บทที่ 55 เมืองหลวง ! (ปลาย)
เจ้าเด็กอ้วนเป็นคนที่สนใจใคร่รู้ต่อสิ่งต่าง ๆ รอบกาย เขาเดินเข้ามาแล้วจัดแจงวางผลไม้หลากชนิดซึ่งหอบมาจนเต็มอ้อมแขนลงตรงหน้าสองพี่น้องตระกูลเยี่ย พร้อมกับเอ่ยชักชวนอย่างใจดีว่า “พี่ชายใหญ่ พี่สาว พวกท่านกินผลไม้นี้สิ อร่อยนะขอรับ !”
เสียงนั้นทำให้พวกเขาทั้งสองหันมองหน้ากันแล้วต่างฝ่ายก็หัวเราะออกมา
ขณะนั้นเอง ลู่เสี่ยวหรานก็ได้เดินมาสมทบ เขาใช้มือหุ้มกำปั้นแสดงคารวะต่อเยี่ยฉวนพลางยิ้ม “ข้าเข้ามาขัดจังหวะของพวกเจ้าหรือไม่ ?” เขาเอ่ยถาม
เยี่ยฉวนตอบเจือเสียงหัวเราะ “ไม่เลย เชิญนั่งก่อนผู้อาวุโสลู่”
ลู่เสี่ยวหรานหย่อนกายลงบนม้านั่งที่ว่าง เด็กน้อยสองคนหลบออกไปอีกมุมหนึ่งอย่างรู้งาน
“ระยะทางอีกเพียงครึ่งวันพวกเราก็จะถึงเมืองหลวง สหายของข้า เจ้ารู้จักใครที่เมืองหลวงเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ?” ลู่เสี่ยวหรานถาม
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ
เขาไม่รู้จักใครที่เมืองหลวงแม้สักคนเดียว
ลู่เสี่ยวหรานยิ้มอย่างใจดีก่อนพูดกับเยี่ยฉวนว่า “ในเมืองหลวงมีคนอยู่มากหน้าหลายตา ทั้งคนดีและ คนชั่ว แต่ว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะหาโรงเตี๊ยมให้เจ้าพักชั่วคราวก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานศึกษาฉางมู่ ไว้ เมื่อเจ้าจัดการธุระเรียบร้อยแล้วพวกเราค่อยมาคิดกันว่าเจ้าจะพักที่นั่นต่อไปหรือไม่ เจ้าคิดเห็นเช่นไร ?”
เยี่ยฉวนคิดเห็นด้วย เขาพยักหน้าน้อย ๆ “ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว ผู้อาวุโส”
แน่นอนว่าเยี่ยฉวนไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจของลู่เสี่ยวหราน เคยมีคำ พูดหนึ่งกล่าวว่า ‘คบเพื่อนหนึ่งคนเสมือนมีทางเดินชีวิตหนึ่งเส้นทาง’ ในเมื่อคนแซ่ลู่มีความจริงใจ แล้วใยเยี่ย ฉวนจะปฏิเสธได้ลงคอ ?”
ลู่เสี่ยวหรานคลี่ยิ้มอย่างยินดีเมื่อได้ยินชายหนุ่มตอบรับ
เขาเป็นขุนนางในเมืองใหญ่ จึงพอจะมีบารมีกว้างขวางอยู่บ้าง การที่เขามาเป็นมิตรกับเยี่ยฉวนก็เป็น เพราะชื่นชมในความเป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์ของชายหนุ่มนั่นเอง
หลังจากนั่งคุยต่อไปอีกสักพักจนได้เวลา เขาจึงกลับออกไปพร้อมกับลู่หมิง
ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงเยี่ยฉวนและเยี่ยหลิงสองพี่น้อง
นางขยับมานั่งลงข้าง ๆ พี่ชาย เอ่ยถามชายหนุ่มเสียงละห้อย “ท่านพี่ ท่านปฏิเสธตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อยเป็นเพราะข้าใช่หรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนหันมามองหน้านางยังมิทันเอ่ยปาก เสียงอ่อน ๆ ดังพลันแว่วมาอีก “ข้าถามเจ้าอ้วนแล้ว เขา บอกข้าว่าผู้บัญชาการกองร้อยเป็นตำแหน่งสำคัญเพราะเทียบเท่ากับการเป็นคนของทางการ ท่านพี่ทำไมจึงทำอะไรโง่เช่นนี้ ? ท่านปฏิเสธทำไมกัน ?”
เยี่ยฉวนลูบไล้ศีรษะของนางก่อนจะถามว่า “ถ้ารับข้อเสนอนั่น แล้วเจ้าจะเป็นอย่างไรกันเล่า ?”
เยี่ยหลิงเงยหน้ามองพี่ชาย “ข้าเป็นตัวถ่วงของท่านใช่หรือไม่ ?”
ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ “เจ้าเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่ พี่จะทำทุกอย่างเพื่อเจ้าและจะให้ทุก สิ่งที่เจ้าปรารถนา”
เยี่ยฉวนเอื้อมจับมือน้องมาบีบเบา ๆ ขณะกล่าวต่อไป “ถ้าไม่มีเจ้า การเป็นเซียนกระบี่ก็หาได้มีความ หมายสำหรับข้าไม่”
ผู้เป็นน้องสาวน้ำตารินอาบแก้มก่อนโผกอดพี่ชายไว้แน่น
ในไม่ช้าความอ่อนล้าจากการเดินทางคืบคลานเข้ามานางจึงผล็อยหลับไป
“ขี้เซาอะไรเช่นนี้ !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์