หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 157

สรุปบท ตอนที่ 157 พบเจอศิษย์ฉางมู่ที่ไหนจะเก็บให้เรียบ ! (ต้น): หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

อ่านสรุป ตอนที่ 157 พบเจอศิษย์ฉางมู่ที่ไหนจะเก็บให้เรียบ ! (ต้น) จาก หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 157 พบเจอศิษย์ฉางมู่ที่ไหนจะเก็บให้เรียบ ! (ต้น) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 157 พบเจอศิษย์ฉางมู่ที่ไหนจะเก็บให้เรียบ ! (ต้น)

เยี่ยฉวนยักไหล่อย่างไม่แยแส จากนั้นจึงหันหลังกลับ

โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อหันมองหน้า เสียงฝ่ายแรกบ่นพึม “ช่างหน้าด้านเสียจริง ทำได้ยังไงกัน ?” ไป๋เจ๋อ เคร่งขรึมพยักหน้าเออออ

โม่อวิ๋นฉีเลียนแบบ ลอยหน้าพยักเพยิดบ้าง “ในชีวิตข้า ไม่เคยเจอใครหน้าด้านแบบหมอนี่เลย !”

จู่ ๆ ไป๋เจ๋อพลันถามกลับ “มัวแต่ว่าคนอื่น เจ้าฝึกเสร็จแล้วงั้นสิ ?” ได้ยินเท่านั้น คนถูกถามถึงกับ สะดุ้งเฮือกหันมาค้อนควัก วินาทีถัดมาก็หายจากสถานที่ไปไกลแล้ว

ที่ลานหญ้า

อาจารย์ใหญ่จี้กำลังนั่งโงนเงนด้วยเมาสุราบนม้านั่ง เยี่ยฉวนที่เดินเข้ามาจึงหยุดยืนมองครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงดังฟังชัด “อาจารย์ใหญ่ ข้ามีเรื่องอยากคุยด้วยขอรับ !”

อาจารย์หรี่ตาปรือขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อเห็นเยี่ยฉวนจึงตอบ “ว่าไป !” เยี่ยฉวนนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนโพล่งขึ้นว่า “ข้าอยากเร่งบรรลุขั้นพลังทะยานสวรรค์เร็ว ๆ ขอรับ !”

ขั้นทะยานสวรรค์ ! เขาติดอยู่ในที่ขั้นหลอมรวมลมปราณมาพักใหญ่ไม่ขยับไปไหนสักที จนเวลานี้ตนเอง รู้สึกถึงพลังหลอมรวมลมปราณเต็มพิกัด พร้อมจะทะยานสู่ขั้นทะยานสวรรค์ทุกเมื่อ !

ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเร่งขั้นตอนเพื่อบรรลุทะยานสวรรค์ได้เหมือนคนอื่น ! เพราะว่าเขาจะ ต้องหากระบี่จิตวิญญาณให้พบ ! บางทีอาจใช้อีกเพียงกระบี่เดียวเท่านั้น !

และเมื่อขึ้นสู่ขั้นทะยานสวรรค์ แน่นอนว่าความกล้าแกร่งย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และที่สำคัญใน ขั้นนี้เขาสามารถทะยานเวหา เมื่อถึงตอนนั้นอาจผนวกพลังเข้ากับกระบี่ ถ้าเขาสามารถควบคุมกระบี่ได้แล้ว !

ควบคุมกระบี่เหินเวหา ! ตอนนี้เยี่ยฉวนควบคุมกระบี่ได้ แต่ยังไม่สามารถใช้กระบี่เหินเวหาได้

น่าเสียดาย !

อาจารย์ใหญ่นิ่งฟังพลางพยักหน้าเนิบ ๆ “นับเป็นเรื่องดีอยู่ ที่เจ้าคิดอยากเร่งรัดสู่ขั้นพลังทะยาน สวรรค์ !”

เยี่ยฉวนเห็นอาจารย์สนับสนุน เขาได้ทีจึงรีบเสริมขึ้นว่า “พลังภายในของข้ายามนี้แปรเปลี่ยนเล็กน้อย เท่านั้น ข้าจึงอยากเสาะหากระบี่จิตวิญญาณเพิ่มเติมเพื่อเร่งรัดการบรรลุขั้นพลังทะยานสวรรค์ เอ้อ… อาจารย์ ใหญ่จี้ท่านซื้อกระบี่จิตวิญญาณให้ข้าสักสิบยี่สิบอันนะขอรับ เอ๋… อาจารย์ใหญ่ ! ตื่น ๆ อย่าเพิ่งหลับสิขอรับ ! ปั๊ดโธ่ แล้วกันสิโว้ย… !!”

ชายหนุ่มยืนมองอาจารย์ใหญ่ที่ล้มแผละฟุบลงไปนอนบนม้านั่งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พยายามเขย่าปลุก เท่าไรคนเมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น !

เมื่อเห็นว่าอาจารย์แกล้งหลับแถมปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น เยี่ยฉวนชักเคืองขึ้นมาตะหงิด ๆ คิดใช้กระบี่ฟัน คนหลับไม่รู้ตื่นสักฉับสองฉับท่าจะดี แต่พอนึกถึงพลังกล้าแกร่งของอาจารย์ใหญ่ จึงทำได้แค่เก็บความคิดไว้ในใจเท่านั้น…

เยี่ยฉวนรู้สึกเซ็งในอารมณ์ คิดไม่ตกว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ครั้นหันหลังกลับจึงพบว่าที่ประตู ทางเข้าลานหญ้า มีร่างของสตรีคนหนึ่งยืนมองตรงมา… จี้อันซื่อ !

จี้อันซื่อสบตาเยี่ยฉวน พลางเอ่ยขึ้นว่า “ตามข้ามา !”

