หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 53

บทที่ 53 เสื้อเกราะเงิน ดาบทองคำ ! (ปลาย)

อีกมุมหนึ่ง ฮั่นเซียงเหมิงที่เห็นเข้ากับนางก็ถึงกับสะดุ้งตัวเล็กน้อย หญิงสาวพลันรีบเดินออกมารับสตรีเสื้อเกราะเงิน ก่อนจะตามด้วยลู่เสี่ยวหรานที่ตามมาติด ๆ ทั้งสองคนมาหยุดลงเบื้องหน้าสตรีเกราะเงิน ทำท่า แสดงความเคารพ ก่อนที่เจ้าเมืองลู่จะกล่าวออกมาก่อน “เกล้ากระหม่อมลู่เสี่ยวหราน เจ้าเมืองพันภูผาขอ ถวายบังคมองค์หญิงที่เก้าพ่ะย่ะค่ะ”

สตรีสวมเกราะเงินหันมามองลู่เสี่ยวหราน “เจ้าเมืองลู่ ถึงแม้เมืองหน้าด่านแห่งนี้จะไม่ใช่เขตแดนที่อยู่ ในความดูแลของเจ้าก็จริง แต่เจ้าก็เป็นคนของแคว้นเจียง เวลานี้มีคนจากแคว้นถังบุกรุกเข้ามาก่อความวุ่นวายในเขตของเรา แต่เจ้ากลับปล่อยปละเลยเช่นนี้ เจ้าสมควรโดนลงโทษ ข้าขอสั่งให้หักเบี้ยหวัดเงินปีเป็นเวลา 5 ปี อีกทั้งยังต้องรับผิดชอบจัดการงานพิธีศพให้แก่คนที่ถูกฆ่าตายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว”

ลู่เสี่ยวหรานค้อมตัวลงต่ำรอรับบัญชา “กระหม่อมสมควรถูกลงโทษพ่ะย่ะค่ะ !”

ฮั่นเซียงเหมิงถลันออกมาเบื้องหน้าสตรีเกราะเงิน นางค้อมกายลงเล็กน้อยแสดงความเคารพ “หม่อม ฉันฮั่นเซียงเหมิงแห่งสำนักอัปสรเมรัย ขอถวายบังคมองค์หญิงเก้าเพคะ !”

ทว่าเมื่อเห็นท่าทีดังกล่าว สตรีชุดดำกลับเขม้นมองด้วยท่าทีตรงข้ามกัน “ถ้าเจ้ายังยืนอยู่เฉยและพูด แก้ตัวให้คนของเมืองนี้ออกมาอีกเพียงคำเดียว ในฐานะแม่ทัพ ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะได้เห็นอนาคตของสำนัก อัปสรเมรัยจบสิ้นลงแน่ น่าเศร้านัก เจ้าเป็นคนของแคว้นเจียงเสียเปล่า แต่กลับไม่เห็นแก่บ้านเมืองตนเอง เหตุ ไฉนแคว้นนี้จึงให้คนเช่นเจ้าเข้ามาอาศัยอยู่ นับแต่นี้เจ้าไม่ใช่คนของแคว้นเจียงอีกต่อไป หากสำนักอัปสรเมรัย ยังคงปล่อยให้เจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยว ข้าจะเป็นคนลงโทษด้วยมือของข้าเอง !”

ฮั่นเซียงเหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พลันมีใบหน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก !

ช่วงที่ผ่านมานางยังมีความหวังว่าขุนนางชั้นผู้น้อยซึ่งพักอยู่บนชั้นที่สามจะช่วยนางให้มีโอกาสได้กลับไปเมืองหลวง ทว่าในเวลานี้คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของสตรีเกราะเงินกลับได้ทำลายความหวังของนางพังทลายจนหมดสิ้น !

สำนักอัปสรเมรัยพยายามรักษาความสัมพันธ์กับชนชั้นอำนาจมาตลอด แต่มาตอนนี้นางกลับไม่อาจมีโอกาสเช่นนั้นแล้ว !

