บทที่ 170 เคล็ดวิชาเพลงกระบี่เป็นเช่นนี้หรือ ? (ปลาย)
ณ ยอดเขาฉางซาน
ภายในหอโถงสถานศึกษาฉางมู่
“ใคร ?” เสียงของใครคนหนึ่งคำรามแผดสนั่นไปทั้งหอโถง คนที่นั่งในตำแหน่งสูงสุด หลี่เสวียนชางใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด “ฝีมือใครทำให้ชาวเมืองนึกคิดไปเช่นนี้ ?”
ขณะนั้นเองหลี่ซิ่วซึ่งอยู่ในตำแหน่งรองลงมา ลุกขึ้นยืนพลางกล่าวว่า “บางทีคงจะเป็นฝีมือของสำนักอัปสรเมรัย หรือไม่เช่นนั้นก็ราชสำนักแคว้นเจียง ขอรับ…”
แววตาของหลี่เสวียนชางพลันลดความแข็งกร้าวลง “พวกชาวเมืองไม่มีทางหันไปเข้าข้างฉางหลาน ไม่มีเหตุผล !”
หลี่ซิ่วหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง “หน่วยข่าวของเรารายงานมาแล้ว ว่าจ้าวหอชั้นเก้าแห่งสำนักอัปสรเมรัยติดตามไปอารักขาพวกเยี่ยฉวนในขณะเดินทางไปยังแคว้นหนิง… นอกจากนั้น อดีตฮ่องเต้แคว้นเจียงยังแอบให้ความช่วยเหลือพวกนั้นอย่างลับ ๆ ด้วยขอรับ !”
ข้อมูลที่ได้รับจากหลี่ซิ่วยังผลให้คนอื่นในที่นั้นพลันสีหน้าแปรเปลี่ยนแตกต่าง ด้วยการที่บุคคลทั้งสองยื่นมือเข้าช่วยเยี่ยฉวนเช่นนี้ มันก็ย่อมหมายความว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ข้างฉางหลาน !
อย่างที่รู้กันว่ากลุ่มอิทธิพลสามกลุ่มแห่งแคว้นเจียงคือ หนึ่งสถานศึกษาฉางมู่ สองสำนักอัปสรเมรัย และสามราชสำนักแห่งแคว้นเจียง ทว่าในตอนนี้ สองในสามกลับเลือกที่จะยืนอยู่ข้างสถานศึกษาฉางหลาน !
เหตุผิดวิสัย !
ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลี่เสวียนชาง ขณะที่เขาหลับตาลงช้า ๆ “รองอาจารย์ใหญ่หลี่ซิว เจ้าสืบเรื่องของเยี่ยฉวนไปถึงไหนแล้ว ?”
หลี่ซิ่วรีบรายงาน “เขาเป็นคนเมืองชิง…”
“เหลวไหล !” เสียงตวาดแสดงความไม่พอใจของหลี่เสวียนชางดังขัดจังหวะ “เมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองชิงจะมีผู้ฝึกกระบี่อย่างนั้นหรือ ? ไอ้เด็กนั่นเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อนที่มันจะเป็นศิษย์ฉางหลานเสียอีก แสดงว่ามันต้องมีทักษะมาก่อนที่จะเข้าฉางหลาน ยิ่งคราวที่กลับจากเมืองชายแดน ดูเหมือนว่าขั้นพลังของมันจะก้าวหน้าขึ้นมากและกล้าแกร่งขนาดสามารถสังหารได้แม้เฟินเจี๋ย นี่หรือที่ว่าเป็นคนธรรมดา ? …ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้คนที่ส่งไปสืบข่าวแล้วมารายงาน หรือเป็นเพราะเจ้าที่ไร้ความสามารถกันแน่ ?!!”
หลี่ซิ่วหน้าซีดเป็นไก่ต้ม จะว่าไปเวลานี้เขากลายเป็นบุคคลที่ใครต่อใครในสถานศึกษาฉางมู่เกลียดชังมากที่สุดไปแล้ว ด้วยถ้าเขาใส่ใจและรับเยี่ยฉวนเข้าเป็นศิษย์ฉางมู่เสียในวันนั้น สถานศึกษาฉางมู่ของพวกเขาจะต้องรุ่งโรจน์โชติช่วงต่อไปอีกชั่วกัปกัลป์ ! ส่วนสถานศึกษาฉางหลานนั้น คงมีแต่จะต้องรอวันล่มสลาย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป !
ทว่าในเวลานี้ ฉางหลานกลับได้มองเห็นความหวังรำไร ขณะที่ฉางมู่จมดิ่งลงทุกขณะ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะสถานศึกษาฉางมู่ละเลยเด็กนั่น !
เด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าจะต้องเข้าเป็นศิษย์แห่งฉางมู่ให้ได้ !
ครานั้นสถานศึกษาฉางมู่เคยหัวเราะเยาะต่อเยี่ยฉวนในฐานะเศษเดนที่ฉางมู่ไม่ต้องการและเขี่ยทิ้ง มาบัดนี้ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพากันหัวเราะเยาะฉางมู่ ทั้งยังพูดกันว่าโรงกำจัดขยะอย่างสถานศึกษาฉางมู่ กำลังกำจัดขยะซึ่งเป็นศิษย์ที่กล้าแกร่งหลายต่อหลายคนของตนเองเสียแล้ว !
ท่ามกลางความเงียบงันในลานโถง พลันเสียงของหลี่เสวียนชางพูดขึ้นว่า “ช่างมันเถิด เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่อาจหวนคืน ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ ด้วยยิ่งจะทำให้ยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก”
เขาหยุดนิดหนึ่งพลางกวาดสายตาไปตามใบหน้าของทุกคนในหอโถง “เวลานี้ สิ่งที่เราทำได้คือต้องร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวน และไม่ว่ารากเหง้าของมันจะเป็นอย่างไร มันต้องตายสถานเดียว หวังว่าพวกเจ้าทุกคนคงรู้แล้วว่าเหตุใดฉางหลานจึงถูกปฏิเสธจนมีสภาพเช่นนี้ “
ทุกคนในลานหอโถงพยักหน้าตอบรับ เพราะเวลานี้ ไม่ควรก่อปัญหาภายในกันเอง !
หลี่เสวียนชางหันไปทางโม่ซ่ง รองอาจารย์ใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งนั่งในตำแหน่งใกล้ที่สุด “เตรียมการถึงไหน ?”
โม่ซ่งรีบหันมารายงาน “เกือบเรียบร้อยแล้วขอรับ ทัวป้าเหยียน ฮ่องเต้สตรีแห่งแคว้นหนิงตอบยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับทางเราเต็มที่ !”
หลี่เสวียนชางพยักหน้า “ศิษย์แห่งอาณาจักรภูผาเมฆาล่ะ ว่าอย่างไร ?”
โม่ซ่งมีท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “พวกเขามีข้อแม้ว่าหากทางเรารับปากจะส่งมอบคัมภีร์ยุทธ์ขั้นสวรรค์ ทางเขาก็จะส่งคนไปทันที”
“บอกไปว่า ตกลง !” จากนั้นหลี่เสวียนชางพูดขึ้นอีกว่า “ถ้าฆ่าเยี่ยฉวนได้ ไม่เพียงคัมภีร์ยุทธ์ขั้นสวรรค์ระดับต้นเท่านั้น แต่พวกเขาจะได้ทั้งทักษยุทธ์ขั้นสวรรค์ระดับต้น และยังเพิ่มศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นประกายแสงให้อีกด้วย !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์