บทที่ 102 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ปลาย)
เยี่ยฉวนเดินไปหาองค์หญิงเก้า ก่อนจะถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “องค์หญิงรู้ว่าข้ากำลังเดินทาง มาหรือพ่ะย่ะคะ ?”
องค์หญิงเก้ามองเยี่ยฉวนและพยักหน้ารับ “ตามข้ามา !”
หลังจากนั้นนางก็หมุนตัวเดินออกไปทางด้านข้าง
เยี่ยฉวนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยเดินตามไป
ระหว่างทางองค์หญิงเก้ายังคงสงบเงียบไม่พูดไม่จา ส่วนเยี่ยฉวนนั้นอดไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่าข้ากำลังเดินทางมา ?”
“นางคือสหายที่ดีที่สุดของข้า !” องค์หญิงเก้าตอบ
นางที่ว่าย่อมหมายถึงอันหลานซิ่วนั่นเอง !
เยี่ยฉวนเข้าใจดี เรื่องนี้ไม่กล่าวก็พอรู้ว่าเป็นอันหลานซิ่ว นางคงเคยเกริ่นกับองค์หญิงเก้าว่าได้มอบ ป้ายหยกให้กับเขาเอาไว้แล้ว !
ในไม่ช้า องค์หญิงเก้าก็ได้เดินนำเยี่ยฉวนมาจนถึงพื้นที่เปิดโล่งในป่า
องค์หญิงเก้านั่งลงกับพื้น ก่อนจะเรียกเยี่ยฉวนให้นั่งลงตาม เมื่อเห็นดังนั้น ชายหนุ่มจึงนั่งลงบนพื้นทันทีอย่างไม่ลังเล
องค์หญิงเก้าหยิบกิ่งไม้แถว ๆ นั้นขึ้นมาและวาดวงกลมลงบนพื้น “ที่พำนักแห่งนี้ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยเจ้าแห่งกระบี่จากโลกฉาง ส่วนจ้าวแห่งกระบี่โลกฉางคือใครนั้นข้าจะไม่กล่าวถึง อย่างไรก็ดี เขาคือบุคคลที่ทำให้ คนบนโลกชิงฉางทั้งใบต้องอัศจรรย์ใจ ที่พำนักแห่งนี้ไม่ได้เพิ่งมาร้างตอนในยุคที่รุ่งเรือง แต่กลับถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ ช่วงปีแรก ๆ ของเขาเลยต่างหาก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มูลค่าของมันก็ยังมีมากมายมหาศาลอยู่ดี ด้วยเหตุนี้จึงมีกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากมัน และนั่นก็คือพวกคนใหญ่คนโตจากเบื้องบน กองทัพแห่งแคว้น แล้วไหนยังจะตระกูลทั้งหลายแหล่ที่อาศัยอยู่บนภูเขาอีก”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็หยุดเล็กน้อยและมองไปที่เยี่ยฉวน “แค่กองกำลังเดียวไม่สามารถเข้ายึดที่พำนักนี้ได้หรอก ดังนั้นแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาข้อพิพาทใหญ่อย่างที่กล่าวมา จึงจำต้องมีใบผ่านทาง เพื่อให้คนรุ่นใหม่ในสังกัดแต่ละฝ่ายมีโอกาสได้เข้าไปเสี่ยงโชค”
“โดยทั่วไปแล้ว คราวนี้ไม่ได้มีเพียงแต่คนจากแคว้นเจียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัจฉริยะผู้มากด้วยพร สวรรค์จากแคว้นอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แม้แต่ผู้สืบทอดหลักของพวกตระกูลใหญ่ก็ยังมาทีนี่ ครานี้แหละที่เจ้าจะได้ เห็นคนที่สวรรค์โปรดปรานนอกเหนือจากแคว้นเจียงบ้างแล้ว”
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนก็ถามขึ้น “แล้วเช่นนี้จะมีคนมาจากสำนักศึกษาฉางมู่ด้วยหรือไม่ ?”
องค์หญิงเก้ามองเยี่ยฉวน “มีสิ แต่รอบนี้ข้าไม่รู้ว่าใครจะมาหรอกนะ”
เยี่ยฉวนพยักหน้ารับและไม่พูดอะไร “อย่างไรเสียสถานการณ์ย่ำแย่ที่สุดก็แค่ต้องต่อสู้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ โตอะไร”
ดูเหมือนนางจะรู้ว่าเยี่ยฉวนกำลังคิดอะไรอยู่ องค์หญิงเก้าสบตากับเยี่ยฉวน “จงจำไว้ เจ้ามาที่นี่เพื่อ แสวงหาโชคลาภไม่ใช่การต่อสู้หรือเข่นฆ่าศัตรู”
เยี่ยฉวนหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่ได้คิดที่จะชิงลงมือก่อนเลยนะ แต่ข้าแค่เกรงว่าเจ้าพวกนั้นจะวิ่งเข้ามาตี ทันทีที่เห็นข้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเสียมากกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสำนักศึกษาฉางหลานและฉางมู่ ท่าน เองก็ทราบดีนี่ !”
องค์หญิงเก้าพยักหน้ารับ “เรื่องนั้นเอาไว้คุยทีหลังเถอะ !”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ก็เหมือนกับนางจะนึกอะไรขึ้นได้ ทันใดนั้นหญิงสาวพลันเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยฉวน ก่อนจะเอ่ยถาม “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าเองก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ใช่หรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า
องค์หญิงเก้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเตือน “เจ้าอย่าได้เปิดเผยตนเองในฐานะผู้ฝึกกระบี่ไปง่าย ๆ เสียล่ะ”
“ทำไมหรือ ?” เยี่ยฉวนไม่เข้าใจ
องค์หญิงเก้าอธิบายเสียงต่ำ “นี่เป็นตำหนักจ้าวกระบี่จากโลกฉาง ดังนั้นเมื่อมีผู้ฝึกกระบี่มาที่นี่ คนผู้นั้นก็ย่อมต้องมีข้อได้เปรียบบางอย่าง ดังนั้นถ้าหากเจ้าเปิดเผยฐานะของตัวเองออกไป มันก็คงไม่แคล้วถูกหมายหัวโดยไม่ใช่เรื่อง”
ขณะที่กำลังพูด นางก็เหลือบมองไปด้านขวา “เมื่อเข้ามาแล้วเจ้าก็จงตระหนักไว้ ว่าโชคไม่มีทางวิ่งเข้าหาเจ้าหรอกนะ แต่เป็นตัวเจ้าเองนั่นแหละที่ต้องไล่ตามแล้วไขว่คว้ามันเอามาไว้ในมือ !”
เยี่ยฉวนสิ้นคำพูด “…”
ในตอนนี้เองที่องค์หญิงเก้าได้หยิบยาลูกกลอนสีเขียวเทออกมาสองเม็ด นางงอนิ้วและดีดเม็ดหนึ่งไป ให้เยี่ยฉวน “นี่คือยาต้านพิษ เผื่อเอาไว้ก่อน !”
เยี่ยฉวนพยักหน้าและกินมันเข้าไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์