หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 8

บทที่ 8 หากท้องฟ้าร่วงหล่นมา ข้าจะคว้าเป็นคนแรก (ปลาย)

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลี่มู่ก็พลันกลับกลายเป็นไม่ชวนมองยิ่ง

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเกิดเหตุสงครามระหว่างตระกูลที่ผ่านมาจึงต้องพึ่งพาเยี่ยฉวน ในเวลานั้น ทุกฝ่ายจะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงมีกฎที่อนุญาตให้เพียงผู้สืบทอดรุ่นใหม่เท่านั้นที่จะออกมาต่อสู้ได้ ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดจำนวนการสูญเสีย แต่ยังทำให้เหล่าผู้สืบทอดรุ่นหลังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

และเยี่ยฉวนคือตัวแทนจากตระกูลเยี่ย !

อาจกล่าวได้ว่าเขาคือผู้สืบทอดชนรุ่นหลังของตระกูลเยี่ย และผู้คุ้มกันเหล่านี้ก็ล้วนต่างมีมิตรภาพและความสัมพันธ์ตื้นลึกหนาบางด้วยกันกับเยี่ยฉวน !

….ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ล้วนเป็นที่ประจักษ์ในหมู่คนรุ่นเดียวกันนั่นก็คือความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวน แน่นอนว่าหากได้เริ่มต่อสู้แล้ว เขาจะกลายเป็นคนบ้าที่ไม่รักตัวกลัวตายขึ้นมาทันที ดังนั้นแล้วผู้คุ้มกันที่มาขัดขวางจะต้องถูกฆ่าหากตั้งท่าว่าจะสู้เป็นแน่แท้ !

เมื่อเห็นว่าหลี่มู่และคนอื่น ๆ ไม่ยอมขยับ เยี่ยกู่ก็จึงพูดขึ้นอย่างไร้ความปราณี “เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตแล้วหรือไง ?”

หลี่มู่สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อที่จะได้เริ่มคุยกัน มาถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนกลับพูดสวนขึ้นมากระทันหันว่า “เจ้าเองก็รู้ดีว่าบรรดาคนของเจ้านั่นไม่ใช่คู่มือข้า เพียงแต่เจ้าไม่กล้าลงมือเองต่างหาก ในทางกลับกัน เจ้าแค่คาดหวังจะให้พวกเขาเคลื่อนไหว ทีนี้พอข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด เรื่องนี้ก็จะได้ดูใหญ่โตขึ้น”

เป็นจริงดังเขาว่า เยี่ยฉวนยิ้มที่มุมปาก “เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยใช้ชีวิตอย่างแสนสุขสบาย เพราะแผนการทุกอย่างล้วนแต่มีทหารรับใช้อย่างเจ้าลงมือทำให้ เหตุใดจะลงมือเองกันเป็นเล่า !”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่มู่และทหารคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดี “เยี่ยกู่คนนี้คงคิดจะใช้พวกเราเป็นเบี้ยล่ะสิท่า !”

เยี่ยกู่จ้องเยี่ยฉวนเขม็งก่อนจะกล่าว “เยี่ยฉวน วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หากเจ้าอยู่ในระดับต่ำ เจ้าอาจยังมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน แต่น่าเสียดายนัก เจ้านั้นช่างไม่มองการณ์ไกลเอาเสียเลย ตรงจุดนี้นี่แหละ ที่ทำให้เจ้ายังคงอยู่ด้วยความโง่งมหยิ่งผยองต่อไป เจ้าจะต้อง…”

“เจ้าสุนัขเฒ่า !”

เมื่อมาถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนพลันเอ่ยขัดเยี่ยกู่ขึ้นทันที “เจ้าเป็นคนจัดการยกน้องสาวข้าให้แต่งงานกับเจ้านั่นใช่หรือไม่ ?”

เยี่ยกู่กล่าวตอบ “ใช่แล้ว เป็นความคิดของข้าเอง เจ้าจะทำไม ?”

เยี่ยฉวนเกรี้ยวกราดขึ้นมาในทันใด “ข้าสาบานต่อฟ้าดินเอาไว้ หากใครคิดร้ายต่อข้าและเยี่ยหลิง ข้าก็จะกำจัดมันผู้นั้นเสีย น้องสาวข้าอายุเพิ่งจะได้เพียง 12 ปีเท่านั้น และสำหรับเจ้าสุนัขเฒ่าที่มันกล้าคิดสกปรกต่อนาง ข้าจะส่งมันไปลงหลุมเสียเดี๋ยวนี้ !”

เมื่อพูดจบ เยี่ยฉวนก็พลันกระทืบเท้าขวาเป็นสัญญาณจู่โจม !

ปัง !

พื้นหินสีฟ้าข้างใต้เท้าของเยี่ยฉวนระเบิดขึ้น ชายหนุ่มกระโดดปราดเดียวไปถึงตัวเยี่ยกู่ราวกับเสือที่หิวโหยรอขย้ำเหยื่อ

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้ สีหน้าของเยี่ยกู่พลันเปลี่ยนไปในทันที เขาไม่คิดว่าเยี่ยฉวนจะกล้าลงมือเนื่องจากตนเองเป็นถึงหนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเยี่ย ! “เยี่ยฉวน เจ้าต้องการจะก่อกบฏ ?” เยี่ยกู่ไม่มีเวลาให้คิดมากมายนัก เขาหมอบลงและก้าวถอยไปข้างหลังในขณะที่มือขวากำหมัด เวลาต่อมา เขาก็พุ่งไปข้างหน้า

หมัดทลายภูผา !

นี่เป็นศิลปะการต่อสู้ขั้นต้นของตระกูลเยี่ย หมัดทลายภูผา !

ในเวลาเดียวกัน หมัดของเยี่ยฉวนก็ได้สวนมาในระดับเดียวกันกับเขา

ปัง !

สองหมัดชนกัน สีหน้าของเยี่ยกู่พลันเปลี่ยนไปอีกครา ด้วยเนื้อหนังบนมือขวาของเขาแตกยับ เลือดไหลซ่านกระเซ็น !

ก่อนที่เยี่ยกู่จะทันได้ตอบสนอง เยี่ยฉวนก็พุ่งเข้าใส่แล้วระเบิดพายุหมัดเข้าที่หน้าท้องของเยี่ยกู่อย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์