หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 170

คำพูดของสาริศา ทำให้ดวงตาของชัชวาลฉายแววตาความเศร้าโศกออกมา พอนึกถึงเพชร

เขามักจะนึกถึงภาพที่เล่นด้วยกันในสวนสาธารณะกับเพชรในสมัยเด็กๆ

เพชรในตอนเด็กมักจะตัวติดกับเขา เหมือนแมลงหวี่ที่คอยติดตามตัว เขายังรังเกียจและเบื่อเธอมาก และไม่ยอมพาน้องไปสาวไปเล่นด้วยกัน

กระทั่งพ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ ถึงได้ค้นพบว่าเขาหลงเหลือแค่เจ้าแมลงหวี่ตัวนี้ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวแล้ว

เธอยังเด็กมากนัก จำต้องได้รับการปกป้อง เวลานั้นเขาถึงได้ตระหนักถึงภาระและความรับผิดของตัวเอง

ชัชวาลพูดเบาๆว่า “พ่อแม่ผมเสียชีวิตไปสิบกว่าปีก่อน เพชรเป็นญาติคนสุดท้ายของผมที่เหลืออยู่”

สาริศาเองก็แสดงออกถึงความเสียใจอย่างมาก

เธออยากจะวกกลับมาที่เรื่องประเด็นหลัก เรื่องสัมภาษณ์ชัชวาลเกี่ยวกับนิทรรศการวัตถุโบราณ ไม่คิดเลยว่าชัชวาลกลับไม่อยากพูดต่อเอง

ชัชวาลพูดว่า “เอาล่ะ สิ่งที่เราคุยกันก็พูดแค่นี้พอ สิ่งที่ควรพูดกับคุณก็พูดไปหมดแล้ว”

นี่เป็นการไม่ต้อนรับแขกอย่างเธอ

สาริศาคิด ภารกิจสัมภาษณ์ของFS Magazine ยังไม่เสร็จสิ้นเลยนะ เธอจะไปจากที่นี่แบบนี้ไม่ได้

สาริศาพูดว่า “ คุณชัชวาล ฉันแค่อยากถามคุณเกี่ยวกับนิทรรศการวัตถุโบราณสักสองสามคำถาม ได้มั้ยคะ เราไม่คุยเรื่องอื่น ได้มั้ยคะ”

หางตาชัชวาลปรากฏรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย รอยยิ้มนั่นเป็นความรู้สึกดูถูกสาริศา ราวกับคำพูดของเธอน่าขันมากอย่างนั้น

เขาพูดว่า “คุณคิดว่าธีภพให้คุณมาสัมภาษณ์ผมจริงๆ เพื่อนิทรรศการโบราณครั้งนี้เหรอ ผมค้นพบว่า คนอย่างคุณโง่ไปหน่อยๆ มิน่าล่ะถึงถูกธนพัตหลอกเอา ก็สมควรแล้ว”

คำพูดของชัชวาลหมายความว่ายังไง ธีภพเรียกให้เธอสาริศามาสัมภาษณ์ชัชวาล

เป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่การสมัภาษณ์ แล้วคืออะไรล่ะ! ธีภพกับชัชวาลคนนี้ยืนอยู่ในสมรภูมิรบฝั่งเดียวกันเหรอ หัวใจของสาริศามีคำถามผุดขึ้นมามากมาย

ชัชวาลพูดว่า “บางที คุณก็รู้อยู่เต็มอกว่าธนพัตเป็นคนแบบไหน คุณก็แค่หมุกมุ่นอยู่กับชื่อเสียงคุณนายตระกูลกีรติเมธานนท์คำนี้อยู่ ยังมีผลประโยชน์อยู่ ธนพัตเย็นชาขนาดนั้น คุณช่างอดทนเก่งจริงๆ”

คำพูดของชัชวาลช่างระคายหูเหลือเกิน สาริศาทนฟังต่อไม่ไหว แท้จริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์ต่อไปแล้ว

สาริศาไม่ได้ดื่มกาแฟสักอึก ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป

สุดท้ายชัชวาลก็พูดออกมาว่า “สาริศา หวังว่าคุณจะคิดถึงตัวเองก่อน กลับไปคิดให้ดีถึงคำพูดที่ผมพูดออกไป อนาคตจะได้ไม่เสียใจว่าผมไม่ได้เตือนคุณ”

บรรยากาศการสัมภาษณ์ที่ไม่มีความสุขได้จบสิ้นลงแล้ว

สาริศากลับบ้านอย่างไร้ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงตลอดทาง

ภารกิจสัมภาษณ์ไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ คำถามในการสัมภาษณ์ที่เธอเตรียมพร้อมไว้ ยังไม่ได้เอ่ยถามออกไปสักประโยค ทว่ากลับโดนชัชวาลตอกกลับมาอย่างหมดสภาพ

เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็พบว่าธนพัตได้นั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟาแล้ว

ธนพัตเห็นเธอจึงพูดว่า “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจัง”

“อ้อ วันนี้มีสัมภาษณ์ค่ะ สัมภาษณ์เสร็จแล้ว ฉันก็กลับมาเลย” สาริศาตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เธอจ้องมองแผ่นหลังของธนพัต ลังเลว่าจะเตือนธนพัตเรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นดีหรือไม่

ตรึกตรองอยู่สักพัก เธออดใจไม่ไหว จึงถามออกมาว่า “ธนพัตคะ คุณไปสืบเรื่องที่ฉันถูกลอบร้ายเมื่อสองปีก่อนได้แล้ว แต่สืบเรื่องคนที่ลักพาตัวคุณในตอนนั้นไม่ได้เหรอคะ คุณปู่ก็ตรวจสอบไม่ได้เหรอคะ”

สาริศาคิดว่า ขอเพียงหาตัวคนที่ลักพาตัวในตอนนั้นเจอ บางทีก็อาจจะทำให้รู้ว่าตกลงว่าพชิราเสียชีวิตยังไงในตอนนั้น

ธนพัตก็ไม่จำเป็นต้องทนรับการประณามหยามเหยียดแบบนี้อีกต่อไป

เช่นนั้น ปมในใจของชัชวาลก็จะคลี่คลายออกแล้ว ไม่แน่ธนพัตกับเขายังสามารถกลับมาคืนดีกันเหมือนเมื่อก่อน

ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็รักพชิรามากมายขนาดนั้น

ธนพัตเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ทำไมจู่ๆคุณก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”

“ฉัน ฉันก็แค่คิดไปเรื่อยเปื่อย เลยก็ถามไปเรื่อยเปื่อยค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