ตอนที่ 7 หากท้องฟ้าร่วงหล่นมา ข้าจะคว้าเป็นคนแรก (ต้น) – ตอนที่ต้องอ่านของ หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์
ตอนนี้ของ หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 7 หากท้องฟ้าร่วงหล่นมา ข้าจะคว้าเป็นคนแรก (ต้น) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 7 หากท้องฟ้าร่วงหล่นมา ข้าจะคว้าเป็นคนแรก (ต้น)
เยี่ยฉวนและเยี่ยหลิงรีบร้อนเดินไปตรงไปยังห้องครัวโดยไม่สนใจผู้คนที่ชี้ไม้ชี้มือ จับกลุ่มนินทาพวกเขาสองพี่น้องตลอดทาง
เมื่อครั้งเยี่ยฉวนยังเป็นผู้สืบทอสายตรงของตระกูลเยี่ย ผู้คนเหล่านี้ให้ความเคารพนบนอบต่อเขาเสมอ ทุกครั้งที่เห็นเขาเป็นต้องได้ยินคำกล่าวทักทาย แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป เยี่ยฉวนไม่ได้อยู่ในฐานะเช่นเดิมแล้ว ผู้คนเหล่านั้นที่เคยเห็นเขาแล้วทำเป็นปลาบปลื้มต่างพากันหลีกเลี่ยงหรือไม่ก็ทำเป็นไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้ผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยคนใหม่ก็คือเยี่ยหลาง คำสั่งของเยี่ยหลางและผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยถือเป็นที่สิ้นสุด ใครเลยจะกล้าขัดขืน ?
เยี่ยฉวนไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ และคิดเพียงว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้น เราจึงได้เห็นเนื้อแท้ของแต่ละคนก็เท่านั้น !
บนทางเดิน เยี่ยหลิงกุมมือเยี่ยฉวนแน่นพลางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านพี่ พวกเราทำเป็นลืมมันไปไม่ได้หรือ ? ข้า ข้าไม่เจ็บ… พวกเขามีพวกผู้อาวุโสคอยหนุนหลังอยู่ เดี๋ยวท่านพี่จะเดือดร้อนเอาได้นะเจ้าค่ะ”
เยี่ยฉวนหยุดเดิน เขาหันไปมองเยี่ยหลิงและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ใครก็ตามที่มันกล้าตีเจ้า ทำร้ายเจ้า ต่อให้เป็นผู้เฒ่าผู้อาวุโส พี่ก็จะฆ่ามันให้เหี้ยน !”
ในขณะที่พูดแบบนั้น เยี่ยฉวนก็พาเยี่ยหลิงเดินไปต่ออย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าชายหนุ่มก็มาถึงโรงครัวตระกูลเยี่ยพร้อมกันกับเยี่ยหลิง พร้อมกันนั้นชายร่างอ้วนก็ปรากฏตัวออกมา
คนผู้นี้คือหัวหน้าคนครัวแซ่หวัง ผู้มีอำนาจในการควบคุมดูแลการทำงานในโรงครัวตระกูลเยี่ยทั้งหมดอยู่ในกำมือ !
หัวหน้าหวังมองมาที่เยี่ยฉวน ตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่แล้วใบหน้าอ้วนท้วนนั้นก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้ม “ไง ลมอะไรหอบท่านผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยมาที่นี่กัน ? อ่า ไม่สิ ต้องขอโทษที ดูท่าความจำของข้าคงผิดเพี้ยนไปแล้ว ข้าหลงลืมไปว่าท่านนั้นไม่ใช่ผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยอีกต่อไป อา ความจำของข้านี่ช่างแย่จริง ! ใช่แล้ว ข้าควรเรียกท่านว่าพี่เขยเสียแล้วกระมังตอนนี้ บรรดาผู้อาวุโสตัดสินใจยกน้องสาวท่านให้กับข้า ดังนั้นเรา…”
ทันใดนั้น เยี่ยฉวนวิ่งปราดเดียวขึ้นมาถึงด้านหน้าหัวหน้าหวัง และก่อนที่หัวหน้าพ่อครัวร่างอ้วนผู้นี้จะได้ทันตั้งตัว เยี่ยฉวนก็พลันประเคนหน้าแข้งเตะเข้ากลางเป้ากล่องดวงใจเข้าให้
“อ๊าก !”
หัวหน้าหวังเบิกตากว้าง ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยว
ผู้คนที่ยืนล้อมรอบอยู่ต่างตกอยู่ในความตะลึงงัน
“เยี่ยฉวน เจ้าจะทำอะไร ?”
ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน เยี่ยฉวนเดือดจัดจนตะโกนกร้าว “นับตั้งแต่เกิดมา ข้ายังไม่เคยลงมือทุบตีน้องสาวตัวเองแม้เพียงครั้งเดียว แต่เจ้าเป็นใครกัน กล้าดียังไงถึงได้บังอาจมาตีนาง”
ไม่ทันขาดคำเยี่ยฉวนก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหัวหน้าหวังทันที
“เพียะ !”
เสียงตบนี้ดังราวกับสายฟ้าฟาด !
หัวหน้าหวังเลือดกบปาก ร่างอ้วนท้วนนั้นกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น ทั้งสองมือกุมเป้า ส่วนปากก็ร้องโหยหวนไม่หยุดเหมือนหมูที่กำลังจะถูกฆ่า
เยี่ยฉวนกำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลังด้วยความกรุ่นโกรธ “เยี่ยฉวน เจ้ากล้าดียังไง !”
ตระกูลจาง ตระกูลหลี และตระกูลเจียง กองกำลังทั้งสามนี้รวมเข้ากับตระกูลเยี่ย จึงเรียกได้ว่าสี่กองกำลังเสาหลักของเมืองชิง ในบรรดาทั้งสี่นั้น ตระกูลเยี่ยถือเป็นกองกำลังที่อ่อนด้อยมากที่สุด
เมื่อได้ยินเยี่ยฉวนกล่าวดังนั้น สีหน้าเยี่ยกู่ก็พลันเริ่มกลายเป็นน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ เขาโต้ตอบอย่างดุเดือด “เยี่ยฉวน เจ้าถือดียังไง ? เจ้ากล้าทำร้ายคนเวลากลางวันแสก ๆ ต่อหน้าคนพวกนี้ เจ้า…”
“เจ้ากำลังพล่ามเรื่องอะไรอยู่กัน ?”
เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว เยี่ยฉวนก็จึงประกาศกร้าว “ถึงข้าสับมันเป็นชิ้น ๆ แล้วอย่างไร ถ้าเจ้ากล้า ก็จงเข้ามา !”
ใบหน้าของเยี่ยกู่พลันเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความโกรธ จนต้องร้องคำรามออกมา “จับตัวมาให้ข้า !”
แต่ถึงกระนั้น ผู้คุ้มกันเพียงไม่กี่คนของตระกูลก็ยังไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว
ในนามของตระกูลเยี่ย เยี่ยฉวนได้ผ่านศึกมาแล้วนักต่อนัก กิตติศัพท์และศักดิ์ศรีอันสูงส่งของเขาจึงเป็นที่กล่าวขวัญถึงในกองกำลังของตระกูลเยี่ยอย่างมากมาย เมื่อครั้งต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังทั้งสาม ไม่เพียงแต่เยี่ยฉวนจะกล้ายืนยันในคำพูดของตัวเอง แต่เขายังสามารถต่อสู้ได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มก็มักจะพาคนของตระกูลเยี่ยบุกตะลุยแก่งแย่งดินแดนอยู่ข้างนอก ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าผู้คุ้มกันส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันกับเยี่ยฉวนทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าผู้คุ้มกันไม่มีการเคลื่อนไหว เยี่ยกู่ก็ดูจะประหลาดใจนัก เขาตะโกนก้องขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธ “พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้าเชียวหรือ ?”
หัวหน้าผู้คุ้มกันตระกูลเยี่ยมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยความลังเล “พี่เยี่ย ข้า… พวกเรา…”
เยี่ยฉวนเหลียวมองที่ยามคนนั้น “หลี่มู่ เจ้าเองสู้ฝ่าฟันผ่านประสบการณ์นองเลือดนับร้อยมาด้วยกันกับข้า พี่น้องนักรบทั้งหลาย ยามต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่พวกเจ้าย่อมรู้จักข้าดีที่สุดว่าข้านั้นย่อมเทิดทูนตระกูลเยี่ยเหนือสิ่งอื่นใด มาบัดนี้ ครอบครัวตอบแทนข้าและน้องสาวด้วยอาหารกากเดน ข้าจะไม่ทนกับสิ่งนี้ ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด ข้าเข้าใจฐานะและหน้าที่ของพวกเจ้าดี อย่างไรเสีย ข้าเองก็ควรจะบอกกล่าวเรื่องนี้ล่วงหน้า ความเป็นพี่น้องของพวกเราสิ้นสุดนับตั้งแต่บัดนี้ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตาต่อข้า และข้าก็จะไม่ขอยั้งมือเช่นกัน !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์