บทที่ 152 ข้าเองก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ! (ปลาย)
เมื่อคิดจบ ฉับพลันก็ได้มีบางอย่างดึงความสนใจชายหนุ่ม ชั่วจังหวะนั้นเยี่ยฉวนพลันหันขวับไปอีกด้าน ของป่า ไม่ไกลนัก ร่างของคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งเต็มเหยียดสุดฝีเท้า คนผู้นั้นคือโม่อวิ๋นฉี
โม่อวิ๋นฉีขณะนี้เสื้อผ้าเปียกโซกไปด้วยเหงื่อ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยราวโคกระบือที่ถูกใช้งานอย่างหนัก…
ฉับพลันสายตาของเขามองมาทางเยี่ยฉวน ก่อนอีกฝ่ายจะสะดุ้งตกใจจนเห็นได้ชัด จากนั้นจึงแสดง สีหน้าแปลกใจพร้อมตะโกนถาม “เฮ้ย… ทำไม่ไปฝึกกัน ?”
เยี่ยฉวนส่ายหน้า “ไม่ล่ะ !”
คนถามทำตาปริบ ๆ ด้วยชักโมโห “อะไรวะ ทีเจ้าทำไมจึงไม่ต้องฝึก ? ทั้งอาจารย์ใหญ่ยังไม่สั่งลงโทษ ด้วย ? ไม่ยุติธรรมเลยนี่หว่า !”
เยี่ยฉวนเดินเข้าไปใกล้ ยกฝ่ามือตบลงบนบ่าของโม่อวิ๋นฉีเชิงปลอบใจ “รู้ไหมว่าใครเป็นยอดฝีมือ ?”
จากนั้นจิ้มนิ้วชี้ลงบริเวณหน้าอกตนเอง “นี่ เห็นหรือยัง ? ข้านี่แหละยอดฝีมือตัวจริงเสียงจริง ! ว่าจะกลับไปงีบเอาแรงสักตื่น ส่วนเจ้าก็ขยัน ๆ เข้าไว้นะ ข้าจะนอนเอาใจช่วย !”
โดยไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหันหลังกลับเดินดุ่มออกไปทันที
“โห ไอ้นี่ !” โม่อวิ๋นฉีฟาดงวงฟาดงาอย่างฉุนจัด “ยอดฝีมือเรอะ ?! ขี้โม้ฉิบ… ไว้ข้าสำเร็จเมื่อไร คอยดู จะไล่ซัดเจ้าให้ร้องโอดโอยเลยทีเดียว…”
จากนั้นไม่นานก็มีเสียงคนวิ่งโครมครามเข้าป่าไป ต่อมาก็มีเสียงร้องเอะอะโหยหวน แต่ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าเขาจะแหกปากร้องไปเพื่ออะไรกัน…
ทางด้านเยี่ยฉวน ชายหนุ่มได้เดินมาถึงห้องโถงสถานศึกษาฉางหลาน จึงพบว่าเยี่ยหลิงยังไม่เข้านอน เด็กน้อยนั่งกอดเข่าอยู่ตรงขั้นบันได เมื่อเห็นเยี่ยฉวนที่กำลังเดินเข้าประตู เยี่ยหลิงพลันลุกพรวดขึ้นยืน
คนเป็นพี่ตรงเข้ามาหาพลางลูบหัวน้องอย่างรักใคร่ “ทำไมยังไม่เข้าไปนอน ?”
เยี่ยหลิงคว้าแขนของพี่ชายดึงให้ทรุดลงนั่งตรงเชิงบันได้ ก่อนจะเอนศีรษะซบลงบนบ่าของเยี่ยฉวนและพูดพึมพำเสียงเบาจนเกือบเป็นกระซิบ “ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านพี่เจ้าค่ะ !”
เยี่ยฉวนพูดยิ้ม ๆ “พี่ก็จะอยู่กับเจ้าเสมอนั่นแหละ !”
เยี่ยหลิงเอียงศีรษะเล็ก ๆ หันหน้ามาถาม “ท่านพี่ ถ้าข้าฝึกยุทธ์ ท่านจะคัดค้านหรือไม่ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของน้องสาว เยี่ยฉวนนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “ทำไมจะต้องค้าน ? ถ้าเจ้า ได้ฝึกยุทธ์ อีกหน่อยเจ้าจะได้ปกป้องพี่บ้างยังไงล่ะ…” ว่าพลางยักคิ้วหลิ่วตาเป็นเชิงล้อเลียน
เยี่ยหลิงกอดแขนพี่ชายของนางแน่นขึ้นอีก จากนั้นจึงแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดที่มีแสงดาวระยิบระยับ เสียงเยี่ยหลิงรำพึงแผ่วเบาขึ้นว่า “ท่านพี่ ท่านว่าท่านแม่ของพวกเรายังมีชีวิตอยู่ไหมเจ้าคะ ?”
เมื่อน้องถามเช่นนี้เยี่ยฉวนก็ได้แต่เงียบงัน
“ท่านแม่หรือ ?” ความทรงจำอันน่าประทับใจเกี่ยวกับท่านแม่ของพวกเขานั้น ช่างสลัวเลือนรางเต็มที !
เสียงน้องสาวพึมพำแผ่วเบา “อันที่จริง… มันไม่สำคัญว่าท่านแม่จะยังอยู่หรือไม่ ขอแค่ข้ามีท่านพี่… เท่านี้ก็พอใจแล้ว”
เยี่ยฉวนเอนศีรษะของตนซบกับศีรษะเล็ก ๆ “เพื่อให้เจ้าได้อยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข พี่ยอมทำทุกอย่าง !”
ใต้ท้องฟ้าและดวงดาว สองพี่น้องนั่งกอดกันกันแน่น
วันรุ่งขึ้น
ทันทีที่ฟ้าเริ่มสาง เยี่ยฉวนพลันกลับไปด้านหลังภูเขาเพื่อฝึกฝนตามปกติ
หากมิใช่เพียงแค่ฝึกฝนแรงผลักดัน ทว่าเขายังฝึกทักษะกระบี่ด้วยเพราะเวลานี้ถึงแม้เยี่ยฉวนจะสามารถ ควบคุมกระบี่ได้เป็นผลสำเร็จ แต่ยังขาดความชำนาญ ดังนั้นจึงต้องหมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญในทักษะ กระบี่
ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั้งไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉี ที่ต่างต้องฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนตกอยู่ท่ามกลางสภาวะกดดันไม่ต่างกับเยี่ยฉวน !!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์