สรุปเนื้อหา ตอนที่ 55 เมืองหลวง ! (ปลาย) – หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดย Internet
บท ตอนที่ 55 เมืองหลวง ! (ปลาย) ของ หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 55 เมืองหลวง ! (ปลาย)
เจ้าเด็กอ้วนเป็นคนที่สนใจใคร่รู้ต่อสิ่งต่าง ๆ รอบกาย เขาเดินเข้ามาแล้วจัดแจงวางผลไม้หลากชนิดซึ่งหอบมาจนเต็มอ้อมแขนลงตรงหน้าสองพี่น้องตระกูลเยี่ย พร้อมกับเอ่ยชักชวนอย่างใจดีว่า “พี่ชายใหญ่ พี่สาว พวกท่านกินผลไม้นี้สิ อร่อยนะขอรับ !”
เสียงนั้นทำให้พวกเขาทั้งสองหันมองหน้ากันแล้วต่างฝ่ายก็หัวเราะออกมา
ขณะนั้นเอง ลู่เสี่ยวหรานก็ได้เดินมาสมทบ เขาใช้มือหุ้มกำปั้นแสดงคารวะต่อเยี่ยฉวนพลางยิ้ม “ข้าเข้ามาขัดจังหวะของพวกเจ้าหรือไม่ ?” เขาเอ่ยถาม
เยี่ยฉวนตอบเจือเสียงหัวเราะ “ไม่เลย เชิญนั่งก่อนผู้อาวุโสลู่”
ลู่เสี่ยวหรานหย่อนกายลงบนม้านั่งที่ว่าง เด็กน้อยสองคนหลบออกไปอีกมุมหนึ่งอย่างรู้งาน
“ระยะทางอีกเพียงครึ่งวันพวกเราก็จะถึงเมืองหลวง สหายของข้า เจ้ารู้จักใครที่เมืองหลวงเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ?” ลู่เสี่ยวหรานถาม
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ
เขาไม่รู้จักใครที่เมืองหลวงแม้สักคนเดียว
ลู่เสี่ยวหรานยิ้มอย่างใจดีก่อนพูดกับเยี่ยฉวนว่า “ในเมืองหลวงมีคนอยู่มากหน้าหลายตา ทั้งคนดีและ คนชั่ว แต่ว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะหาโรงเตี๊ยมให้เจ้าพักชั่วคราวก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานศึกษาฉางมู่ ไว้ เมื่อเจ้าจัดการธุระเรียบร้อยแล้วพวกเราค่อยมาคิดกันว่าเจ้าจะพักที่นั่นต่อไปหรือไม่ เจ้าคิดเห็นเช่นไร ?”
เยี่ยฉวนคิดเห็นด้วย เขาพยักหน้าน้อย ๆ “ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว ผู้อาวุโส”
แน่นอนว่าเยี่ยฉวนไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจของลู่เสี่ยวหราน เคยมีคำ พูดหนึ่งกล่าวว่า ‘คบเพื่อนหนึ่งคนเสมือนมีทางเดินชีวิตหนึ่งเส้นทาง’ ในเมื่อคนแซ่ลู่มีความจริงใจ แล้วใยเยี่ย ฉวนจะปฏิเสธได้ลงคอ ?”
ลู่เสี่ยวหรานคลี่ยิ้มอย่างยินดีเมื่อได้ยินชายหนุ่มตอบรับ
เขาเป็นขุนนางในเมืองใหญ่ จึงพอจะมีบารมีกว้างขวางอยู่บ้าง การที่เขามาเป็นมิตรกับเยี่ยฉวนก็เป็น เพราะชื่นชมในความเป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์ของชายหนุ่มนั่นเอง
หลังจากนั่งคุยต่อไปอีกสักพักจนได้เวลา เขาจึงกลับออกไปพร้อมกับลู่หมิง
ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงเยี่ยฉวนและเยี่ยหลิงสองพี่น้อง
นางขยับมานั่งลงข้าง ๆ พี่ชาย เอ่ยถามชายหนุ่มเสียงละห้อย “ท่านพี่ ท่านปฏิเสธตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อยเป็นเพราะข้าใช่หรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนหันมามองหน้านางยังมิทันเอ่ยปาก เสียงอ่อน ๆ ดังพลันแว่วมาอีก “ข้าถามเจ้าอ้วนแล้ว เขา บอกข้าว่าผู้บัญชาการกองร้อยเป็นตำแหน่งสำคัญเพราะเทียบเท่ากับการเป็นคนของทางการ ท่านพี่ทำไมจึงทำอะไรโง่เช่นนี้ ? ท่านปฏิเสธทำไมกัน ?”
