บทที่ 82 กลัวอะไร ? จัดการมันเลย ! (ปลาย)
หลังชายชราเดินไปไกล จี้อันซื่อพลันหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “ไปทำกับข้าวมาอีก !”
ชายหนุ่มพูดไม่ออก “…”
ครึ่งชั่วยามถัดมา เมื่อจี้อันซื่ออิ่มหนำดีแล้ว นางจึงลุกขึ้นจากโต๊ะ “ข้าขอเตือนในฐานะมิตรสหาย สถานศึกษาฉางมู่มีอัจฉริยะยอดฝีมือสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ชายมีชื่อว่าเฟินเจี๋ยและหญิงชื่อเป่ยเฉิน ทั้งสองคนอายุไม่ถึงยี่สิบแต่สำเร็จขั้นทะยานสวรรค์ ป่านนี้พวกเขาคงกำลังจะสำเร็จขั้นสันโดษแล้วก็ได้ ลองคิดเช่นนี้ว่า ในแคว้นเจียง มีคนเพียงคนเดียวที่สามารถสกัดกั้นพวกเขาได้ คนคนนั้นเจ้าคงรู้ดีว่าข้าหมายถึงใคร !”
คนที่อยู่มีเพียงไม่กี่คนแต่ทุกคนย่อมรู้ดี ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีใครอื่นนอกจากอันหลานซิ่ว ?!
หญิงสาวพูดเสริมมาอีกว่า “นอกจาก 2 คน ยังมีอีก 3 คนซึ่งเป็นยอดคนขั้นรองลงมา ทว่าไม่มีใครรู้ว่า ทั้งสามคือใคร รู้แต่เพียงว่าแต่ละคนมีความพิเศษแตกต่างกัน ว่ากันว่าหากทั้งสามคนร่วมมือกัน พวกเขาสามารถเอาชนะได้แม้แต่อันหลานซิ่ว !!”
ตอนนั้นโม่อวิ๋นฉีจึงค่อยยกมือขึ้นและถามอย่างขลาด ๆ “เอ้อ จะช้าเกินไปหรือไม่ถ้าข้าขอถอนตัวเสีย ตอนนี้ ?”
หญิงสาวหันขวับจ้องตาโม่อวิ๋นฉีเขม็ง “เจ้ายังมีเวลาให้ปลิดชีพตนเองอีกมาก !”
“ซวยแล้ว !”
โม่อวิ๋นฉีจำต้องทรุดนั่งลงพร้อมถอนใจเฮือก “ข้าถลำมาติดกับดักเพราะตาเฒ่านั่นแท้ ๆ เชียว”
เยี่ยฉวนเอ่ยขึ้นทันที “ในเมื่อทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ข้ามีเรื่องจะหารือกับพวกท่าน”
ทุกคนหันมามองด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มนิ่งคิดพลันเอ่ยออกมาว่า “ข้าสำรวจจนทั่วแล้วพบว่าสถานศึกษาฉางหลานยังขาดแคลนสิ่ง ของจำเป็นสำหรับใช้ประจำวัน อย่างเช่น ฟืนสำหรับหุงต้ม ข้าวสาร น้ำมันประกอบอาหาร เกลือ และของจำเป็นอื่น ๆ ไม่มีแม้แต่กระดาษชำระ พูดสั้น ๆ พวกเราขาดแคลนทุกอย่าง…”
“เวรแล้ว !”
เสียงของโม่อวิ๋นฉีร้องครวญคราง เขาปักหัวลงกับโต๊ะกินข้าว สีหน้าท้อแท้และสิ้นหวัง
เยี่ยฉวนจึงพูดขึ้นด้วยตัดสินใจแล้วว่า “ข้าคิดจะลงจากเขาเข้าเมืองไปหาซื้อสิ่งของจำเป็น แต่ตอนนี้ ไม่มีเงินเลย พวกเจ้าแต่ละคนสมควรร่วมด้วยช่วยกัน นำเบี้ยของทุกคนมารวมกันเถอะ !”
ทุกคน “…”
เมื่อเห็นว่าจี้อันซื่อและคนอื่นยังคงนั่งนิ่ง เยี่ยฉวนจึงได้แต่ยักไหล่ “ไม่เป็นไรถ้าพวกเจ้าไม่อยากทำ เช่นนั้นต่อไปพวกเราต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน ตกลงหรือไม่ ?”
ได้ยินชายหนุ่มพูดว่าดังนั้น ทุกคนก็พลันทำหน้างอ “ต่อไปต่างคนต่างอยู่อย่างนั้นหรือ ? จะให้ข้า กินหญ้าต่างข้าวหรืออย่างไร ?”
ในที่สุดไป๋เจ๋อก็ล้วงเอาถุงใส่เบี้ยยื่นให้เยี่ยฉวน “ข้ามี 20 เหรียญทอง”
เยี่ยฉวนรับมาง่าย ๆ โดยปราศจากพิธีรีตอง หลังจากนั้นชายหนุ่มก็หันไปทางจี้อันซื่อซึ่งเอาแต่ยืนมอง เฉยอยู่ ทว่าสายตาที่มองตรงมากลับทำให้เยี่ยฉวนถึงกับรู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาจึงโบกมือไปมา “ก็ได้ ก็ได้ เจ้าไม่ต้องช่วยลงขัน เช่นนั้นเจ้าช่วยทำอะไรที่พอทำได้ก็แล้วกัน !”
จี้อันซื่อที่ได้ยินดังนั้นก็พลันหันหลังเดินออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์