หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 100

สรุปบท ตอนที่ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย): หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

ตอน ตอนที่ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย) จาก หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย)

เมื่อเห็นเยี่ยฉวนหยุด คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ที่สะกดรอยตามมาก็ค่อย ๆ หยุดทีละคน

ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนเหล่านั้น “จะสู้กันแบบตัวต่อตัว ?”

“ตัวต่อตัว ?”

ทุกคนตกตะลึง “นี่เขาแสร้งทำเป็นตรงไปตรงมาหรืออย่างไรกัน ?”

ในเวลานี้ ศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ก็ได้ยืดตัวตรงและเดินเข้าไปหาเยี่ยฉวนอย่างช้า ๆ ก่อนจะตะคอกออกมา “เยี่ยฉวน เจ้าได้สังหารศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ซึ่งเป็นสหายของพวกเรา ในวันนี้พวกข้า…”

ในเวลาเดียวกันนั้น เยี่ยฉวนพลันหายลับเข้าไปท่ามกลางหมู่ควันสีน้ำเงิน

เปรี้ยง !

ไม่นานนัก ชายคนนั้นยังไม่ทันพูดจบดี จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งบินตรงเข้ามาที่พวกเขาโดยอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 3 จั้ง !

“เยี่ยฉวน ต้องเป็นเขาที่เข้าโจมตีแล้วแน่ ๆ!”

เมื่อเห็นฉากนี้ คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่พลันแตกฮือทันที

“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเรอะ ?”

ศิษย์เหล่านั้นต่างแลกเปลี่ยนสายตามองกันไปมา พวกเขากำลังตั้งใจที่จะโจมตีเยี่ยฉวนพร้อม ๆ กัน เมื่อมาถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนก็กล่าวขึ้น “พวกเจ้ามีกันตั้งหลายคน ไยจึงไม่โจมตีเข้ามาพร้อมกันเลยเล่า ? อย่างไรเสีย คนของสำนักฉางมู่ก็ไร้ยางอายอยู่แล้วนี่ จะมัวรอช้าอยู่ไย พวกเจ้าเข้ามาเลย !”

เมื่อได้ยินคำสบประมาทดังนั้น คณะลูกศิษย์จากสำนักฉางมู่ก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด

จะให้หมาหมู่อย่างนั้นหรือ ?

ทีแรกพวกเขาก็อยากที่จะทำสิ่งนี้ด้วยกันอยู่หรอกนะ แต่หลังจากที่ได้ยินเยี่ยฉวนแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นอีก เพราะขณะนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ หากข่าวลือที่พวกเขารุมจัดการเยี่ยฉวนแพร่ออกไป ย่อมไม่เป็นที่ภาคภูมิใจแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะได้ก็ตาม !

เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว เยี่ยฉวนจึงชี้ไปที่พวกเขา “พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้นแหละ !”

เยี่ยฉวนกลับหลังหันและเดินจากไป

คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ที่ยืนอยู่เบื้องหลังนั้นสีหน้ายังดูน่าเกลียดไม่ต่างจากเดิม แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือ

พวกเขาไม่ได้โง่ ด้วยถ้าหากวัดจากฝีมือของเยี่ยฉวนตอนนี้ คงไม่มีใครในพวกเขาเทียบเคียงได้ ถึงแม้ ว่ายืนกรานที่จะสู้ต่อไป คงไม่พ้นเป็นพวกเขาเองที่ต้องอับอายทั้งนั้น ในระยะสั้น ตอนนี้พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่ามีเพียงศิษย์ฝ่ายในของสำนักศึกษาฉางมู่เท่านั้นที่จะต่อกรกับเยี่ยฉวนได้ !

ดังนั้นภายใต้สายตาที่จับจ้องอยู่ของคณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ เยี่ยฉวนก็ได้หายตัวไปในตอนท้ายของเส้นทาง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเยี่ยฉวนก็ได้ขึ้นเรือเหาะ คราวนี้เขาพักอาศัยอยู่ที่ห้องชั้นบน แน่นอนว่าเป็นเพราะแผ่นป้ายสีม่วงที่เคยได้รับมา ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงสามารถเข้าพักที่ห้องชั้นบนได้ฟรีโดยไม่มีค่า ใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม แน่นอนว่าเยี่ยฉวนไม่มีทางปฏิเสธสิทธิประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะ ทิ้งสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ไป !

เมื่อเรือเหาะแล่นออกฐาน เยี่ยฉวนก็เดินมายังที่ดาดฟ้าเรือ

“เป็นเจ้านั่นเอง !”

ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็พลันดังเข้ามาในหูของเยี่ยฉวน

โม่สุ่ยชิงกระพือแพขนตางอนยาวของนางเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเข้าศึกษาที่สำนักฉางหลานแล้ว หรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ

“ยินดีด้วย !” โม่สุ่ยชิงหัวเราะ รอยยิ้มของนางสว่างสดใส ทว่าคำพูดคำจานั้นกลับฟังรุนแรงไปหน่อย

ทว่าเยี่ยฉวนกลับเพียงพยักหน้าและเงียบไป เพราะเขาไม่ต้องการต่อบทสนทนาอีก จากนั้นจึงได้กลับ หลังหันและเดินไปอีกด้าน

โม่สุ่ยชิงไม่คิดที่จะหยุดเพียงเท่านี้ นางเดินตามเขาไปตรงนั้นตรงนี้และพูดต่อทันที “ต้องรอให้เวลาล่วงพ้นเป็นปีไปแล้วโน่น ถึงจะสามารถจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่สูสีระหว่างสำนักศึกษาฉางมู่และฉางหลานได้”

เยี่ยฉวนยังคงไม่ตอบโต้

โม่สุ่ยชิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ข้าจะไปที่นั่นเพื่อชมการแข่งขันแน่นอน”

เยี่ยฉวนมองโม่สุ่ยชิง จากนั้นก็เดินหนีไปยังอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ใบหน้าของโม่สุ่ยชิงก็เริ่มหม่นลง ดูเหมือนว่านางกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงได้ ปรายตาไปหาผู้ชายคนข้าง ๆ และคลี่ยิ้มออกมา “พี่ชายมู่ ท่านเห็นไหมว่าเขาเกลียดข้าแล้ว !”

ชายคนนั้นมองไปที่เยี่ยฉวนและมองกลับมาที่โม่สุ่ยชิงโดยไม่ได้กล่าวอะไร เขาไม่โง่ จึงย่อมดูออกโดยธรรมชาติว่าสตรีคนข้าง ๆ นางนี้ต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือ !

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนก็หันกลับไปจ้องโม่สุ่ยชิง “นี่ยังแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่าข้าขยะแขยงเจ้ามากเพียงใดอีกรึ ? แล้วนี่เจ้าจะช่วยหยุดป้วนเปี้ยนวนไปวนมาใกล้ ๆ ข้าสักทีได้หรือไม่ ? หากยังขืนเข้ามาใกล้กว่านี้ ข้าเกรงว่าจะยับยั้งตัวเองไม่ได้และพลั้งมือต่อยเจ้าจนตายเข้าจริง ๆ”

โม่สุ่ยชิงอับจนคำพูด “…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์