ในห้องประชุม เดิมทีผู้อำนวยการฝ่ายการเงินกำลังรายงานกำไรไตรมาสนี้ เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงอย่างฉับพลันของธนพัต จึงเหงื่อแตกทันที
หรือว่ารายงานมีปัญหาอะไร แต่ไม่นะ กำไรก็เติบโตขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
ผู้อำนวยการฝ่ายปาดเหงื่อไม่หยุดและรายงานเนื้อหาส่วนสุดท้าย ก่อนจะถามธนพัตอย่างระมัดระวัง “ประธานธนพัต ขอเรียนถาม......มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
เงียบกริบ
ดูเหมือนว่าธนพัตจะไม่ได้ฟังรายงานของผู้อำนวยการฝ่ายเลย เพียงแค่พยักหน้า สายตาเย็นชาตกอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะ
บนโทรศัพท์มือถือ คือวีแชทของสาริศา
(ธนพัต ฉันกลับบ้านตัวเองนะ มาดูแลคุณแม่ที่ออกจากโรงพยาบาล)
ถ้อยคำเรียบง่าย แต่ทำให้ความโกรธของธนพัตปะทุขึ้นมาจุกอก
บ้านตัวเอง?
บ้านของเธอ ไม่ใช่บ้านที่อยู่กับเขาหรือไง
ผู้หญิงคนนี้ รู้วิธีกระตุ้นความโกรธของเขาจริงๆ!
ความเงียบของธนพัต กลับก่อความตื่นตระหนกให้คนที่อยู่ตรงนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างๆ ที่นั่งอยู่ โดยปกติไหนเลยจะไม่ใช่คนวางท่าถือดี แต่เวลานี้ ทุกคนต่างมองธนพัตอย่างหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะไม่พอใจกับผลงานของไตรมาสนี้
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ทุกคนต่างรู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองเปียกชุ่มไปหมด กระทั่งในที่สุดธนพัตก็เงยหน้าขึ้น
ทุกคนคิดว่าเขาจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกำไรของไตรมาสนี้ แต่ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาก็เอ่ยปากว่า “ยกเลิกการประชุมวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ”
สิ้นคำ เขาไม่สนสายตาช็อกของคนทุกทิศ เลื่อนรถเข็นใต้ลำตัวตรงออกไปจากห้องประชุม
แม้แต่ชรัณในตอนนี้ก็ยังงุนงง หลังจากอึ้งไปหลายวินาที ถึงได้รีบตามไป
“คุณชายครับ” ไม่นานเขาก็ตามธนพัตทัน “เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นครับ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเราในญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวเหรอครับ หรือว่ามีพายุเฮอริเคนที่โรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาครับ”
ในจิตใต้สำนึกของเขา ถ้าธนพัตขัดจังหวะการประชุม จะต้องมีเรื่องใหญ่มากเกิดขึ้นแน่นอน
แต่ไม่คิดว่า จู่ๆ ธนพัตก็หยุดรถเข็น เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชา “ชรัณ ไปตรวจสอบให้ผมว่าบ้านแม่ของสาริศาอยู่ที่ไหน”
“บ้านแม่ของคุณนายน้อย?” ชรัณหน้าตาโง่เง่าไปทันที
แต่ธนพัตไม่ได้สนใจเขาอีก แค่เลื่อนรถเข็นจากไปอีกครั้ง และทิ้งประโยคเย็นยะเยือกเอาไว้ “หลังจากสืบได้แล้ว เราไปที่นั่นทันที”
……
ตอนนี้เวลานี้ สาริศาอยู่ในบ้านกำลังป้อนอาหารกันยาอย่างระมัดระวัง ไม่รู้เลย ว่าข้อความสั้นๆ ของตัวเอง จะก่อความโกรธจัดให้ชายหนุ่มแบบนี้
เธอซื้อโจ๊กและซุปข้างนอก แต่ไม่คิดว่าโจ๊กที่ร้านนี้ทำมันก็แค่ข้าวเย็นผสมกับน้ำ แข็งกระด้าง กันยาทานไปไม่กี่คำก็ทานต่อไม่ไหว
สาริศาเริ่มกังวลอีกครั้ง หยิบทิชชูมาเช็ดปากให้เธอ “คุณแม่ทานน้อยเกินไปนะคะ ฉันจะไปซื้อมาให้คุณแม่ใหม่”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็ลุกขึ้นสวมเสื้อนอก
กันยาขมวดคิ้ว “นี่เกือบสี่ทุ่มแล้ว ที่ไหนยังจะมีอาหารให้แกซื้อได้อีก”
“แต่คุณแม่ก็ไม่ทานไม่ได้นะคะ เอาอย่างนี้ ถ้าไม่มีร้านอาหารเปิด ฉันจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตกลับมาค่ะ”
พูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็เดินตรงไปที่ประตู
ลงไปยังชั้นล่างยูนิตอาคาร สาริศากำลังเดินไปพลางนับเศษเหรียญในกระเป๋าเงิน จู่ๆ ตรงหน้าก็มีไฟกะพริบส่องมา
เธอยกมือขึ้นมาบังตา ยากลำบากกว่าจะปรับสายตาให้เข้ากับแสง ก่อนจะเห็นเบนท์ลีย์สีดำ ขับช้าๆ มาทางเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...