หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 192

สรุปบท บทที่ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย): หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

ตอน บทที่ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย) จาก หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย)

เมื่อกงชิงเฉิงพาเยี่ยหลิงมาส่งเยี่ยฉวน เยี่ยหลิงก็พลันกระโจนเข้าหาพี่ชายพลางกอดแขนไว้แน่น ราวกับเกรงว่าพี่ของนางจะหายไปไหน

เยี่ยฉวนเอื้อมมือลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู เขาละสายตาเงยขึ้นมองกงชิงเฉิงซึ่งพูดขึ้นว่า “พี่เยี่ย ถึงแม้ว่าท่านจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้แล้ว แต่ในอนาคตท่านจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่แน่นอน ทั้งยังเป็นศึกที่ท่านและสถานศึกษาฉางหลานเป็นผู้ริเริ่ม !” เยี่ยฉวนนิ่งฟังอย่างสนใจ

เสียงคนพูดดังต่อไปอีก ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กวาดตามองใบหน้าของทุกคน “คนที่มาที่นี่ล้วนแล้วแต่ได้รับฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากอิทธิพลที่เกื้อหนุนพวกเขา วันนี้พวกท่านสังหารคนเหล่านี้ เชื่อเถอะว่าพวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายไม่ยอมจบเพียงเท่านี้แน่ ! โดยเฉพาะสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น ซึ่งตั้งอยู่ในแผ่นดินชิงกับพวกจากดินแดนอันธกาล… ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองจะต้องยอมทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียง วันนี้พวกเขาต้องสูญเสียกำลังคนไปมากมาย ฉะนั้นวันหนึ่งพวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นเป็นแน่ และเมื่อถึงวันนั้น คนพวกนี้จะไม่ทำตามกฎกติกามารยาทใดทั้งสิ้นอีกต่อไป !!!”

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ คนพูดส่ายหน้าน้อย ๆ “สำหรับตอนนี้ เป็นเพราะเรื่องราวแต่หนหลังระหว่างพวกท่าน ข้าจึงมิอาจก้าวก่าย หากท่านยังมีชีวิตอยู่รอดจนผ่านพ้นวิกฤติไปได้แล้ว อาณาจักรต้าอวิ๋นยินดีต้อนรับท่านทุกเมื่อ และเชื่อว่าอีกไม่นานท่านจะได้ไปเยือนอาณาจักรต้าอวิ๋นสักครั้งภายหลังจากผ่านศึกใหญ่แล้ว ลาก่อน”

จากนั้นกงชิงเฉิงกระแทกกำปั้นค้อมกายแสดงคารวะอำลาต่อเยี่ยฉวนและทุกคน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป แล้วจึงเป็นเสียงคนผู้หนึ่งเดินขึ้นมายืนข้าง เป็นโม่อวิ๋นฉีที่พูดขึ้นว่า “อย่าบอกนะว่าหมอนี่พยายามจะทำดีกับพวกเรานะ ?”

เจียงจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเจ้าไม่ตาย และพัฒนาก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม เขาจะสานสัมพันธ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าปรากฏว่าเจ้าเป็นแค่คนอ่อนด้อย ข้าเชื่อว่าเขาไม่เสียเวลามาเสวนากับเจ้าแม้แต่คำเดียว พวกยอดอัจฉริยะมีความทะนงเชื่อมั่นในตัวเอง จะยอมคบหาแต่กับคนที่ทัดเทียมเสมอกัน และจะยื่นข้อเสนอให้กับคนที่มีความโดดเด่นเข้ารวมกลุ่มด้วย เพื่อคอยเป็นมือเป็นเท้าให้แก่กัน”

โม่อวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก “ข้าพอจะเข้าใจได้ !” ทันใดนั้นเจียงจิ่วหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “จงหนีไปเสีย” ทำเอาทุกคนพากันหันมองเจียงจิ่วด้วยสีหน้าตกตะลึง ! “ว่าไงนะ หนี ?”

หญิงสาวมองตรงเข้าไปในดวงตาเยี่ยฉวนแน่แน่ว “เจ้าต้องหนี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต ถึงอย่างไร การหนีไปตอนนี้… มันก็ยังมีโอกาสคอยเจ้าอยู่ในวันหน้า !”

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะดิก ครานี้เจียงจิ่วชักหงุดหงิด “เจ้าจะเป็นคนที่ยอมหัก ไม่ยอมงอเช่นนี้หรือ ? การหนีเพื่อไปตั้งหลัก ไม่ได้น่าอายแม้แต่น้อย !”