เยี่ยฉวนลูบไล้ศีรษะของนางก่อนจะถามว่า “ถ้ารับข้อเสนอนั่น แล้วเจ้าจะเป็นอย่างไรกันเล่า ?”
เยี่ยหลิงเงยหน้ามองพี่ชาย “ข้าเป็นตัวถ่วงของท่านใช่หรือไม่ ?”
ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ “เจ้าเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่ พี่จะทำทุกอย่างเพื่อเจ้าและจะให้ทุก สิ่งที่เจ้าปรารถนา”
เยี่ยฉวนเอื้อมจับมือน้องมาบีบเบา ๆ ขณะกล่าวต่อไป “ถ้าไม่มีเจ้า การเป็นเซียนกระบี่ก็หาได้มีความ หมายสำหรับข้าไม่”
ผู้เป็นน้องสาวน้ำตารินอาบแก้มก่อนโผกอดพี่ชายไว้แน่น
ในไม่ช้าความอ่อนล้าจากการเดินทางคืบคลานเข้ามานางจึงผล็อยหลับไป
“ขี้เซาอะไรเช่นนี้ !”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?” เยี่ยฉวนรู้สึกฉงนในใจ
ลู่เสี่ยวหรานยังคงหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสถานศึกษามีเทียบเชิญนางให้เข้าเป็นศิษย์ของที่นั่น แต่ข้าได้ยินว่านางกลับปฏิเสธ”
“ปฏิเสธ ?”
เยี่ยฉวนตะลึงงัน “ท่านหมายความว่าอย่างไร ?”
เขาส่ายหน้าพลางหัวเราะ “เพราะว่าทั้งสถานศึกษาฉางมู่ หามีใครคู่ควรเป็นผู้ชี้แนะให้กับนางไม่ ! หรือข้าควรจะบอกว่าขั้นพลังของนางนั้นสูงชั้นเกินไปจนเหมาะที่เป็นผู้ชี้แนะเสียมากกว่า จะว่าไป การที่ไม่ได้เข้า เรียนที่สถานศึกษาแห่งนี้น่าขบขันนักหรือ ?”
“…” เยี่ยฉวนอึ้งไปอีก
เสียงของลู่เสี่ยวหรานยังดังต่อไป “แม้ว่านางจะไม่ได้เข้าเป็นศิษย์ แต่สถานศึกษาก็ยังคงมอบตำแหน่งผู้ชี้แนะกิตติมศักดิ์ให้กับนางเพื่อเป็นเกียรติแก่ทางสถานศึกษา อันที่จริงถึงนางจะไม่มีอำนาจในทางปฏิบัติ แต่ทุกคนก็ยังคงต้องให้ความเคารพแก่นางเหมือนกับคนอื่นอยู่ดี จะมีข้อยกเว้นก็ต่อเมื่อเป็นผู้อาวุโส หรือไม่ก็ศิษย์ระดับหัวหน้าเท่านั้น
เขานิ่งคิดเพียงชั่วครู่ “ข้ามาคิดดูแล้ว บางที่เบื้องหลังอาจไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิด ! อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะต้องเป็นกังวลเสียหน่อย !”
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเริ่มสอบถามต่อไป “ผู้อาวุโส ข้าได้ยินมาว่าแพทย์ที่เก่งที่สุดอยู่ในสถานศึกษา ฉางมู่ ถูกต้องหรือไม่ ?”
ลู่เสี่ยวหรานผงกศีรษะ “ข้าไม่กล้ายืนยันว่าแพทย์ที่นั่นเก่งที่สุด แต่ถ้าเจ้าจะถามหาการแพทย์ที่ดีที่สุด ข้าก็คงต้องบอกว่าที่แคว้นเจียงแห่งนี้ แม้แต่แพทย์ในเมืองหลวงยังต้องมาขอคำปรึกษาจากแพทย์ในสถาน ศึกษาฉางมู่ อันที่จริงแล้วพวกเขาบางส่วนเองก็สำเร็จการศึกษาจากสถานศึกษาฉางมู่นี่เอง !”
เมื่อได้ยินได้ฟังเช่นนั้นชายหนุ่มจึงค่อยคลายกังวล เขาหันกลับสายตาเหม่อมองในที่ไกล ภาพเลือนรางของความยิ่งใหญ่และสง่าผ่าเผย เมืองเก่าแก่เบื้องหลังเทือกเขาสูง…
เมืองหลวง !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์