หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 182

สรุปบท บทที่ 182 ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว ! (ปลาย): หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 182 ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว ! (ปลาย) – ตอนที่ต้องอ่านของ หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

ตอนนี้ของ หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 182 ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว ! (ปลาย) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 182 ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว ! (ปลาย)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทำเอาโม่อวิ๋นฉีหน้าถอดสีซีด !

พลังที่ปรากฏแสดงว่าอย่างน้อยชายชุดดำต้องมีทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับกลาง และแน่ชัดว่าต้องถึงขั้นสันโดษ !

“ยอดคนแท้จริง !” แววตาของโม่อวิ๋นฉีเริ่มปรากฏแววหวั่นวิตกเลือนราง !

ใครกันที่จะอ่อนด้อยกว่า !!

ปัง !

สิ้นเสียงปะทะสนั่น ปรากฏมีร่างของคนผู้หนึ่งกระเด็นออกจากที่ !

โม่อวิ๋นฉีรีบกวาดตามองตามเสียง แล้วเขาก็ถอนใจเฮือกเมื่อเห็นหน้าคนที่ล่าถอยถนัดชัดตา !

ด้วยคนผู้นั้นมิใช่เยี่ยฉวนอย่างที่นึกกังวล กลับเป็นชายในชุดดำ !

ชายในชุดดำล่าถอยไกลห่างไปหลายจั้ง และการกระถดถอยของเขาแต่ละก้าวก็ทำให้คนกระอักโลหิตออกมาทุกครั้ง ทว่ามิเพียงเท่านั้น เพราะพื้นพสุธาใต้เท้าที่ย่ำถอยยังเกิดเป็นรอยร้าวลึกในทุกก้าวย่าง !

ทั้งหมดล้วนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เกี่ยวเนื่องกัน !

ชายชุดดำผลักพลังออกอย่างเต็มที่เพื่อต้านทานโดยตรงกับพลังปะทะซึ่งรุนแรงยิ่งแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวน ดังนั้นเมื่อคนล่าถอย ก็เท่ากับทำให้พลังตีกลับมาทำอันตรายต่อตัวเอง !

เมื่อคนในชุดดำหยุดนิ่งลง จึงพบว่าผ้าคลุมสีดำที่เคยห่อหุ้มร่างกายส่วนบนฉีกขาดเกือบทั้งหมด จนเผยให้เห็นเกราะสีเงินภายใต้ผ้าสีดำขาดวิ่น ทั้งยังปรากฏรอยแตกบนเสื้อเกราะสีเงินนั้นจนสามารถมองเห็นผิวเนื้อใต้เสื้อเกราะได้อย่างชัดเจน

เสื้อเกราะศาสตราวุธขั้นประกายแสง !

เพราะเสื้อเกราะเงินนี่เองจึงต้านทานกระบี่ของเยี่ยฉวนไว้ มิเช่นนั้นเขาคงสิ้นชื่อไปแล้ว !

สายตาของชายในชุดดำจ้องแน่วนิ่งที่เยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นเยี่ยฉวนพลันหายวับไปจากที่

เมื่อเห็นเช่นนั้นลูกตาดำของชายชุดดำหดเล็กลงด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ในทันทีนั้นเขายกเท้าข้างขวาถีบลงบนพื้นดิน

ปัง !

สิ้นเสียงระเบิด ก้อนหินขนาดเล็กใหญ่จำนวนมากมาย พร้อมทั้งฝุ่นดินฟุ้งกระจายจากพื้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและพัดเข้าหาร่างของเยี่ยฉวนทันที !

ถึงกระนั้น ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งกระบี่ของเยี่ยฉวนได้อีกต่อไป กระบี่หลิงซิ่วทะยานฝ่ากลุ่มก้อนหินและฝุ่นคละคลุ้ง ตรงเข้าหาชายในชุดดำ

คนในชุดดำหน้าถอดสีนัยน์ตาเบิกโพลง เขาถอยหลังก้าวหนึ่งฉวยจังหวะยกฝ่าเท้าตวัดฟาดกระบี่หลิงซิ่ว แต่ที่คนผู้นั้นเตะออกมิได้มุ่งตรงเข้าหากระบี่โดยตรง กลับมุ่งเป้าหมายที่สันกระบี่หาใช่ส่วนปลายกระบี่หลิงซิ่ว

ผัวะ !

พลังเตะผลักกระบี่หลิงซิ่วออกไปข้างหนึ่ง ทว่าในเวลาเดียวกัน เยี่ยฉวนปรากฎขึ้นประจันหน้าคนเสียแล้ว

เยี่ยฉวนออกพลังหมัดพุ่งตรงร่างของชายชุดดำ ! ‘หนึ่งหมัดดับชีพ !’

