หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 99

สรุปบท ตอนที่ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น): หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

อ่านสรุป ตอนที่ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น) จาก หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น)

เยี่ยฉวนสับสนไปหมด !

“ใครตีข้า ?”

เขากระโดดขึ้นฟ้าพลางควงกระบี่หลิงเซี่ยวและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง อย่างไรก็ดี ชายหนุ่ม ไม่พบอะไรทั้งนั้น

เขาถอนสายตากลับมาและมองไปที่กระบี่หลิงเซี่ยว จากร่องรอยบนกระบี่หลิงเซี่ยว เยี่ยฉวนสังเกตเห็นรอยอุ้งเท้าเล็ก ๆ อยู่ตรงใบหน้าด้านขวา ทันทีที่เห็นมัน ใบหน้าของเขาก็จมดิ่งลงไป !

เขาจำรอยเท้านี้ได้ !

มันเหมือนกับรอยอุ้งเท้าบนกระดาษที่ลอยออกมาจากชั้นที่สองของหอคอยเรือนจำ !

“มันสามารถออกมาได้หรือไม่ ?”

เมื่อคิดได้ดังนี้ เยี่ยฉวนก็เหงื่อแตกพลั่ก ถึงกับรีบร้อนตรงดิ่งกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำทันที อย่างไร เสีย ตอนนี้หอคอยก็ยังดูสงบนิ่งไม่ไหวติง ! ส่วนชั้นบนนั้นก็เงียบสนิท !

เยี่ยฉวนมองไปที่ทางขั้นชั้นสองของหอคอยด้วยสีหน้าแปลก ๆ

เยี่ยฉวนมั่นใจ คนที่ตีเขาเมื่อครู่ต้องเป็นคนที่อยู่ในชั้นสองแน่ ๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ !

“แล้วถ้าเป็นการดวลแบบตัวต่อตัวเล่า ? ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือไร ?”

“ข้าไม่กล้าทำให้มันขุ่นเคืองหรอก ! ยังไงก็ทำไม่ได้จริง ๆ!”

เยี่ยฉวนสัมผัสใบหน้าด้านขวาที่ปวดแสบปวดร้อนของตัวเอง จากนั้นจึงได้หมุนตัวเดินออกจากหอคอยไป

เที่ยงวัน

ภายในห้องโถงฉางหลาน ทุกคนนั่งรอบโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีจานเนื้อสัตว์และผักมากกว่าครึ่งที่ส่งกลิ่น หอมหวลชวนหิว

น่าแปลกที่จี้อันซื่อไม่แม้แต่จะขยับตะเกียบ นางลิ้มรสอาหารในจานเหล่านั้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะให้ ความสนใจกับภาพที่ถืออยู่ในมือมากกว่า ทุกคนล้วนชินกับกริยาเช่นนี้

หนนี้ชายชราจี้กล่าวอย่างกะทันหันว่า “ได้เวลาออกเดินทางหลังจากอาหารมื้อนี้แล้ว !”

“จะไปแล้วหรือ ?”

เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์จี้ “พวกท่านจะไปที่ชายแดนภูเขาด้วยหรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่จี๋ส่ายศีรษะ “ข้าจะพาเจ้าพวกนี้ไปฝึกที่อื่น”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังโม่อวิ๋นฉีและไปเจ๋อ “รักษาตัวด้วย !”

ไปเจ๋อพยักหน้า “เจ้าก็เช่นกัน !”

โม่อวิ๋นฉีเหยียดยิ้ม “เจอกันครั้งหน้า ค่อยเอาผลการฝึกของพวกเรามาเปรียบเทียบดูกันเถอะ”

เยี่ยฉวนคลี่ยิ้ม ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก เยี่ยหลิงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อหลังได้ยินดังนั้นก็พลันพูดเบา ๆ ส่ง เสียงขึ้นมาว่า “พวกท่านเอาชนะท่านพี่ของข้าไม่ได้หรอก !”

โม่อวิ๋นฉีกลอกตา “ถูกแล้ว ท่านพี่ของเจ้าน่ะดีที่สุดเลย !”

