธอสาวเท้าเข้ามาใกล้วรินทรมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้สองเท้าของเธอจะเลอะสกปรกมากแค่ไหน

แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังคงอยู่ “เธอคงไม่รู้สินะว่าตลอดห้าปีที่เธอไม่อยู่น่ะ พี่ทาวัตเขากลายเป็นคนของฉันไปแล้วล่ะนะ เธอเองก็อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลยวรินทร”

“หมายความว่ายังไงกันแน่” วรินทรเลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่ริมฝีปากอิ่มก็สั่นน้อยๆรวมถึงหัวใจของเธอด้วย

“หมายความว่ายังไง? ก็หมายความว่าพี่ทาวัตเขาเป็นผู้ขายของฉัน เขาทนความเหงาและโดดเดี่ยวไม่ไหวเลยต้องมาหา

ฉันน่ะสิเพื่อ...” วาดฝันพูดมาถึงตรงนี้ก็แกล้งทำหน้าเขินอาย เธอจงใจไม่พูดอะไรต่อเพื่อให้วรินทรคิดมาก

ใบหน้าของวรินทรแข็งค้าง เธอพยายามกวาดสายตามองหาสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของวาดฝันแต่ทว่านอกจากความภูคิใจ

ที่ฉายชัดบนสีหน้าอีกฝ่ายแล้วเธอก็ไม่พบอะไรอีก ราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดออกมาล้วนเป็นความจริง

ไม่สิ บางทีนี่อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้

“ทำไมล่ะ พูดอะไรไม่ออกเลยสินะ พอเธอรู้ว่าพี่ทาวัตกลายเป็นคนของฉันแล้วก็ปวดใจขึ้นมาสินะ? เธอคิดว่าเขาจะจริงจัง

กับผู้หญิงอย่างเธอขนาดนั้นเลยหรือไงวรินทร? ผู้หญิงสวยมีมากมายถมเถ เธอคิดว่าเขาจะยอมหยุดอยู่แค่กับผู้หญิงอย่างเธอหรือไงกัน?” วาดฝันเลียริมฝีปากน้อยๆก่อนจะมองดูวรินทรด้วยสายตาดูหมิ่นเหยียดหยาม

วรินทรรู้สึกราวกับถูกอีกฝ่ายเหยียบหน้า อะไรที่ควรเป็นของเธอจะให้คนอื่นแย่งไปได้อย่างไรกัน อย่างไรก็ยอมไม่ได้

“คนของเธองั้นหรือ? เธออย่าวางตัวเองไว้สูงนักเลยวาดฝัน ทาวัตเขาไม่เคยบอกด้วยซ้ำว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาแล้วทำไม

เธอถึงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายของเธอกันล่ะ?” แม้ว่าในใจของเธอจะเสียใจแค่ไหนแต่เธอก็จะไม่ยอมให้วาดฝันมาพูดจาแบบนี้กับเธอเด็ดขาด ตอนให้คืนนั้นมีอะไรกันจริงเธอก็คิดว่าทาวัตคงทิ้งเธอไปในเช้าวันถัดมาแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์