บทที่ 157 พบเจอศิษย์ฉางมู่ที่ไหนจะเก็บให้เรียบ ! (ต้น)
เยี่ยฉวนยักไหล่อย่างไม่แยแส จากนั้นจึงหันหลังกลับ
โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อหันมองหน้า เสียงฝ่ายแรกบ่นพึม “ช่างหน้าด้านเสียจริง ทำได้ยังไงกัน ?” ไป๋เจ๋อ เคร่งขรึมพยักหน้าเออออ
โม่อวิ๋นฉีเลียนแบบ ลอยหน้าพยักเพยิดบ้าง “ในชีวิตข้า ไม่เคยเจอใครหน้าด้านแบบหมอนี่เลย !”
จู่ ๆ ไป๋เจ๋อพลันถามกลับ “มัวแต่ว่าคนอื่น เจ้าฝึกเสร็จแล้วงั้นสิ ?” ได้ยินเท่านั้น คนถูกถามถึงกับ สะดุ้งเฮือกหันมาค้อนควัก วินาทีถัดมาก็หายจากสถานที่ไปไกลแล้ว
…
ที่ลานหญ้า
อาจารย์ใหญ่จี้กำลังนั่งโงนเงนด้วยเมาสุราบนม้านั่ง เยี่ยฉวนที่เดินเข้ามาจึงหยุดยืนมองครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงดังฟังชัด “อาจารย์ใหญ่ ข้ามีเรื่องอยากคุยด้วยขอรับ !”
อาจารย์หรี่ตาปรือขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อเห็นเยี่ยฉวนจึงตอบ “ว่าไป !” เยี่ยฉวนนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนโพล่งขึ้นว่า “ข้าอยากเร่งบรรลุขั้นพลังทะยานสวรรค์เร็ว ๆ ขอรับ !”
ขั้นทะยานสวรรค์ ! เขาติดอยู่ในที่ขั้นหลอมรวมลมปราณมาพักใหญ่ไม่ขยับไปไหนสักที จนเวลานี้ตนเอง รู้สึกถึงพลังหลอมรวมลมปราณเต็มพิกัด พร้อมจะทะยานสู่ขั้นทะยานสวรรค์ทุกเมื่อ !
ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเร่งขั้นตอนเพื่อบรรลุทะยานสวรรค์ได้เหมือนคนอื่น ! เพราะว่าเขาจะ ต้องหากระบี่จิตวิญญาณให้พบ ! บางทีอาจใช้อีกเพียงกระบี่เดียวเท่านั้น !
และเมื่อขึ้นสู่ขั้นทะยานสวรรค์ แน่นอนว่าความกล้าแกร่งย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และที่สำคัญใน ขั้นนี้เขาสามารถทะยานเวหา เมื่อถึงตอนนั้นอาจผนวกพลังเข้ากับกระบี่ ถ้าเขาสามารถควบคุมกระบี่ได้แล้ว !
ควบคุมกระบี่เหินเวหา ! ตอนนี้เยี่ยฉวนควบคุมกระบี่ได้ แต่ยังไม่สามารถใช้กระบี่เหินเวหาได้
น่าเสียดาย !
อาจารย์ใหญ่นิ่งฟังพลางพยักหน้าเนิบ ๆ “นับเป็นเรื่องดีอยู่ ที่เจ้าคิดอยากเร่งรัดสู่ขั้นพลังทะยาน สวรรค์ !”
เยี่ยฉวนเห็นอาจารย์สนับสนุน เขาได้ทีจึงรีบเสริมขึ้นว่า “พลังภายในของข้ายามนี้แปรเปลี่ยนเล็กน้อย เท่านั้น ข้าจึงอยากเสาะหากระบี่จิตวิญญาณเพิ่มเติมเพื่อเร่งรัดการบรรลุขั้นพลังทะยานสวรรค์ เอ้อ… อาจารย์ ใหญ่จี้ท่านซื้อกระบี่จิตวิญญาณให้ข้าสักสิบยี่สิบอันนะขอรับ เอ๋… อาจารย์ใหญ่ ! ตื่น ๆ อย่าเพิ่งหลับสิขอรับ ! ปั๊ดโธ่ แล้วกันสิโว้ย… !!”
ชายหนุ่มยืนมองอาจารย์ใหญ่ที่ล้มแผละฟุบลงไปนอนบนม้านั่งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พยายามเขย่าปลุก เท่าไรคนเมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น !
เมื่อเห็นว่าอาจารย์แกล้งหลับแถมปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น เยี่ยฉวนชักเคืองขึ้นมาตะหงิด ๆ คิดใช้กระบี่ฟัน คนหลับไม่รู้ตื่นสักฉับสองฉับท่าจะดี แต่พอนึกถึงพลังกล้าแกร่งของอาจารย์ใหญ่ จึงทำได้แค่เก็บความคิดไว้ในใจเท่านั้น…
เยี่ยฉวนรู้สึกเซ็งในอารมณ์ คิดไม่ตกว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ครั้นหันหลังกลับจึงพบว่าที่ประตู ทางเข้าลานหญ้า มีร่างของสตรีคนหนึ่งยืนมองตรงมา… จี้อันซื่อ !
จี้อันซื่อสบตาเยี่ยฉวน พลางเอ่ยขึ้นว่า “ตามข้ามา !”
ว่าแล้วก็หันหลังเดินย้อนไปตามทาง เยี่ยฉวนมองด้วยสีหน้างงงัน หันกลับมาทางคนที่นอนเกียจคร้าน เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพลางถอนใจเฮือก
“หมดสภาพ !” จากนั้นรีบจ้ำตามจี้อันซื่อไป
หญิงสาวเดินนำเยี่ยฉวนไปทางด้านหลังภูเขา ทันทีที่เลี้ยวลับเหลี่ยมเขา จึงมองเห็นหอขนาดเล็กสอง หลัง รอบบริเวณหอทั้งสองรกครึ้มด้วยต้นวัชพืชสูงท่วมศีรษะผู้ใหญ่ สภาพชวนให้เกิดความรู้สึกหดหู่ในใจยิ่งนัก !
จี้อันซื่อเดินนำเยี่ยฉวนตรงไปยังหอหลังเล็กหลังหนึ่ง เมื่อไปถึงด้านหน้าชายหนุ่มสังเกตเห็นตัวอักษร ขนาดใหญ่ติดไว้ด้านบน ‘หอทักษะยุทธ์ !’ เสียงหญิงสาวพึมพำบอกเบา ๆ “ที่นี่เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ สถานศึกษาฉางหลาน”
เยี่ยฉวนเพ่งมองอาคารตรงหน้าอย่างพิจารณา “ที่นี่มีของล้ำค่าอย่างนั้นหรือ ?” คนเดินนำหันมามอง สายตามีแววครุ่นคิด “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์