หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 52

บทที่ 52 เสื้อเกราะเงิน ดาบทองคำ ! (ต้น)

เคล็ดวิชา !

ความหมายของคำนี้ออกเป็นเชิงอุดมคติ ทว่าเป็นสิ่งที่จับต้องได้

ในโลกใบนี้มีหลากหลายเคล็ดวิทยายุทธ์เกิดขึ้นมากมาย เช่นเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ เคล็ดวิชาเพลงทวน เคล็ดวิชาเพลงมวย เคล็ดวิชาเพชฌฆาต และเคล็ดวิชาต่อสู้ แต่ละเคล็ดวิชาล้วนยากยิ่งต่อการเรียนรู้ได้อย่าง ถ่องแท้ จะขอยกตัวอย่างเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ ที่ทั่วทั้งแคว้นเจียงกลับมีเซียนกระบี่เพียงหนึ่งคน หรือจะกล่าว ว่าในแคว้นเจียงมีคนอยู่ผู้เดียวที่สามารถเรียนรู้จนเข้าใจเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ได้อย่างถ่องแท้ก็ว่าได้

เหตุผลที่ทำให้เคล็ดวิชาต่อสู้ยากต่อการเรียนรู้จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็เป็นเพราะเคล็ดวิชาไม่มีระบุวิธี ฝึกยุทธ์ที่แน่นอนตายตัว ผู้ฝึกยุทธจะสามารถเรียนรู้จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่ตัวของผู้นั้นเอง

เมื่อใดก็ตามที่ผู้ฝึกยุทธสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ในเคล็ดที่ว่า ความสามารถในการต่อสู้ของผู้นั้นจะยิ่งเพิ่มพูนรวมทั้งผู้ฝึกสามารถพัฒนาสู่ขั้นที่สูงยิ่งขึ้นไปอีกได้ !

ดังเช่นในเวลานี้ที่เยี่ยฉวนเคยเรียนรู้เคล็ดวิชาเพลงทวนมาพอสมควร ทว่าครั้งนี้ยังไม่แน่ชัดว่าที่เรียนรู้มานั้นเพื่อตนเองหรือเพื่อน้องสาวกันแน่ ความจริงแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าจะเรียนรู้ไปทำไม

ชายหนุ่มรู้เพียงว่าไม่เคยคิดถอย อย่าว่าแต่ต้องเผชิญหน้ากับกองพันทหารม้า ต่อให้มีทหารม้าสักหนึ่งหมื่นมาอยู่ต่อหน้าก็ตาม !

สู้ตาย !

ทุกย่างก้าวของเยี่ยฉวนก่อให้เกิดลมแห่งจิตวิญญาณต่อสู้ถาโถมราวกับพายุ แรงลมหอบเอาฝุ่นละอองจากพื้นดินให้ฟุ้งกระจาย ก่อนรวมตัวเป็นพายุฝุ่นมหึมาพัดหมุนวนอยู่รอบกายของชายหนุ่ม !

อย่างไรก็ตาม กำลังปะทะจากกองทหารม้าเสื้อเกราะดำทั้งกอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งความเร็วและความแรงที่เกิดขึ้นนั้นกลับน่ากลัวยิ่งกว่ากำลังพายุของเยี่ยฉวนเสียอีก

ทว่าในแววตาของเยี่ยฉวนหาได้ปรากฏร่องรอยแห่งความหวาดกลัวแม้สักน้อย ในทางกลับกันเขากลับยิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและทวีความเร็วขึ้น !!

เบื้องหลังชายหนุ่ม ห่างออกไปไม่ไกลนัก สาวน้อยอาอวี้กำลังวิ่งเข้าหาทหารม้าเกราะดำ แววตา กระตือรือร้นของนางส่องประกายบ้าคลั่งอย่างชัดเจน

เยี่ยฉวนและกองทหารม้าเกราะดำต่างวิ่งเข้าหากันจนเหลือระยะห่างราว 90 จั้งก่อนเข้าปะทะ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ ๆ หัวหน้าทหารวัยกลางคนในชุดเกราะดำก็ได้ชูมือขวาขึ้น ทันใดนั้นเองทหารม้าเกราะดำนับพันนายก็พลันหยุดนิ่งปราศจากการเคลื่อนไหวใด

พวกเขาหยุดนิ่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีแตกแถว !

…สายตาของหัวหน้าทหารมองมาที่เยี่ยฉวนจากระยะที่ห่างกันราว 90 จั้งอย่างไม่วางตา ด้วยเพราะ ทางขวามือของชายหนุ่มปรากฏสตรีนางหนึ่งบนหลังม้าควบตรงเข้ามาช้า ๆ

นางสวมเสื้อเกราะอ่อนสีเงิน ที่เอวเหน็บดาบโค้งทำด้วยทองคำ ผมยาวรวบเป็นหางม้าทิ้งตัวลงเบื้อง หลัง ใบหน้าแม้ไม่ถึงกับสวยเลิศเลอทว่าสายตากลับวาววับคมกริบราวใบมีด หญิงสาวค่อย ๆ ขยับเดินม้าใกล้ เข้ามา ท่วงท่าไม่รีบร้อน

เสื้อเกราะเงิน ดาบทองคำ !

เหล่าทหารม้าเกราะดำนับพันเมื่อเห็นเช่นนั้นพลันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ทั่วทั้งแคว้นเจียง เป็นที่รู้กันว่าผู้ที่สวมเสื้อเกราะสีเงินและเอวเหน็บดาบทองคำคือองค์หญิงเก้าแห่ง แคว้นเจียง ผู้ที่กล่าวกันว่าเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำกองทัพโดยแท้ !

นางคือคนที่แคว้นถังกลัวเกรงมากที่สุด !

และมิใช่เพียงแคว้นถังเท่านั้น แต่กล่าวกันว่าแม้แคว้นที่อยู่โดยรอบต่างก็แสดงความครั่นคร้ามต่อนางด้วยเช่นกัน !

องค์หญิงเก้าแห่งแคว้นเจียงกับอันหลานซิ่ว ทั้งสองได้รับสมญานามว่าผู้เยี่ยมยุทธแห่งแคว้นเจียง และเป็นเสมือนตำนาน !

ด้านหน้าสุดของกองทหารม้าเกราะดำ ชายกลางคนละสายตาออกจากภาพตรงหน้า เขาจับจ้องมาที่ เยี่ยฉวนซึ่งยืนไม่ห่างกันนัก หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนก็พลันสั่งถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับไป พร้อมกัน และไม่นานก็หายลับไปจากสายตา

พวกเขามาเร็วไปเร็วยิ่งนัก !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์