เวลานี้จิตใจของพชิราเต็มไปด้วยความกระหยิ่มใจ เดิมทีเธอยังคงมีความตระหนกเล็กน้อย กังวลว่าสาริศาจะบุกเข้ามาโดยไม่สนใจสิ่งใด ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นแผนตัวเองก็คงจะแตก
คิดไม่ถึงว่าเธอจะคาดเดาไว้ไม่ผิด สาริศาไม่มีความกล้าที่จะเข้ามา ช่างปอดแหกจริง ๆ!
อีกทั้งสมองยังโง่เหมือนควายอีก ไม่น่าว่าจะหลอกได้ง่ายเพียงนี้
เดินลงมาจากบันไดอย่างช้า ๆ พชิราเก็บเสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น จากนั้นก็ขึ้นไปยังห้องนอนอีกครั้ง ทำตัวสบาย ๆ ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พชิรายืนอยู่หน้ากระจกห้องแต่งตัวและกำลังปรับเข็มขัดเสื้อ ก็เหลือบเห็นตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจ พริชาจึงยื่นมือออกไปเปิด
เห็นเสื้อผ้าของสาริศากับธนพัตที่ใส่ไว้ในตู้ด้วยกัน ใจของพริชาก็ผุดเพลิงแห่งความโกรธ และก็โยนเสื้อผ้าของสาริศาออกจากตู้เสื้อผ้า
“สาริศา เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถือดียังไงมาแต่งงานกับธนพัต!” ด่าทอสองสามประโยคด้วยเสียงสูงแล้ว เปลวเพลิงแห่งความโกรธของพชิราถึงได้สงบลงเล็กน้อย
หลังจากที่สงบอารมณ์ลงแล้ว พชิราเก็บเสื้อผ้าของสาริศามาแขวนใหม่อย่างไม่เต็มใจ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ตัวเองจะไม่สามารถให้ธนพัตจับพิรุธตัวเองได้
ฮึ่ม รอให้ตัวเองกับธนพัตลงเอยด้วยกันแล้ว เธอจะต้องโยนของที่เกี่ยวข้องกับสาริศาทิ้งไปให้หมด!
หลังจากสงบสงบสติอารมณ์แล้ว สาริศาก็เดินออกจากห้องลงมาจากตึก
เห็นพชิราเดินลงมาจากตึกแล้ว แม่บ้านก็ได้รีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าเธอ “คุณพชิรา ดิฉันได้ทำตามที่คุณกำชับไว้แล้ว คุณอย่าได้ลืมในสิ่งที่คุณรับปากนะคะ”
เหลือบตามองไปทางแม่บ้าน น้ำเสียงของพชิราที่เต็มไปด้วยการหมดความอดทน “วางใจเถอะ ฉันไม่ลืมหรอก”
คนพวกนี้ก็มักจะเป็นแบบนี้ เพียงแค่ให้พวกเขาช่วยเหลือนิดหน่อย แต่ละคนก็คิดหวังแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ด้วยสถานะของตัวเองเช่นนี้ ให้พวกเขาช่วยเหลือ ถือเป็นการให้ค่าพวกเขามากแค่ไหนแล้ว
“คุณพชิรา คุณจะต้องรีบช่วยดิฉันดำเนินเรื่องไปต่างประเทศนะคะ เรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าคุณธนพัตจะจับได้เมื่อไหร่ ฉันกลัวมากจริง ๆ หากยังอยู่ที่บ้านหลังนี้”
สีหน้าของแม่บ้านเต็มไปด้วยความกังวล คุณธนพัตที่ดูเป็นคนฉลาด เกรงว่าคงจะไม่โดนหลอกได้ง่าย ๆ
ความจริงตอนแรกเธอก็ไม่อยากจะรับปากเรื่องนี้กับพชิรา เพราะอย่างไรเธอเป็นแม่บ้านให้กับธนพัตที่ระยะเวลาก็ไม่ถือว่าสั้น เธอก็พอจะรู้ว่าชั้นเชิงของธนพัตนั้นเป็นอย่างไร แต่ว่าเงื่อนไขที่พชิราเสนอมาให้นั้นช่างดึงดูดใจเหลือเกิน
“รู้แล้ว ๆ” พชิรากล่าวด้วยความโมโห “อีกอย่าง อย่าได้พูดว่าธนพัตจะรู้เรื่องนี้อะไรอีก ขอเพียงเธอไม่พูดฉันไม่พูด เขาจะรู้ได้อย่างไร ฉันขอเตือนเธอ ถ้าหากธนพัตรู้ คนแรกที่ฉันจะไม่ปล่อยไปก็คือเธอ”
“รู้แล้วค่ะคุณพชิรา คุณวางใจได้ เรื่องนี้ดิฉันไม่มีทางคุยกับใครค่ะ” เมื่อได้ยินคำข่มขู่จากพชิรา แม่บ้านก็รีบตอบกลับอย่างระมัดระวังด้วยความกลัว
พชิรายกมือขึ้นโบกอย่างหมดความอดทน “เรื่องของเธอเดี๋ยวฉันจะจัดการให้ เธอออกไปก่อน”
“ค่ะ” หลังจากตอบรับแล้ว แม่บ้านก็จากไปอย่างระมัดระวัง เพียงแต่ว่าเวลานนี้ดูจากท่าทางของเธอแล้วเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความกระวนกระวายใจของเธอ
ในเวลานี้โทรศัพท์ในมือของพชิราได้ดังขึ้นฉับพลัน
“กลับมา” พชิราได้เรียกแม่บ้านให้หยุด นี่เป็นโทรศัพท์ของธนพัต เธอไม่กล้าที่จะรับ กลัวว่าจะถูกจับพิรุธได้แล้วจะแย่ “เธอมารับหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...