สตรีเสื้อเกราะเงินหันมาทางเจ้าเมืองหน้าด่านและทหารติดตามซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ถัดออกไป “แคว้นถังถูกรุกราน แต่ผู้เป็นเจ้าเมืองกลับรักตัวกลัวตายปล่อยให้ชาวเมืองถูกเข่นฆ่าทารุณ เจ้าเมืองเช่นเจ้าไม่ควรได้รับ การอภัยโทษและต้องถูกประหารโดยการแยกร่างออกเป็นชิ้น ๆ ส่วนทหารของเจ้าต้องถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยนคนละ 50 ไม้ หลังจากรักษาแผลจนหายดีแล้วให้ส่งพวกมันไปแทนทหารม้าที่ล้มตาย หากมันสามารถทำศึก สงครามเพื่อบ้านเมืองจนมีความดีความชอบจึงจะได้ละเว้นโทษตายในวันนี้ เอาพวกมันออกไป !”

ได้ยินดังนั้นผู้ปกครองเมืองหน้าด่านก็ถึงกับเป็นลมล้มตึงลงตรงหน้า

สิ้นคำพูดของสตรีเสื้อเกราะเงิน คนทั้งหมดต่างทยอยกันลากร่างเจ้าเมืองที่ไม่ได้สติ และนำพากลุ่ม ทหารติดตามออกไปทันที จนเหลือทิ้งไว้แต่ความเงียบงันทั่วบริเวณ

ในที่สุดนางก็หันกลับมามองที่เยี่ยฉวนและเอ่ยถาม “ก่อนหน้านี้คนทั้งเมืองหาได้มีผู้ใดกล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับศัตรู แต่ทำไมเจ้าจึงกล้าทำเช่นนั้น ?”

เยี่ยฉวนมองสบตาสตรีเสื้อเกราะเงิน “ถึงข้าจะไม่ใช่ชาวเมืองหน้าด่าน แต่ข้าก็เป็นคนแคว้นเจียง เมื่อ เห็นแคว้นของข้าถูกย่ำยีหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีเช่นนี้ไหนเลยจะทนได้ ดังนั้นข้าจึงต้องทำอะไรสักอย่าง !!”

นางนิ่งฟังพลางพยักหน้า สายตาฉายแววพอใจอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าบุรุษในแคว้นเจียงเป็นเช่นเจ้า แคว้นเล็ก ๆ อย่างแคว้นถังจะสักแค่ไหนกัน ? ถ้าข้าขอให้เจ้ามาร่วมกองทัพและมอบตำแหน่งผู้บัญชาการ กองร้อย เจ้าจะว่าอย่างไร ?”

ได้ยินคำพูดของนางเต็มสองหู สีหน้าของฮั่นเซียงเหมิงและลู่เสี่ยวหรานพลันเปลี่ยนไป

ดูเหมือนองค์หญิงเก้าจะชอบใจเยี่ยฉวนเข้าเสียแล้ว !

มากไปกว่านั้นเขายังได้รับข้อเสนอให้เป็นถึงผู้บัญชาการกองร้อย …นี่ย่อมหมายถึงอนาคตที่รุ่งโรจน์ เป็นแน่ !

เป็นใครก็ย่อมรู้ดีว่าผู้บัญชาการกองร้อยจะได้พลทหารในสังกัดถึงหนึ่งร้อยนาย !

“เข้าร่วมกองทัพ ?”

เยี่ยฉวนตะลึงงันไปเล็กน้อย ก่อนจะสั่นหน้าปฏิเสธ

“ข้าคงต้องขอปฏิเสธ !”

อีกฟากหนึ่งของลาน ลู่เสี่ยวหรานขยับปากเหมือนจะเอ่ยวาจาทว่ากลับหุบปากนิ่ง ด้วยเขารู้ว่าหาก เยี่ยฉวนยอมรับข้อเสนอขององค์หญิง เขาจะมีองค์หญิงคอยหนุนหลังซึ่งนั่นถือเป็นโอกาสทองของตน !

อันที่จริงฮั่นเซียงเหมิงเองก็แปลกใจเช่นกัน แต่นางรู้ว่าเยี่ยฉวนมีเซียนกระบี่อยู่เบื้องหลัง จึงค่อยรู้สึก เบาใจ

“ก็จริงนะ เจ้าหนุ่มอนาคตไกลเช่นนี้จะมาสนใจอะไรกับตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อยของแคว้นเล็ก ๆ เช่นนี่เล่า ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์