บัดนี้เขารู้แล้วว่าในสถานสำนักศึกษาแห่งนี้ คนสุดท้ายที่เขาจะสามารถทำให้ขุ่นข้องหมองใจได้คงเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กระมัง นางนั่งอยู่ในใจของทุกคน นอกจากปรุงอาหารแล้ว นางยังสามารถไปซื้อสุราให้กับอาจารยใหญ่จี้ และหาของกินไว้สำรองตอนเที่ยงคืนสำหรับจี้อันซื่อได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางไม่เคยรังเกียจที่จะช่วยพวกเขาซักเสื้อผ้า อย่างไรก็ดี ไปเจ๋อชื่นชอบเยี่ยหลิงมาก ! หากเขากล้าทำให้นางขุ่นเคืองแม้ แต่น้อย นั่นก็เท่ากับว่าเขาทำให้ทุกคนขุ่นเคืองไปด้วย

เยี่ยหลิงยิ้มหวานก่อนจะใส่เนื้อติดมันลงในชามของเยี่ยฉวน “ท่านพี่ ท่านต้องกินนี่สิเจ้าคะ !”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเยี่ยหลิงอย่างแผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ

โม่อวิ๋นฉีส่ายหน้าทันทีและได้แต่ถอนหายใจ “โธ่เอ๊ย ทำไมนางไม่ใช่น้องสาวของข้ากันนะ !”

ทุกคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเยี่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “คอยข้ากลับมาล่ะ !”

หลังจากนั้นเขาก็สะพายกระเป๋าขึ้นบ่าและเริ่มออกเดินทางไกล

แม้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะต้องอยู่ห่างจากน้องสาว แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่เฉย ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ควรมีลักษณะ มองไปข้างหน้า เมื่อมีบางสิ่งที่จำเป็นต้องลงมือทำ ก็จงทำเสีย ดีกว่าผัดวันประกันพรุ่งจนติดนิสัยเสียกลายเป็นดินพอกหางหมู !

ในสายตาของเยี่ยหลิง แผ่นหลังของเยี่ยฉวนค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ

เยี่ยหลิงไม่ร้องไห้ นางยังคงเฝ้ามองอย่างไม่ละสายตาแม้ว่าร่างของเยี่ยฉวนจะหายไปอย่างสมบูรณ์ในระยะไกลที่สุดแล้วก็ตาม

หลังจากนั้นไม่นานนางก็หันกลับมา ก่อนจะเดินไปที่ด้านข้างของจี้อันซื่อก่อนจะจับมือแน่น “พี่จี้ พวก เราไปกันเถอะ !”

จี้อันซื่อเหลือบมองเยี่ยหลิง “เจ้าไม่ต้องกังวลนะ”

เยี่ยหลิงยิ้มกว้าง “ท่านพี่บอกว่าให้ข้ารอ หากท่านพี่สัญญาแล้วอย่างไรก็ต้องกลับมาแน่ ! แล้วจากนั้นท่านพี่ก็จะไม่ไปไหนอีก !”

จี้อันซื่อพยักหน้า นางทอดสายตาออกไปไกล ส่ายหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ช่างเป็นชายที่แสนดีอะไรเช่นนี้ น่าเสียดายที่เขานิยมชมชอบแต่บุรุษเพศด้วยกันเท่านั้น…”

หลังจากที่เยี่ยฉวนลงมาจากภูเขา เขาก็ตรงไปที่ฐานจอดเรือเหาะของสำนักอัปสรเมรัยข้างนอกเมือง หลวงแห่งจักรวรรดิทันที การที่จะไปพื้นที่ชายแดนภูเขานั้น ย่อมต้องอาศัยการโดยสารเรือเหาะเป็นยานพาหนะในการเดินทาง

แต่ทันทีที่เขาออกจากเมืองไป กลับมีคนอีกกลุ่มที่รีบร้อนออกจากเมืองด้วยเช่นกัน

หากสังเกตจากเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่ จะเห็นได้ชัดว่าพวกนั้นคือลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ !

นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เยี่ยฉวนได้สังหารศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ไป ผู้คนที่เหลือก็เอาแต่ครุ่นคิดหา วิธีแก้แค้นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง จึงทำให้พวกเขาจำต้องละสายตาจากเยี่ยฉวนไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่อาจยอมแพ้ง่าย ๆ คณะศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่อาศัยกบดานอยู่ที่ โรงเตี๊ยมเชิงเขาของสำนักศึกษาฉางหลานตลอดเวลา หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าเยี่ยฉวนจะลงมาจากภูเขา พวก เขาก็รุดมาถึงที่นี่แทบจะในทันที

….เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์