หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 1

บทที่ 1 น้องสาวข้า ใครอย่าแตะ (ต้น)

ที่เมืองเยี่ย ศาลเจ้าบรรพชนตระกูลเยี่ย

“เหล่าบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้วกำลังเฝ้ามองดูเราอยู่ เยี่ยฉวนมันเป็นคนไม่มีทั้งความสามารถและไร้คุณธรรม จากนี้เป็นต้นไปเยี่ยฉวนจะถูกปลดออก และเยี่ยหลางจะถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้สืบทอดแห่งผู้นำตระกูลเยี่ยคนต่อไปแทน”

ชายชราในชุดคลุมสีดำกล่าวขึ้น

ไม่ไกลกันนัก ด้านหลังชายชราเป็นวัยรุ่นที่ยืนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาคนนั้นคือเยี่ยหลาง

ทั้งสองฟากฝั่ง ล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสตระกูลเยี่ย

“ทำไมกันเจ้าคะ !?”

จู่ ๆ ก็มีเสียงสั่นเครือดังขึ้นภายในศาลเจ้า เมื่อหันไปมองทางเจ้าของเสียงนั้น ทุกคนก็ได้เห็นเข้ากับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เด็กผู้หญิงคนนี้อายุประมาณสิบสองหรือสิบสามเห็นจะได้ มือเล็ก ๆ ของนางทั้งสองข้างจับที่มุมชายกระโปรงแน่น ใบหน้าสีขาวซีดเล็กน้อยอย่างน่าสงสาร เด็กสาวดูเปราะบางและแววตาคู่เล็กก็ถึงแสดงร่องรอยของความกังวลใจออกมา

เด็กสาวผู้นี้มีนามว่าเยี่ยหลิง นางเป็นน้องสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับเยี่ยฉวน หลังจากที่ได้ยินว่าตระกูลเยี่ยคิดจะขับไล่ผู้เป็นพี่ชายของตนออกไป เยี่ยหลิงจึงรีบรุดหน้ามาที่นี่โดยไม่คำนึงถึงความเจ็บป่วยของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

ชายชราในชุดคลุมสีดำขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เยี่ยหลิง เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ !”

เด็กสาวนามเยี่ยหลิงค้อมกายแสดงความเคารพเล็กน้อยให้กับทุกคนในศาลเจ้าก่อนจะกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ท่านพี่ของข้าเยี่ยฉวน เป็นผู้สืบทอดของตระกูลเรามานานนับปี จู่ ๆ พวกท่านต้องการปลดเขาออกจากตำแหน่งเพราะเหตุใด ?”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเหลียวมองเยี่ยหลิงอย่างเย็นชา “นี่เป็นเรื่องภายในตระกูล เจ้าจะเข้ามาขัดทำไม ? กลับไปเสีย !”

เยี่ยหลิงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นางไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตากับผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย แต่นางก็ไม่ยอมจากไป เด็กสาวรวบรวมความกล้าทั้งหมดและก้าวเข้าไปข้างในศาลเจ้า นางหมอบกายลงทำความเคารพเหล่าผู้อาวุโสทั้งสองด้านอีกครั้งก่อนจะกล่าว

“ท่านผู้อาวุโส บัดนี้ท่านพี่ของข้ากำลังแย่งชิงสิทธิ์ในการขุดเหมืองหนานซานกับตระกูลหลีอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อตระกูล เพื่อให้ความเป็นอยู่ของพวกเราดีขึ้น หากพวกท่านคิดจะปลดเขาจากตำแหน่งผู้สืบทอดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าคิดว่ามันช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย”

“เจ้า… เจ้ากล้าดียังไง !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเริ่มโกรธจัด “พวกข้าจะขับไล่เยี่ยฉวนหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมีสิทธิ์ออกความเห็น ใครก็ได้มาลากตัวนางออกไป !”

เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้สืบทอดคนใหม่ของตระกูลเยี่ยพลันยกยิ้มขึ้นก่อนกล่าว “นางควรถูกโบยสามสิบไม้เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ได้ยินจึงสั่งการอย่างเย็นชา “โบยนางสามสิบไม้ !”

