สรุปตอน ตอนที่ 54 เมืองหลวง ! (ต้น) – จากเรื่อง หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 54 เมืองหลวง ! (ต้น) ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 54 เมืองหลวง ! (ต้น)
การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเรือเหาะน่าเบื่อไม่ใช่น้อย เพราะบนนี้ไม่มีสิ่งใดให้ทำมากมายนัก
นอกจากการเล่นหยอกล้อกับน้องสาวไปวัน ๆ แล้ว ก็มีเพียงการฝึกซ้อมเท่านั้น
การบรรลุจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทำให้เยี่ยฉวนสามารถค้นพบเงื่อนงำอะไรบางอย่าง
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ !
ถึงแม้เยี่ยฉวนจะยังไม่เข้าใจสิ่งนี้อย่างถ่องแท้ ทว่าเมื่อปรากฏเงาของการต่อสู้ขึ้นมาเมื่อไร เขาก็จะ สามารถดึงเอาความสามารถนี้ออกมาใช้ได้เสมอ และการเรียกใช้ดังกล่าวก็จะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการต่อสู้ ของชายหนุ่มให้ทะยานพุ่งสูงขึ้นในชั่วพริบตา !
ยิ่งเขาต่อสู้มากขึ้นเท่าใด พลังของเขาก็จะยิ่งพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น !
ความจริงในข้อนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกระตือรือร้นและเหมือนกับได้รับแรงผลักดัน !
ทว่าน่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาเพลงกระบี่ มิเช่นนั้นแล้วเยี่ยฉวนจะคงจะกลายเป็นปรมาจารย์เพลงกระบี่อย่างแท้จริงไปแล้ว และถึงแม้ว่าจะค้นพบหนทางควบคุมจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถ เรียกตนเองว่าเป็นปรมาจารย์แห่งการต่อสู้ได้
ด้วยเหตุที่ว่าวิถีแห่งการต่อสู้ของเขายังไม่รุดหน้าพอนั่นเอง
ทั้งเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ล้วนเป็นรูปแบบเชิงสัญลักษณ์ของผู้เป็น ปรมาจารย์กระบี่ และปรมาจารย์แห่งการต่อสู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครที่สามารถบรรลุเคล็ดวิชาเหล่านี้แล้วจะได้ชื่อว่าปรมาจารย์กันทุกคน
มันยังคงมีกฎเกณฑ์ และขั้นตอนมากมายที่ต้องฝ่าฟันกันไป
สำหรับเยี่ยฉวน ด้วยสถานการณ์พาไปจึงทำให้ชายหนุ่มได้เรียนรู้เคล็ดวิชาด้วยความบังเอิญ ทว่ายังไงเสียขั้นตอนการฝึกฝนของเขาก็ยังถือว่าเป็นช่วงกลางของกระบวนการฝึกฝนเท่านั้น
คงต้องใช้อีกเวลานานกว่าที่จะได้เป็นปรมาจารย์แห่งการต่อสู้ คงต้องรอจนกว่าจะบรรลุถึงขั้นหลอมรวมลมปราณ เพื่อให้ควบคุมพลังชี่ของตนเองได้เสียก่อน ทว่าที่สุด การที่จะก้าวไปเป็นปรมาจารย์แห่งการต่อสู้นั่นก็ไม่ได้ห่างไกลเท่าไหร่นักสำหรับชายหนุ่ม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมขั้นพลังของเยี่ยฉวน ยิ่งเขาเข้าใจเคล็ด วิชาต่อสู้เท่าไหร่ เต๋าของเขาก็จะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ล้วนแต่น่าพึงพอใจทั้งสิ้น !
ขณะนี้เขาได้ครอบครองทั้งกระบี่ใจกระจ่างและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดในตอนนี้ก็คือการได้ประมือกับสตรีชุดขาวอันหลานซิ่ว
“ขั้นฝีมือเพียงเท่านี้ เจ้ายังไม่อาจเทียบชั้นกับนาง !”