พลังหมัดมิได้มีแค่พลังหมัดทลายภูผา แต่ผสานทักษะการต่อสู้เข้าไว้จนเต็มเปี่ยม !

ชายในชุดดำตระหนักถึงพลังมหาศาลแห่งพลังหมัดของเยี่ยฉวน เขาเขม้นมองลูกตาดำหดเล็ก “เจ้าประสานทั้งกระบี่และทักษะยุทธ์สินะ !”

เสี้ยววินาทีต่อมา

ผัวะ !

ร่างของชายชุดดำกระเด็นหวือออกไป !

เยี่ยฉวนเกือบจะออกปะทะ ทันใดนั้น จู่ ๆ มีแสงสว่างประหลาดพุ่งวาบเข้าหาเยี่ยฉวนทางเบื้องหลังโดยไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อย ฉับพลันเขาหมุนตัวกลับหลังขณะเดียวกันก็ผลักหมัดออกปะทะลำแสง !

เปรี้ยง !

แสงสว่างแตกกระจายไม่มีชิ้นดี !

กระบี่หลิงซิ่วสั่นสะท้านจากแรงปะทะ แต่ลูกธนูขนนกแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี !

เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะกระบี่หลิงซิ่วเป็นศาสตราวุธขั้นประกายแสง !

แต่ในครั้งนี้ ลูกธนูดอกที่สามซึ่งเป็นดอกสุดท้าย กลับเปลี่ยนทิศทางที่พุ่งตรง กลายมาเป็นพุ่งเข้าหาบริเวณลำตัวช่วงบนของเยี่ยฉวน ที่หน้าอก !

เยี่ยฉวนผลักหมัดตรงออกไปเบื้องหน้า !

เปรี้ยง !

ลูกธนูตรงหน้าแตกละเอียด !

ขณะนั้นลำแสงพุ่งเข้าทางเบื้องหลังของเยี่ยฉวนอีกครั้ง แต่เยี่ยฉวนไม่หันหลังกลับ เมื่อเห็นเงาปีศาจวูบตัดผ่านเข้าลานกว้าง โม่อวิ๋นฉีวิ่งถลันเข้าขวางด้านหลังเยี่ยฉวน ทันใดนั้นมีดสั้นตวัดฟันลงตรงหน้า !

เปรี้ยง !

ลำแสงระเบิดกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย !

โม่อวิ๋นฉีกวาดสายตาอย่างระแวดระวังเต็มที่ เขามองหาเท่าไรก็ยังไม่เห็นแม้เงาของใครสักคน !

ภายหลังจากเยี่ยฉวนทำลายลูกธนูขนนกทั้งสามแล้ว เขาเพ่งมองไปที่โขดหินทางด้านซ้ายซึ่งอยู่ห่างออกไป ที่นั่นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ ด้านหลังสะพายคันธนู !

สายตาของชายสะพายคันธนูจับจ้องมองเยี่ยฉวนแน่วแน่ “เจ้ามีทั้งพลังกระบี่และทักษะยุทธ์ !”

ทว่าเยี่ยฉวนไม่สนใจจะฟังแต่อย่างใด เวลานี้ร่างของเขาสั่นน้อย ๆ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปที่เยี่ยหลิง ซึ่งบัดนี้สีหน้าของเด็กน้อยซูบเซียวทั้งออกจะหน้าซีดผิดปกติ เชือกที่มัดพันรอบข้อมือกดลึกลงบนผิวเนื้อจนเกิดรอยห้อเลือดแดงช้ำ

เยี่ยฉวนสีหน้าปราศจากความรู้สึก ชั่วแวบนั้นกระบี่หลิงซิ่วเหินออกจากมือของผู้เป็นนาย ตรงเข้าตัดเชือกที่ผูกข้อมือของเยี่ยหลิงออกทันที

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนพลันเหยียดแขนออกประคองร่างของเยี่ยหลิง ขณะนั้นเองบังเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาด เมื่อเงาหนึ่งปรากฏออกทางด้านหลังเยี่ยหลิงอย่างเงียบเชียบ และเงากลับโผล่ขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยฉวนฉับพลัน ทั้งในเวลาเดียวกันกระบี่สีดำเล่มหนึ่งก็ได้พุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายที่จุดตันเถียนของเยี่ยฉวน ขณะที่เสียงพูดดังกรอกเข้ามาในหูของชายหนุ่ม “ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว”

เยี่ยฉวนร่างแข็งเกร็ง หลังจากนิ่งงันไม่ชั่วครู่ เขาเงยมองไปที่ชายในผ้าคลุมสีดำที่อยู่เบื้องหน้า “เจ้าสู้อุตส่าห์มาคอย… กระบี่ประกายแสงระดับต้น…น่าซึ้งใจนัก… !!!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์