เพียงครู่เดียว ข้ารับใช้สองคนพลันปราดเข้ามาจับตัวเยี่ยหลิงไว้

เยี่ยหลิงกำมือแน่นและพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ท่านพี่ของข้าต้องออกไปเผชิญความยากลำบากมากมายเพื่อตระกูลมานานหลายปี กระทั่งตอนนี้ที่พวกท่านเสวยสุขกันอยู่ ท่านพี่ก็ยังต่อสู้เพื่อตระกูลอย่างยากลำบาก แต่พวกท่านกลับ…”

ข้ารับใช้คนหนึ่งมองไปที่ผู้สืบทอดคนใหม่ของตระกูลอย่างเยี่ยหลาง เขารู้ทันทีว่าโอกาสอยู่ที่นี่แล้วจึงยิ้มอย่างเย็นชา

“การขึ้นเป็นผู้สืบทอดของท่านเยี่ยหลางได้รับการยอมรับแล้ว” เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงยกมือขึ้นและฟาดลงไปบนหน้าของเด็กสาว

เพี๊ยะ !

เมื่อเสียงตบดังขึ้น แก้มขวาของเยี่ยหลิงกลายเป็นสีแดงบวมทันที เยี่ยหลิงไม่ได้ร้องไห้ เพียงแต่ยกมือขึ้นแนบแก้มข้างที่โดนตบอย่างน่าเวทนาก็เท่านั้น

เยี่ยหลางมองไปที่ข้ารับใช้คนนั้นพลางยิ้มและเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร ?”

เขาค้อมกายทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ข้าชื่อจางมู่ขอรับ”

เยี่ยหลางพยักหน้า “เจ้าทำดีมาก เอาไว้ข้าได้กลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยแล้วเมื่อไหร่ ข้าต้องการบ่าวรับใช้คนสนิทเอาไว้ใช้สอยสักสิบคน ข้าจะให้เจ้าเป็นหนึ่งในนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้จางมู่ก็ดีใจมากรีบก้มลงทำความเคารพทันที “ข้าน้อยยินยอมทำทุกอย่างเพื่อนายท่าน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น ขอแค่นายท่านเยี่ยหลางได้โปรดเมตตา !”

เยี่ยหลางพยักหน้าเล็กน้อย “พาตัวออกไป นางคนนี้กล้าแทรกการหารือของเหล่าผู้อาวุโส นับว่าเสียมารยาทนักดังนั้นไม่ต้องยั้งมือ เข้าใจใช่หรือไม่ ?”

จางมู่มองไปที่เยี่ยหลางผู้มีเจตนาสังหารฉายชัดในแววตาก็เข้าใจ ดังนั้นเมื่อคว้าเส้นผมของเยี่ยหลิงได้ เขาก็กระชากตัวนางออกไปอย่างแรงทันที

ทันใดนั้นจางมู่ก็จำต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง

ข้างในศาลบรรพชน คนอื่น ๆ ล้วนหันหน้ามองตามสายตาของจางมู่ออกไปข้างนอก ห่างออกไปไม่ไกลนัก ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เขาสวมเสื้อคลุมยาวมีรอยขาดเป็นทางเผยให้เห็นเนื้อหนังและบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ทุกหนแห่ง

ผู้มาใหม่นั่นคือเยี่ยฉวนผู้ซึ่งรีบรุดหน้ากลับมาจากหนานซานนั่นเอง !

ทันทีที่เห็นเยี่ยฉวน รอยยิ้มเย็นพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเยี่ยหลาง ส่วนบรรดาผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยต่างขมวดคิ้วมุ่น

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าทะมึนของเขาดูน่ากลัว ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

พอเข้ามาใกล้ในระยะประชิด เยี่ยฉวนซึ่งเห็นเยี่ยหลิงถูกจางมู่กระชากปอยผมอยู่คามือ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นโกรธจัด “ใครมันอนุญาตให้คนอย่างเจ้าแตะต้องน้องสาวข้า ?”

เมื่อจางมู่เห็นเยี่ยฉวนก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที เขามองไปที่เยี่ยหลางอย่างรวดเร็วเพื่อจะขอความเห็น แต่วินาทีนี้เยี่ยฉวนกำลังโกรธจัด เขาจึงทะยานไปยืนอยู่หน้าด้วยความรวดเร็วปานเสือ และก่อนที่จางมู่จะทันได้ตั้งตัว เขาก็ถูกเยี่ยฉวนซัดกำปั้นเข้าให้ที่หน้าเรียบร้อยแล้ว

เปรี้ยง !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์