เสียงสตรีปริศนาดังขึ้นราวกับจะเดาความคิดของเยี่ยฉวนออก “เมื่อครั้งที่นางประมือกับเจ้านั้น นางหาได้แสดงพลังออกมาทั้งหมดซึ่งนั่นคือขั้นพลังที่แท้จริงของนาง เพื่อจะข่มความสามารถจริงไว้มิให้ปรากฏอย่าง เด่นชัด ข้าคิดว่านางพยายามปกปิดพลังต่อหน้าข้า” เสียงกล่าวต่อไป
ชายหนุ่มไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน !
เมื่อได้ทราบดังนั้น เยี่ยฉวนพลันสีหน้าแปลกไป เขาเอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโส นางปิดบังพลังยุทธ์ต่อท่าน หรือ ?”
เสียงสตรีลึกลับตอบกลับอย่างเป็นธรรมดา “ผู้ใดปกปิดพลังยุทธได้ สำหรับข้าแล้วคนผู้นั้นก็เปรียบ เสมือนกับได้ครองบัลลังก์ที่เหนือชั้นเสียยิ่งกว่าระดับพลังทั่วไปมาก เพราะมีเพียงผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศเท่านั้นที่ปิดบังพลังของตนเอาไว้ได้”
นางนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อไป “จงหลีกเลี่ยงการทำตามเยี่ยงอย่างคนที่มาก่อน หรือแม้แต่คิดที่ จะลอกเลียนแบบ จงค้นหาวิถีของตนเองเสีย สิ่งที่เจ้าค้นพบได้ด้วยตัวเอง เจ้าย่อมจะได้ครอบครองสิ่งนั้นโดย แท้จริง ดูอย่างจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจ้า เจ้าเป็นผู้ค้นพบและครอบครองเคล็ดวิชานี้ด้วยวิถีของตนเอง ถ้าเมื่อใดข้าสั่งให้เจ้าทำ เจ้าก็จะหลับหูหลับตาทำตามที่ข้าบอก ไม่มีทางที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หลายครั้งที่ ความตั้งใจก็พ่ายให้แก่ความต้องการ… เฮ้อ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาสาธยายเรื่องง่าย ๆ พวกนี้ให้เจ้าฟังเสียหน่อย หวังว่าเจ้าจะเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนในไม่ช้าก็แล้วกัน เอาละ พอแล้ว อย่ามารบกวนข้าอีก !”
“…” เขาไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อได้อีก
เยี่ยฉวนไม่ต้องการให้นางต้องลำบากใจ อันที่จริงแล้วชายหนุ่มก็พอจะเข้าใจความนัยของประโยคนั้นบ้างแล้ว
เช่นเดียวกับการปีนป่ายหน้าผาสูงชัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจความเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากในการปีนป่ายโดยอาศัยจากลมปากของคนอื่นเล่าให้ฟัง มีแต่ต้องลองทำด้วยตนเท่านั้นจึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่ามันเป็นเช่นไร
ทำนองเดียวกันนั้น ทั้งเคล็ดวิชาต่อสู้ และเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ เยี่ยฉวนล้วนต้องผ่านประสบการณ์จนกระจ่างแจ้งได้ด้วยตนเองว่ามันทั้งยากเย็นและหนักหนาเพียงใด !
1 ชั่วยามถัดมา เยี่ยฉวนยืนอยู่ด้านนอกของหอคอยเรือนจำ
เด็กอ้วนลู่หมิงเดินกลับเข้ามาในห้องซึ่งเขาและพี่น้องตระกูลเยี่ยพักอยู่ร่วมกัน นับตั้งแต่เด็กน้อยได้รู้ เห็นพลังของเยี่ยฉวนครั้งที่ไปเยือนเมืองหน้าด่าน ความชื่นชมในชายหนุ่มของเจ้าหนูยิ่งเพิ่มพูนจนเกือบเป็น ความคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้
เขาเคยชื่นชมต่อกระบี่ของผู้ฝึกยุทธ์ และเมื่อคราวที่เยี่ยฉวนยืนหยัดอยู่ท่ามกลางสถานการณ์คับขัน ภาพที่ปรากฏช่างสง่างามน่าประทับใจที่ตราตรึงเหลือเกินสำหรับเด็กน้อย
ศรัทธา !
เลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์