ชายหนุ่มมองหน้าคนพูด ริมฝีปากแสยะยิ้มขื่นขม “ถ้าข้าหนี จอมกะล่อนโม่อวิ๋นฉีกับคนอื่นล่ะ ? สถานศึกษาฉางหลานล่ะ ?” เจียงจิ่วนิ่งอึ้งไปด้วยคิดไม่ถึง

คราวนี้ชายหนุ่มจึงหันไปทางโม่อวิ๋นฉีและพวก “ข้ากับน้องไร้ญาติขาดมิตรที่ทำให้พวกเราต้องพะวักพะวง แต่จอมกะล่อนโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ พวกเจ้าไม่เหมือนข้า ทั้งสองคนยังมีครอบครัวจึงหนีไม่ได้ ถ้าข้าหนีไปเสีย คนพวกนั้นจะต้องทำอันตรายต่อเจ้าและครอบครัว…” กล่าวจบก็เบนสายตามายังหญิงสาว “แม้แต่ท่านก็ต้องพลอยเดือดร้อน”

คำพูดนั้นทำเอาเจียงจิ่วถึงกับนิ่งงันไป

เสียงโม่อวิ๋นฉีเอ่ยเบา ๆ “พี่หัวขโมยเยี่ย เจ้าควรหนีไปเสีย ! สำหรับพวกเรา…” คนฟังส่ายหน้าหนักแน่น และขัดจังหวะขึ้นว่า “ไม่ต้องพูด”

จากนั้นก็เอื้อมมือไปฉวยจับมือเล็ก ๆ ของน้องสาวมากุมไว้ “พวกเราสองพี่น้องกล้าพอ ที่จะยอมรับในผลแห่งการกระทำของเรา”

ในขณะนั้นเจียงจิ่วพูดทันที “อันที่จริงพวกเราเสมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว คนพวกนั้นไม่ยอมรามือจากน้องหลิงเอ๋อร์ ทั้งไม่ปล่อยวางฉางหลานแน่” นางหันไปพูดกับโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นที่เหลือ “ถ้าพวกเจ้าอ่อนด้อยหรือโง่เง่า พวกมันคงยอมปล่อยให้เจ้าได้หายใจอยู่ต่อไป แต่นี่พวกเจ้าไม่มีใครอ่อนแอสักคน ซ้ำยังเป็นยอดคนตัวฉกาจซึ่งต่อไปจะนำพาปัญหามาให้พวกมันไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยพวกเจ้าให้มีชีวิตอยู่ต่อไป และต้องการกำจัดทั้งหมด !”

โม่อวิ๋นฉีถอนใจเฮือก “เป็นคนเก่งเด่นดัง ก็ผิดแล้ว !” ไป๋เจ๋อชำเลืองหางตาอย่างหมั่นไส้ “โถ ไอ้ขี้คุย กล้าพูดเนอะ !” อีกฝ่ายหันขวับมาตอบโต้ “เหอะคนอย่างเจ้า ข้าขอพูดเลย… ใครเกี่ยวข้องด้วยก็โง่เต็มที่แล้ว !”

ทุกคนงงงัน “…”

เด็กหญิงหันไปคว้าข้อมือเยี่ยหลิง “ไปกับข้า !”

เยี่ยฉวนได้ยินเช่นนั้น เขาก้าวพรวดเข้าขวางเบื้องหน้าน้องสาว สายตาเขม้นมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ทว่าเด็กหญิงกลับตอบโต้เยี่ยฉวนอย่างไม่นึกกลัวเกรง “เจ้าปกป้องนางได้หรือ ?” ชายหนุ่มตอบเสียงเยือกเย็น “ข้าปกป้องนางด้วยชีวิต !”

ทว่าอีกฝ่ายกลับตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นปานกัน “ชีวิตของเจ้า ยังทำอะไรได้อีกงั้นหรือ ?”

ชายหนุ่มอ้าปากจะตอบโต้ถ้อยคำ แต่เด็กหญิงกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ถึงแม้ว่าคนที่สำเร็จขั้นผนึกยุทธ์ในสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น จะไม่มากเท่าสุนัขที่มีตามท้องถนน แต่อย่างน้อยน่าจะมีเกิน 20 คนอีกอย่างนอกจากฉางมู่ ยังมีดินแดนอันธกาล สำนักมือสังหารแห่งนี้เคยลอบสังหารคนในขั้นผนึกยุทธ์มาแล้ว นอกจากสองกลุ่มอิทธิพล ยังมีกลุ่มอิทธิพลน้อยใหญ่ในแผ่นดินชิงมากมายที่ต่างรอจะมาแก้แค้น…. ! ถึงตอนนั้นเจ้ายังมีปัญญาปกป้องนางอีกหรือ ?”

ชายหนุ่มยืนนิ่ง ริมฝีปากเม้ม มือสองข้างกำหมัดแน่น สีหน้าของเขายามนี้บิดเบี้ยวเหยเก ขณะนั้นเอง เสียงเบาหวิวของเยี่ยหลิงดังขึ้นว่า “ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง !”

ครานี้ร่างกายของเยี่ยฉวนสั่นน้อย ๆ เขาค่อยเบนหน้ามาทางน้องสาว ชั่ววินาทีนั้นน้ำตาหลั่งรินไหลเป็นทางลงมาตามร่องแก้มทั้งสองข้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์