ถ้าเธอไม่ตอบพชิรา สาริศาบอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้ให้ระวังพชิราให้มากขึ้นถึงจะดี แต่เรื่องแบบนี้ แค่เธอป้องกันก็ได้แล้วเหรอ? สาริศารู้สึกว่า ตนเองยิ่งจับธนพัตไว้ไม่อยู่
“ฉันถึงแล้วค่ะ จอดให้ฉันลงตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ” ไม่อยากมีความสัมพันธ์กับพชิรามากเกินไป สาริศาเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ก็ให้พชิราจอดรถแล้ว
พชิราไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากจอดรถให้สาริศา เธอก็ขับรถออกไปเลย
พอมองไปที่ร่างที่ห่างไกลไปเรื่อยๆ ของสาริศาผ่านกระจกมองหลัง ดวงตาของพชิราเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ตนเองพูดถึงขนาดนั้น แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แม้แต่นิดเดียว ช่างอ่อนแอจริงๆ แต่ว่าแบบนี้ก็ดี เธอจะได้จัดการง่ายขึ้น
วันรุ่งขึ้น สาริศาได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่ บอกว่าอยากให้เธอไปทานข้าวเย็นด้วย คิดไปแล้วเธอก็ไม่ได้เจอคุณปู่มานานแล้ว สาริศาจึงตอบรับ หลังจากเลิกงาน เธอจึงเดินทางมาถึงสถานที่นัดกินข้าวกับคุณปู่ของเธอ
“ริศา ปู่ได้ยินเรื่องของพชิราแล้ว หนูเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากที่สาริศานั่งลงบนโต๊ะอาหารแล้ว ท่านประเสริฐก็ไม่ได้วกวน เอ่ยถามอย่างตรงประเด็น เขากลัวว่าสาริศาจะทำใจไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ” พอเห็นท่าทางเป็นห่วงของคุณปู่ สาริศาก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก อย่างน้อยคุณปู่ก็ห่วงใยเธอจริงๆ “คุณปู่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูไม่เป็นไร จะไม่คิดไปเองแน่นอน”
พอได้ยินคำพูดของสาริศา ประเสริฐก็มองไปที่สาริศาอย่างกังวลใจมากขึ้น ท่าทีเหมือนลังเลที่จะพูด
ในเวลานี้สาริศาถึงได้รู้สึกตัว ที่คุณปู่ชวนเธอออกมาทานอาหารเย็น คงไม่ใช่แค่อยากปลอบใจเธอเท่านั้น แต่จะต้องมีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่อยากบอกเธอแน่นอน
“คุณปู่คะ คุณปู่มีอะไรจะพูดกับหนูใช่ไหม เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณพชิราใช่หรือเปล่าคะ” สาริศาถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม” พอได้ยินสาริศาเอ่ยถามขึ้นมาก่อน ท่านประเสริฐจึงไม่อ้ำอึ้งอีกต่อไป “ก่อนหน้านี้หนูขอให้ปู่ตรวจสอบคดีลักพาตัวเมื่อสิบปีก่อนไม่ใช่เหรอ? ที่จริงแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ปู่ได้ความคืบหน้าใหม่มาบ้างแล้ว”
พอได้ยินว่าท่านประเสริฐจะพูดกับเธอเรื่องคดีลักพาตัวเมื่อสิบปีที่แล้ว สีหน้าของสาริศาก็ซึมเศร้าไปเล็กน้อย “คุณปู่คะ ในเมื่อคุณพชิรากลับมา และเธอได้บอกเล่าให้เราฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องในตอนนั้นแล้วค่ะ ช่วงนี้รบกวนคุณปู่จริงๆ ค่ะ”
ท่านประเสริฐส่ายหน้า “คำบอกเล่าของพชิราถูกเขียนในข่าว แต่ความจริงที่ปู่ตรวจสอบเจอกลับไม่เหมือนกับที่พชิราเล่ามา”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?” สาริศาเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เธอคิดไม่ถึงว่าผลการตรวจสอบจะแตกต่างจากที่พชิราพูด
“ปู่สั่งให้คนไปตรวจสอบพนักงานทำความสะอาดที่พชิราบอกว่าเป็นคนช่วยเธอไว้ แต่ว่า มีคนบอกว่าวันเกิดเหตุพวกเขายังเห็นพนักงานทำความสะอาดคนนั้นนั่งเล่นไพ่กับคนอื่น ไม่ได้ไปทำความสะอาดพื้นที่บริเวณนั้นเลย”
“งั้น คุณปู่หมายความว่าคุณพชิราพูดโกหกเหรอคะ?” พอสาริศาได้ยินท่านประเสริฐพูด เธอตกใจ “แล้วเธอจะโกหกไปทำไมคะ”
“ปู่เองก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่เจอว่าเรื่องในตอนนั้นเป็นยังไง ด้านปู่ได้เบาะแสที่มันกระจัดกระจายผสมกันไป่” ท่านประเสริฐเองก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ “แน่ว่า ริศา ปู่ไม่ชอบคนพชิรามาตั้งเด็กแล้ว ปู่รู้สึกว่าเธอเจ้าเล่ห์ตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากนี้เข้าใกล้เธอ หลานต้องระวังตัวให้มาก”
“อืม หนูเข้าใจแล้วค่ะคุณปู่” สาริศาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังจากทานอาหารเย็นกับท่านประเสริฐเสร็จ สาริศายิ่งคิดก็รู้สึกแปลกๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างระหว่างทางกลับบ้านสาริศายิ่งคิดยิ่งรู้สึกแปลกใจ ถ้าเป็นอย่างที่คุณปู่พูดกับตนเอง แน่นอนว่าพชิราต้องพูดโกหก โดยไม่ต้องสงสัย คำพูดที่เธอบอกเล่าที่บ้านตระกูลนิธิธราสกุลนั้นเต็มไปด้วยช่องโหว่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...