ว่าแล้วก็หันหลังเดินย้อนไปตามทาง เยี่ยฉวนมองด้วยสีหน้างงงัน หันกลับมาทางคนที่นอนเกียจคร้าน เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพลางถอนใจเฮือก

“หมดสภาพ !” จากนั้นรีบจ้ำตามจี้อันซื่อไป

หญิงสาวเดินนำเยี่ยฉวนไปทางด้านหลังภูเขา ทันทีที่เลี้ยวลับเหลี่ยมเขา จึงมองเห็นหอขนาดเล็กสอง หลัง รอบบริเวณหอทั้งสองรกครึ้มด้วยต้นวัชพืชสูงท่วมศีรษะผู้ใหญ่ สภาพชวนให้เกิดความรู้สึกหดหู่ในใจยิ่งนัก !

จี้อันซื่อเดินนำเยี่ยฉวนตรงไปยังหอหลังเล็กหลังหนึ่ง เมื่อไปถึงด้านหน้าชายหนุ่มสังเกตเห็นตัวอักษร ขนาดใหญ่ติดไว้ด้านบน ‘หอทักษะยุทธ์ !’ เสียงหญิงสาวพึมพำบอกเบา ๆ “ที่นี่เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ สถานศึกษาฉางหลาน”

เยี่ยฉวนเพ่งมองอาคารตรงหน้าอย่างพิจารณา “ที่นี่มีของล้ำค่าอย่างนั้นหรือ ?” คนเดินนำหันมามอง สายตามีแววครุ่นคิด “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก !”

เมื่อเดินเข้าไปภายใน เยี่ยฉวนจึงได้เห็นว่าบริเวณกลางหอโถงมีเสาตั้งตระหง่านจำนวนเก้าต้น เสาแต่ละต้นสูงลิบคะเนว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าสองจังเศษ ทั้งรอบเสาทุกต้นปรากฏอักขระที่ไม่รู้ความหมาย

หญิงสาวชี้มือไปยังเสาทั้งเก้ากลางหอโถง “เสาทั้งเก้าต้น พวกมันเคยเป็นมรดกล้ำค่าจากสำนักใหญ่ ของสถานศึกษาฉางหลานแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ ที่ส่งมายังที่แห่งนี้ทุกปี ผู้ฝึกฝนวรยุทธ์ที่ ต้องการบรรลุขั้นพลังจะต้องผ่านด่านเสาทั้งเก้าต้น…”

“ทว่านับตั้งแต่ฉางหลานถูกปฏิเสธความช่วยเหลือลงอย่างสิ้นเชิง ทางสำนักใหญ่ก็ได้มีคำสั่งยกเลิกสถานะของที่นี่ รวมทั้งไม่ปรากฏเสาแห่งมรดกล้ำค่าส่งมาอีกเลย” คนพูดเจือเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น “พวกเราคงถูกลืมไปเสียแล้ว !”

เยี่ยฉวนนิ่งอั้น เขารู้สึกคอหอยตีบตันไปหมด อันที่จริงฉางหลานจะมีอดีตความเป็นมาแต่หนหลังขมขื่น อย่างไร เยี่ยฉวนไม่ใส่ใจ สำหรับเขารู้เพียงว่าอาจารย์ใหญ่จี้เป็นผู้ช่วยชีวิตเยี่ยหลิง และต้อนรับพวกเขาพี่น้อง ซึ่งกำลังลำบากเอาไว้เท่านั้น ! นี่นับเป็นหนี้บุญคุณที่เยี่ยฉวนต้องทดแทน ! เพราะเขาก็เหมือนคนอื่นทั่วไปที่ถือคติ บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ !

โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง จี้อันซื่อชักดาบออกมาและฟันฉับลงไปตรงหน้าบริเวณโคนเสาต้นหนึ่ง

ฉัวะ !

เสาถล่มครืนลงมา ทว่าเท่านั้นยังไม่พอ หญิงสาวตวัดแกว่งอาวุธอีกครั้ง ในที่สุดเสาทั้งเก้าต้นก็ได้ถล่มลงมากองบนพื้นทั้งหมด เมื่อเสาพังถล่มลงมาหมด กลับเผยให้เห็นหินแร่ขนาดใหญ่เก้าก้อนปรากฏแทนที่ภาย ในหอโถง

“หะ… หินอะไร ?” เยี่ยฉวนหน้าเหลอหลา

จี้อันซื่อตอบเสียงแห้ง “เหล่านี้คือหยกศิลาจิตวิญญาณ เป็นศิลาฐานรากของเสามรดกล้ำค่าทั้งเก้า แต่ละชิ้นมีราคาสูงเป็นของมีค่าที่สุดของเรา เจ้าจะนำไปขายและเอาเงินมาซื้อกระบี่จิตวิญญาณก็ย่อมได้ !” พูด จบคนพูดพลันหันหลังกลับเดินออกจากหอทักษะยุทธ์ไปอย่างไม่เหลียวหลัง

ชายหนุ่มไม่ได้เดินตามนางออกไปทันที ทว่าเขายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ตาจ้องมองหยกศิลาจิตวิญญาณ ทั้งเก้าชิ้นเบื้องหน้าอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน เกือบครึ่งก้านธูป เยี่ยฉวนจึงรีบรุดลงจากภูเขา

ณ ลานหญ้า อาจารย์ใหญ่จี้ท่าทางหายเมาเป็นปลิดทิ้ง เขานั่งทอดถอนใจเฮือก ๆ “หลานเอ๋ย หยกศิลาพวกนั้นคือค่าสุราของปู่เลยนะจะบอกให้… เฮ้อ”

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์